xs
xsm
sm
md
lg

อาลัยแด่"ทนายสมชาย" ขอเพียงเศษ"เถ้าธุลี"ก็ยังดี

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

ย้อนรำลึก 1 ปี (12 มี.ค.47) กับการหายตัวไปอย่างลึกลับของนายสมชาย นีละไพจิตร อดีตประธานชมรมนักกฏหมายมุสลิมและนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชน คนสำคัญ แม้วันนี้จะบรรจบครบรอบ 1 ปี พอดิบพอดี แต่การต่อสู้และความดีของทนายสมชาย ในอดีตที่ผ่านจนถึงวันนี้ ยังคงฝังตรึงใจ คนในสังคม

แม้ว่าความหวังแห่งการรอคอย จะริบหรี่เต็มที แต่เชื่อว่า อีกกี่สิบร้อยปี ครอบครัวของทนายสมชาย จะยังคงเฝ้ารอการกลับมาของ"เสาหลัก อย่างทนายสมชาย"ไปชั่วตลอดกาล

เนื่องในโอกาสครบรอบ 1 ปี กับการหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยของทนายสมชาย ทีมข่าวอาชญากรรมออนไลน์ ซึ่งได้ติดตามข่าวนี้มาตั้งแต่ต้นและยังคงมีความหวังเช่นเดียวกับครอบครัวของทนายสมชาย จึงได้ยกทีมข่าวไปเยี่ยมครอบครัวนี้ อีกเป็นครั้ง ที่สอง เพื่อจะได้สอบถามถึงความเป็นอยู่และความหวังของครอบครัว"นีละไพจิตร"ก่อนจะนำเผยแพร่ออกสู่สาธารณชน

นางอังคณา นีละไพจิตร (วงศ์ราเชนทร์) ภรรยาทนายสมชาย เปิดบ้านย่านสี่แยกบ้านแขก ย่านฝั่งธนบุรี ต้อนรับทีมข่าวอาชญากรรมในฐานะแขกผู้คุ้นเคย จากการสังเกตไปรอบๆตัวบ้าน เกือบ 1 ปีที่ผ่านมา จนเผลอลืมคิดไปว่า "ทนายสมชาย ยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งเป็นปกติที่วันจันทร์-ศุกร์ ทนายสมชาย จะออกไปทำงานตั้งแต่เช้า เพราะข้าวของ โต๊ะทำงานตัวใหญ่ หนังสือตัวบทกฎหมาย ของทนายสมชาย ยังอยู่ครบทุกชิ้น ไม่มีฝุ่นเกาะ เสมือนว่าอุปกรณ์ในชีวิตประจำวัน ทนายสมชายยังคงหยิบจับ นำมาใช้อย่างสม่ำเสมอ" เพราะลักษณะการจัดวางก็เหมือนกับในครั้งแรกที่ได้เราได้ไปเยือน

“ทุกคนในบ้านรวมทั้งตัวดิฉัน ยังตั้งความหวังว่า จะได้เจอกับคุณสมชาย แม้จะอยู่ในสภาพของเถ้าธุลีแล้วก็ตาม” นางอังคณาสะท้อนถึงความหวังที่เหลือยู่

เธอยังเล่าต่อว่า ตลอดระยะเวลา 1 ปี ที่ผ่านมา ลูกทั้งหมด 5 คน หญิง 4 คน และชาย 1 คน ทุกคนยังคิดว่า "พ่อยังอยู่ไม่ได้หายไป มีการพูดถึงคุณพ่อ ด้วยความคิดถึงเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ เว้นเรื่องเดียวที่ไม่พูดถึงคือ พ่อหายไปไหน" เพราะคำถามนี้ สะเทือนจิตใจคนในครอบครัวอย่างรุนแรง

แม้วันนี้"จะมีการจับกุมตัวคนร้าย ที่เกี่ยวโยงกับการหายตัวไปของทนายสมชาย ได้สักกี่คน ก็ไม่มีความหมาย และน่ายินดีไปกว่าการได้ตัวสามี และผู้เป็นพ่อกลับมา หากให้ปล่อยตัวจำเลยที่เป็นตำรวจทั้ง 5 คน ไปรับรางวัลตำรวจดีเด่น เพื่อแลกกับทนายสมชาย กลับบ้าน ครอบครัว นีละไพจิตร ก็ยินดี" ถึงตรงนี้นางอังคณาน้ำตาคลอเบ้า

ภรรยาผู้รอคอยเล่าต่อว่า ตลอดระยะเวลา 1 ปี ที่ผ่านมา การหายตัวไปของทนายสมชาย ครอบครัวได้รับผลกระทบค่อนข้างรุนแรงโดยเฉพาะกับภาวะจิตใจ การให้กำลังใจ ซึ่งกันและกัน ระหว่างแม่กับลูก ลูกกับแม่ และลูกๆ ด้วยกัน ถือเป็นยาขนานเอกชั้นดี ที่ทำให้เธอ และลูกๆ มีพลังใจอย่างยิ่งยวด เพื่อที่จะลุกขึ้นต่อสู้ในสังคมโลกใบนี้ แม้จะขาดซึ่งเสาหลักของครอบครัวก็ตามที

“ปัญหาตามมา หลังคุณสมชายหายตัวไป คือเรื่อง จัดการทรัพย์สิน และหนี้สินของคุณสมชาย เอาแค่เรื่องเล็กๆ ที่ยังมีปัญหาทุกวันนี้ ก็คือ ค่าค้างชำระหนี้ ค่าโทรศัพท์มือถือของคุณสมชาย ที่ใช้แบบเหมาจ่ายรายเดือน ในระบบเอไอเอส ตั้งแต่ทนายสมชายหายไปใหม่ๆ เคยโทรแจ้งระงับการใช้ แต่เจ้าหน้าที่แจ้งว่า บุคคลอื่นไม่สามารถขอระงับการใช้บริการได้ นอกจากเจ้าของเครื่อง ซึ่งเมื่อปลายปีที่แล้วมีหนังสือทวงถามให้ชำระค่าโทรศัพท์ จากบริษัท จำนวน 9 พันบาท ไม่รวมกับค่าทนายความ หากไม่ชำระจะดำเนินคดีตามกฎหมาย” เธอกล่าวและว่า ขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการปรึกษากับทางสภาทนายความ เพื่อร้องต่อศาลขอเป็นผู้จัดการทรัพย์สินของทนายสมชาย ในฐานะเป็นผู้ไม่อยู่ตามกฎหมาย หลังครบ 1 ปี ซึ่งจะร้องขอต่อศาลเพื่อที่จะขอเป็นผู้จัดการทรัพย์สินเอง

ทุกวันนี้ในภาวะความโชคร้าย ของครอบครัวนีละไพจิตร ก็ยังมีความโชคดีอยู่บ้าง ค่าใช้จ่ายในครอบครัว ไม่มีอะไรมากนัก ไม่ต้องเช่าบ้านอยู่ เพราะบ้านปัจจุบัน ทนายสมชาย ได้ซื้อไว้เมื่อประมาณ 20ปีที่แล้ว กำลังใจจากลูกทั้ง 5 คน ที่ประพฤติตัวเป็นคนดีและตั้งใจศึกษาเล่าเรียน หากทนายสมชายรับรู้ด้วย จะถือว่าเป็นครอบครัวที่ประเสริฐสุด โดยขณะนี้บุตรสาวคนโต จบการศึกษาคณะนิติศาสตร์ และเนติบัณฑิตไทย ปัจจุบัน ทำงานที่ศาลปกครอง บุตรสาวคนที่ 2 กำลังจะจบการศึกษา จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะรัฐศาสตร์ ส่วนบุตรที่เหลืออีก 3 คน ทางสภาทนายความได้จัดหาทุนการศึกษามาช่วยเหลือให้ทุกปีการศึกษา จนกว่าจะเรียนจบการศึกษาชั้นระดับปริญญาตรี

“เด็กๆทุกคน ถูกฝึกมาตั้งแต่สมัยที่คุณพ่อยังไม่หายไปนั้นคือ การมีค่าขนม จากรายได้ของการมีงานทำนอกเวลาเรียน นอกจากคนโตมีงานประจำทำแล้ว บุตรสาวคนที่ 2 ที่ใกล้จบการศึกษา ช่วยงานอยู่กับ อาจารย์ สุรชัย หวันแก้ว อยู่ที่คณะรัฐศาตร์ จุฬาฯ บุตรสาวคนที่ 3 ช่วยงานวิจัยอาจารย์ ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และช่วงปิดเทอมก็ไปทำงานเป็นบรรณารักษ์ ห้องสมุด เอกชน บุตรสาวคนที่ 4 รับจ้างซักรีดเสื้อผ้า ในช่วงเสาร์-อาทิตย์ ส่วนบุตรชาย คนสุดท้าย ยามว่าง จะทำงานรับจ้างทั่วไป เช่นรับไปเสียค่าน้ำค่าไฟ รับถางหญ้าบ้าง” นี่คือความภาคภูมิใจ ที่คุณพ่อฝากไว้

“ดิฉันเฝ้าดูลูกทุกวัน หลังพ่อพวกเขาหายไป แรกๆ อาจรู้สึกโซซัดโซเซบ้าง แต่ตลอด 1 ปี ที่ผ่านมา ลูกทุกคนเข้มแข็งขึ้น มองโลกอย่างมีเหตุผล ส่วนหนึ่งต้องขอบคุณสังคม ที่ได้ให้โอกาส และช่วยดูแลครอบครัว ทำให้รู้สึกว่าสังคมยังมีความเป็นธรรมหลงเหลือยู่บ้าง”


แม้จะมีลูกเป็นกำลังใจที่ดีแต่ก็รู้สึกกังวลใจ กับการต่อสู้คดี ความในฐานะโจทก์ร่วมที่อัยการยื่นฟ้องตำรวจ 5 นาย เป็นจำเลยในคดีการหายตัวไปของนายสมชาย การเป็นหัวหน้าครอบครัว แทนคุณสมชาย ที่ต้องคอยทวงถามหาความยุติธรรมให้กับสามี ที่ตัวเองรู้สึกเหนื่อยใจมากกว่า

” กรณีการหายตัวไปของสามี ซึ่งดิฉันเองค่อนข้างแปลกใจ เท่าที่รู้มา คดีอาญาทั่วไป พนักงานสอบสวนมักจะเรียกตัวภรรยาหรือญาติผู้เสียหายไปพบ เพื่อจะได้ติดตามคดี แต่ในคดีของสามี ตำรวจไม่เคยเรียกไปพบเพื่อชี้แจง ก่อนส่งสำนวนให้อัยการ และทั้งที่ ได้ยื่นคำร้อง เข้าเป็นโจทก์ร่วม ทางพนักงานอัยการ ก็ไม่ได้ให้ข้อมูลมาทั้งหมด ซึ่งก็ยังไม่ทราบเลยว่า พยานที่เห็นเหตุการณ์เป็นใคร สิ่งที่ติดค้างในใจ คือเรื่องการหาตัวคนสมชายว่าทำไมจึงไม่มีความคืบหน้า เท่าที่ทราบมีการหยุดตามหาตัวคุณสมชาย หลังจับกุมผู้ต้องหาชุดแรก เท่านั้น และไม่เคยได้รับคำชี้แจงใด จากกรมสอบสวนคดีพิเศษว่า ทำไมจึงไม่รับคดีการหายตัวไว้ทำการสอบสวน ครอบครัว ได้แต่ขอพรจากพระผู้เป็นเจ้า แม้จะเป็นศพ ก็อยากได้มาประกอบพิธี ทางศาสนา คุณสมชายทิ้งเอาลูกหลายคน ไว้ข้างหลังมันเรื่องที่สร้างความเจ็บช้ำ ถือเป็นถูกกระทำที่ค่อนข้างทารุณ จะให้ไปขอร้องใคร เพื่อมาทำอะไรให้เรา มากมายก็ไม่ใช่วิสัย เพราะการหายตัวไปของนายสมชายกลายเป็นปัญหาสังคมไปแล้ว ไม่ใช่ปัญหาของครอบครัวเพียงลำพัง”

"หากสวรรค์มีจริงขอให้พระผู้เป็นเจ้า โปรดประทานพรให้ครอบครัว"นีละไพจิตร"พบนายสมชาย แม้จะเหลือเพียงเถ้าธุลี ก็ยังดีเพราะจะได้นำมาประกอบกอบพิธี ทางศาสนาและอัญเชิญดวงวิญญาณของสามีให้กลับมาสิงสถิตย์อยู่กับครอบครัวตลอดไปชั่วนิรันดร "นั่นคือเสียงสะท้อนกับความทรงจำในอดีตที่หลงเหลืออยู่ ของนางอังคณา ภรรยาผู้ซื่อสัตย์ตลอดกาล








กำลังโหลดความคิดเห็น