เอ คำพันธ์ บุตรชายเซียนพระชื่อดัง “พยัพ คำพันธุ์” นายกสมาคมพระเครื่อง ดอดเข้ามอบตัวตร. ปิดข่าวเงียบ พร้อมนำตัวฝากขังแจ้ง 4 ข้อหาฉกรรจ์ทันที ก่อนศาลอนุญาตให้ประกันตัว ตั้งแต่วันที่ 9 ก.พ.ที่ผ่านมา
จากเหตุการณ์นายทรงพล หรือ เอ คำพันธ์ อายุ 21 ปี บุตรชายคนเล็กของเซียนพระชื่อดัง “พยัพ คำพันธุ์” นายกสมาคมผู้นิยมพระเครื่องและพระบูชา บ้านเลขที่ 203/179 ซอย 3/3 หมู่บ้านชัยพฤกษ์ ถนนบางกรวย-ไทรน้อย หมู่ 1 ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงนายสมนึก สีดา ยามรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านเสียชีวิต และยิงจ.ส.ต.ชาติ สมัครราช หัวหน้ารปภ.บาดเจ็บสาหัสเมื่อกลางดึกคืนวันที่ 22 พ.ย.2547
วานนี้ (13 ก.พ.) พล.ต.ต.คำรบ ปัญญาแก้ว ผู้บังคับการตำรวจภูธร จังหวัดนนทบุรี ให้สัมภาษณ์ผ่านผู้จัดการออนไลน์ว่า นายทรงพล หรือ เอ ผู้ต้องหา พร้อมนายพยัพ คำพันธ์ ผู้เป็นพ่อและทนายความ ได้เดินทางเข้ามอบตัวกับ พ.ต.อ.ศุภกิจ ศรีจันทรนนท์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธธจังหวัดนนทบุรี และพ.ต.อ. สาโรจน์ สำเภาเงิน ผู้กำกับการ สภ.อ.บางบังทอง และพนักงานสอบสวน เมื่อเช้าวันพุธ (9 ก.พ.) ที่ผ่านมา เวลา 06.00 น. ซึ่งผู้ต้องหาให้การปฏิเสธและขอให้การในชั้นศาล
ต่อมาพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำ พิมพ์ลายนิ้วมือ และแจ้งข้อหาตามหมายจับของศาล รวม 4 ข้อหา คือ 1.ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน 2.พยายามฆ่าผู้อื่น 3. ข้อหาพกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนโดยไม่ได้รับอนุญาตและพกพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และ4.ข้อหายิงอาวุธปืนในที่สาธารณะ โดยไม่มีใบอนุญาต พร้อมกับส่งตัวไปฝากขังที่ศาลจังหวัดนนทบุรี โดยคดีนี้พนักงานสอบสวนไม่คัดค้านการประกันตัว โดยระบุว่าเพราะผู้ต้องหาติดต่อเข้ามอบตัวเองและคดีนี้คู่กรณีทั้งสองฝ่ายมีส่วนร่วมให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น
รายงานข่าวแจ้งว่า หลังจากนั้นญาติฝ่ายผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอประกันตัวทันที แต่ศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวในการฝากขังวันแรก ต่อมาในวันที่ 10 ก.พ.ญาติได้ยื่นคำร้องเพื่อขอประกันตัวอีกครั้ง ในที่สุดศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ปล่อยตัวผู้ต้องหาชั่วคราว โดยไม่ได้รับการเปิดเผยว่า ใช้วงเงินจำนวนเท่าใดในการยื่นขอประกันตัว
นอกจากนี้ พล.ต.ต.คำรบ เปิดเผยอีกว่า ขณะเข้ามอบตัวผู้ต้องหาไม่นำอาวุธปืน ของกลางมามอบให้กับพนักงานสอบสวน โดยอ้างว่าเป็นปืนที่ได้รับอนุญาตพกพาโดยถูกต้องตามกฎหมาย และจะนำมาให้ในวันต่อไป เมื่อผู้ต้องหาอ้างว่า เป็นปืนที่มีใบอนุญาต ก็จะต้องนำหลักฐานมาแสดง และพิสูจน์ให้พนักงานสอบสวนทราบ ส่วนการสอบปากคำของพนักงานสอบสวน มีความคืบหน้าไปมาก หลังจากที่ผู้ต้องหานำปืนมามอบให้กับพนักงานสอบสวน ก็จะส่งไปตรวจพิสูจน์ว่าตรงกับอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุหรือไม่ หลังจากนั้นไม่นานก็จะสามารถสรุปสำนวนได้
คดีนี้สืบเนื่องจาก เมื่อเวลา 03.00 น.วันที่ (22 พ.ย.) พ.ต.ท.สุนทร ชื่นชิด สารวัตรเวร สภ.อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกยิงเสียชีวิตที่ป้อมยามภายในหมู่บ้านชัยพฤกษ์ ถ.บางกรวย-ไทรน้อย หมู่ 1 ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.สาโรจน์ สำเภาเงิน ผกก.สภ.อ.บางบัวทอง แพทย์จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และมูลนิธิป่อเต๊กตึ้ง ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบเพียงแต่กองเลือดและเศษกระจกแตกกระจายอยู่ที่หน้าป้อมยามของหมู่บ้านดังกล่าว
เบื้องต้นทราบว่ามีผู้บาดเจ็บ 2 ราย ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ รัตนาธิเบศร์ และเสียชีวิตระหว่างนำตัวส่งโรงพยาบาล 1 ราย ทราบชื่อนายสมนึก สีดา อายุ 42 ปี เจ้าหน้าที่ รปภ.ของหมู่บ้าน ถูกยิงด้วยปืน 11 ม.ม.ที่หน้าอกซ้ายตัดขั้วหัวใจ หน้าอกขวา และท้องจำนวน 3 แห่ง ส่วนผู้บาดเจ็บอีกรายอาการสาหัสถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาดเดียวกันเข้าที่บริเวณหน้าท้องกระสุนฝังในคือ จ.ส.ต.ชาติ สมัครราช อายุ 49 ปี อดีตตำรวจ สน.พระยาไกร กรุงเทพฯ ที่ลาออกมาเป็นหัวหน้ารปภ.ของหมู่บ้านดังกล่าว แพทย์รีบนำตัวเข้าห้องฉุกเฉินเพื่อผ่าตัดช่วยชีวิตเป็นการด่วน
จากการสอบสวน นายอนันต์ ด่านกระโทก อายุ 38 ปี เจ้าหน้าที่รปภ.ของหมู่บ้านดังกล่าว ทราบว่าก่อนเกิดเหตุตนพร้อมด้วยนายสมนึก และ จ.ส.ต.ชาติ รวมทั้งเพื่อนยามอีกหลายคนเข้าเวรกันตามปกติ ขณะนั้นมีรถเก๋งโตโยต้า สีดำ รุ่นวีออส ป้ายแดง ทะเบียน ก-0288 สมุทรสงคราม ซึ่งมี นายทรงพล หรือ เอ คำพันธุ์ อายุ 21 ปี บุตรชายคนเล็กของเซียนพระชื่อดัง “พยัพ คำพันธุ์” นายกสมาคมผู้นิยมพระเครื่องและพระบูชา ซึ่งพักอยู่ที่บ้านเลขที่ 203/179 ซอย 3/3 ภายในหมู่บ้านที่เกิดเหตุ ขับรถเข้ามาในหมู่บ้าน โดยมี นายธีระศักดิ์ ปักสี อายุ 20 ปี เพื่อนสนิทนั่งคู่เบาะหน้ามาด้วยกัน ส่วนด้านที่นั่งเบาะหลังมีนางศรีเวียง คำพันธุ์ อายุ 54 ปี ภรรยาของนายพยัพ คำพันธุ์ ซึ่งเป็นแม่ของนายทรงพล นั่งโดยสารมาด้วย
เมื่อรถผ่านเข้ามาที่ป้อม นายสมนึก ผู้ตาย ขอให้นายทรงพลแลกบัตรเข้าออกตามกฎระเบียบของหมู่บ้าน สร้างความไม่พอใจให้กับนายทรงพลอย่างมาก พร้อมกับพูดจากระโชกใส่เจ้าหน้าที่ รปภ. ซึ่งนายสมนึกพยายามอธิบายว่าเป็นกฎระเบียบของบริษัทยามที่พวกตนต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เนื่องจากหากมีบ้านพักภายในหมู่บ้านที่พวกตนดูแลอยู่ถูกโจรกรรมทรัพย์สินแล้ว ทางพวกตนต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหาย
นายอนันต์ กล่าวว่า นายธีระศักดิ์ ซึ่งเป็นเพื่อนของนายทรงพล ที่นั่งหน้ามาด้วย จึงควักบัตรประชาชนออกมาให้กับนายสมนึก แลกกับบัตรเข้าออกของหมู่บ้าน หลังจากนายทรงพล ขับรถไปส่งนางศรีเวียง ที่บ้านพักเรียบร้อยแล้ว นายทรงพล พร้อมนายธีระศักดิ์ ขับรถออกมาที่ป้อมยามหมู่บ้านเพื่อจะออกไปข้างนอก ตนและนายสมนึก จึงต้องขอตรวจค้นรถยนต์และฝากระโปรงท้ายตามระเบียบของบริษัทและหมู่บ้าน เนื่องจากหากไม่มีสติกเกอร์ผ่านเข้า-ออกของหมู่บ้าน จะต้องตรวจค้นทุกครั้งไม่มีข้อยกเว้น
แต่นายทรงพล กับนายธีระศักดิ์ ไม่ยอมจึงเกิดการโต้เถียงกันอยู่พักใหญ่ จังหวะนั้นนายทรงพล ได้ขับรถถอยหลังย้อนกลับไป พร้อมกับลดกระจกไฟฟ้าลงแล้วใช้ปืนยิงใส่เข้ามาที่กลุ่มของพวกตน ทำให้พวกตนต้องหลบกระสุนหนีตายกันพัลวัน มีนายสมนึก เพียงคนเดียวที่ยืนอยู่ใกล้กับรถของนายทรงพล จึงถูกกระสุนปืนเจาะทะลุร่างจนทรุดฮวบลงกองกับพื้นเลือดท่วมตัว ส่วน จ.ส.ต.ชาติ เมื่อเห็นเหตุการณ์จึงคว้าอาวุธปืน .38 ยิงใส่ไปที่รถหลายนัด ทั้งสองฝ่ายดวลปืนกัน 5 นาที ก่อนที่นายทรงพล จะขับรถพร้อมกับเพื่อนหลบหนีเข้าไปในหมู่บ้าน ซึ่ง จ.ส.ต.ชาติ พลาดท่าถูกกระสุนปืนเข้าที่หน้าท้อง