"พ.ต.ท.ศักดา ช่างเรือ" อดีตรอง ผกก.จร.สน.ลุมพินี จำเลยคดีชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี ติดต่อทนายความยืนยันเดินทางฟังคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์วันพรุ่งนี้ อ้างเหตุไม่มาฟังครั้งแรกเนื่องจากไม่ทราบหมายนัด และติดธุระที่จังหวัดระนอง โดยไม่มีพฤติการณ์หลบหนี
สำหรับความคืบหน้าคดีที่พนักงานอัยการกองคดีอาญา 9 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นางแวว หรือแมว สุขนุ่ม อายุ 46 ปี เป็นจำเลยที่ 1 ฐานพรากผู้เยาว์ เป็นธุระจัดหาเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปี เพื่อสนองความใคร่ผู้อื่น, จ.ส.ต.อนันต์ นาคสุข หรือจ่าหวัง อายุ 38 ปี อดีตสายตรวจ สน.บุปผาราม เป็นจำเลยที่ 2 ฐานกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน 13 ปี และ พ.ต.ท.ศักดา ช่างเรือ อายุ 47 ปี อดีตรอง ผกก.จร.สน.ลุมพินี เป็นจำเลยที่ 3 ฐานกระทำอนาจารเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปี และกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน 13 ปี
หลังจากคดีนี้เมื่อวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา ศาลอาญาได้เลื่อนนัดอ่านคำพิพากษามาแล้วครั้งหนึ่ง หลังจากเสมียนทนายของ พ.ต.ท.ศักดา จำเลยที่ 3 ได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนนัดฟังคำพิพากษาออกไปอีก โดยอ้างว่าเนื่องจากที่ผ่านมาจำเลยที่ 3 ไปเป็นมัคคุเทศก์พานักท่องเที่ยวต่างชาติไปที่ จ.ภูเก็ต ในช่วงที่เกิดภัยพิบัติคลื่นยักษ์สึนามิ และญาติยังไม่ได้รับการติดต่อจากจำเลยที่ 3 จึงขอเวลาในการติดตามตัวจำเลยที่ 3 ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่ามีเหตุจำเป็นจึงอนุญาตให้เลื่อนฟังคำพิพากษาออกไปเป็นวันพรุ่งนี้ (24 มี.ค.) เวลา 09.00 น.
วันนี้ (23 มี.ค.) นายเสถียร สมานโสร์ ทนายความของ พ.ต.ท.ศักดา เปิดเผยกับ "ทีมข่าวอาชญากรรม ผู้จัดการออนไลน์" ว่า เมื่อประมาณ 15 วันที่ผ่านมา พ.ต.ท.ศักดา ลูกความได้ติดต่อกลับมาโดยแจ้งว่าไม่ทราบหมายนัดของศาล และอยู่ระหว่างการทำงานอยู่ที่จังหวัดระนอง ซึ่งหลังจากได้รับการติดต่อจากลูกความ ตนก็ได้ทำเรื่องแจ้งให้ศาลทราบว่าสามารถติดต่อลูกความได้แล้ว โดยที่ลูกความไม่มีพฤติการณ์จะหลบหนี และจะเดินทางมาฟังคำพิพากษาของศาลตามวันนัดในวันพรุ่งนี้ เวลา 09.00 น.
นายเสถียร์กล่าวอีกว่า คดีนี้ไม่ว่าศาลอุทธรณ์จะมีคำพิพากษาให้จำเลยแพ้หรือชนะคดี ตนก็จะทำการยื่นประกันตัวลูกความต่อศาลเพื่อดำเนินการต่อสู้คดีในชั้นศาลฎีกาต่อไป
สำหรับคดีนี้ ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 19 ธ.ค.45 เห็นว่าจำเลยทั้งสามกระทำผิดตามฟ้องจริง ทั้งนี้ เพื่อคุ้มครองสวัสดิภาพของเด็ก และป้องปรามมิให้มีการล่อลวงเด็กไปทำการค้าประเวณี ศาลจึงเห็นสมควรลงโทษสถานหนัก พิพากษาจำคุกจำเลยที่ 1 เป็นเวลา 6 ปี ในความผิดฐานพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเพื่อการอนาจาร, ฐานเป็นธุระจัดหาชักพาเด็กไปเพื่อทำการค้าประเวณี จำคุกกระทงละ 15 ปี จำนวน 16 กระทง รวมจำคุก 240 ปี แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วคงจำคุกจำเลยที่ 1 ไว้ 50 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 (3) สำหรับจำเลยที่ 2 มีความผิดฐานกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี จำคุก 8 ปี ส่วนจำเลยที่ 3 มีความผิดฐานกระทำอนาจารเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี จำคุก 2 ปี และผิดฐานกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี จำคุก 2 กระทงๆ ละ 8 ปี รวม 16 ปี คง จำคุกจำเลยที่ 3 ไว้ 18 ปี
โดยคดีนี้เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 6-15 ธ.ค.44 เวลากลางคืน จำเลยที่ 1 กับพวกอีกหลายคนร่วมกันพรากเด็กหญิงอายุ 12 ปีเศษไปจากผู้ปกครองเพื่อค้าประเวณีโดยหลอกลวงผู้เสียหายให้กับจำเลยที่ 2 และ 3 กระทำชำเรา ภายหลังถูกจับกุมดำเนินนคดีแล้วจำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธต่อสู้คดีมาโดยตลอด
ย้อนอดีตพิสูจน์“อาศักดา”ถูก“สึนามิ”กลืน
หรือเจตนากลมกลืน(ให้สาบสูญ)ไปกับคลื่นยักษ์!
สมาคมมัคคุเทศก์ เชื่อ"อาศักดา"อ้างสึนามิหนีคดี
"หมอพรทิพย์"ยันไม่มีญาติ"อาศักดา"ติดต่อดูศพเหยื่อสึนามิ
"นพดล"ชี้ยังไม่มีญาติ"อาศักดา"ตรวจดูศพเหยื่อสึนามิ
คดี"อาศักดา"อึ๊บเด็ก สะดุดจำเลยหายไปกับคลื่นสึนามิ