xs
xsm
sm
md
lg

DSI รวบแก๊งแชร์ลูกโซ่ โกง 900 ล.

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


กรมสอบสวนคดีพิเศษ แถลงผลจับกุมแก๊งแชร์ลูกโซ่ ตั้งบริษัททำธุรกิจเถื่อน ฉ้อโกงประชาชน มูลค่าความเสียหายเกือบ 1,000 ล้านบาท ทั้งที่สคบ.เคยมีคำสั่งเพิกถอน เตรียมออกหมายเรียกผู้บริหารตระกูล "ว่องวานิช" สอบฐานให้เช่าอาคารทำธุรกิจต้มตุ๋น

วันนี้ (11 ก.พ.) พล.ต.อ.สมบัติ อมรวิวัฒน์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ ผู้อำนวยการส่วนคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม แถลงข่าวจับกุมกรรมการผู้จัดการบริษัท กรีนแพลนเนท 108 คอร์เปอเรชั่น จำกัด โดยอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้นำหมายค้นของศาลอาญา เข้าตรวจค้นสำนักงานใหญ่บริษัท กรีน แพลนเนท 108 คอร์เปอเรชั่น จำกัด เลขที่ 10/123 ชั้น 28 อาคารว่องวานิช และชั้น 4 อาคารว่องวานิช พลาซา ถนนพระราม 9 เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ เมื่อเวลา 17.00 น. วานนี้ (10 ก.พ.) และตรวจค้นสาขาของบริษัทอีก 5 สาขา ที่จังหวัดเชียงใหม่ ขอนแก่น นครราชสีมา ราชบุรี และสงขลา รวมทั้งที่ทำการของบริษัท ร่วมรวย โอคาเน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ที่ตั้งอยู่ชั้น 5 และ 6 ของอาคารว่องวานิช พลาซา ด้วย โดยตั้งข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนลักษณะแชร์ลูกโซ่

พ.ต.ท.สมบูรณ์ กล่าวว่า ในการเข้าตรวจค้นได้นำหมายจับของศาลอาญาเข้าจับกุมตัว นายกิตติพงษ์ เมธาธรรม กรรมการผู้จัดการบริษัทกรีนแพลนเนทฯ ผู้ต้องหาที่ 1 อายุ 50 ปี นางอัมพร วสุวัต กรรมการบริษัทกรีนแพลนเนทฯ ผู้ต้องหาที่ 2 อายุ 58 ปี และนายธนกฤต ฉัตรทันนิเทศ กรรมการผู้จัดการบริษัทร่วมรวย ผู้ต้องหาที่ 3 อายุ 46 ปี ในความผิดร่วมกันฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 341, 343 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 มาตรา 4, 5, 12 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5-10 ปี และปรับตั้งแต่ 500,000-1,000,000 บาท และปรับอีกวันละไม่เกิน 10,000 บาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่

นอกจากนี้ ยังพบว่ามีอีก 3 คน ที่เป็นกรรมการบริษัทกรีนแพลนเนทฯ คือ นางอัญญา ว่องวานิช น.ส.เพิ่มหญิง ว่องวานิช และนายอนุรุธ ว่องวานิช ซึ่งพนักงานสอบสวนจะสืบสวนขยายผลต่อไป

สำหรับพฤติการณ์การดำเนินธุรกิจของบริษัท กรีนแพลนเนทฯ พบว่า บริษัทจดทะเบียนเป็นบริษัทขายตรงเมื่อปี 2545 มีนายกิตติพงษ์ เป็นกรรมการผู้จัดการ นางอัมพร เป็นกรรมการ และร่วมกับบริษัทร่วมรวยฯ ที่มีนายธนกฤต เป็นกรรมการผู้จัดการ ทำการหลอกลวงประชาชนด้วยการชักชวนประชาชนมาสมัครเป็นสมาชิกของบริษัทกรีนแพลนเนทฯ แล้วเข้าโปรแกรมกองทุนรถ ให้สมาชิกต้องซื้อสินค้าของบริษัทจำนวน 18,000 บาท โดยสินค้าที่จำหน่าย ได้แก่ เครื่องปั่นผลไม้ น้ำยาชนิดต่างๆ แต่เป็นสินค้าด้อยคุณภาพไม่มีแหล่งผลิต จากนั้นภายใน 1 ปีนับจากวันสมัคร สมาชิกสามารถหาสมาชิกมาซื้อสินค้าของบริษัทคนละ 18,000 บาท จะได้รับผลประโยชน์เป็นรถยนต์ รถจักรยานยนต์ เงินปันผล ค่าแนะนำสมาชิก ซึ่งมีตั้งแต่รางวัลเล็กถึงรางวัล เช่น รถเบนซ์ ซี 180 และเงินปันผลกว่า 2 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับว่าจะหาสมาชิกซื้อสินค้ารวมกันได้มากเท่าใด เช่น หาสมาชิกซื้อสินค้ารวมกันได้ 88 คน ได้รถยนต์วีออส พร้อมเงินปันผล 500,000 บาท ค่าแนะนำสมาชิก 1,000 บาทต่อคน ในส่วนของบริษัทร่วมรวยฯ ทำหน้าที่เป็นแม่ทีมจัดลำดับสมาชิกเพื่อรับผลประโยชน์ตามที่บริษัทกรีนแพลนเนทฯ กำหนด โดยบริษัทร่วมรวยฯ คิดค่าใช้จ่ายร้อยละ 5 ของผลประโยชน์ตอบแทนที่สมาชิกได้รับเข้าข่ายเป็นการระดมทุนลักษณะแชร์ลูกโซ่

พ.ต.ท.สมบูรณ์ กล่าวด้วยว่า คดีนี้เข้าตามภารกิจของกรมสอบสวนคดีพิเศษจากที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ร้องเข้ามาหลังจากมีคำสั่งเพิกถอนการจดทะเบียนเป็นธุรกิจขายตรงของบริษัทกรีนแพลนเนทฯ ปัจจุบันยังมีอีก 2-3 บริษัท ที่ทำธุรกิจแชร์ลูกโซ่ลักษณะเดียวกันนี้ ที่ดีเอสไอได้รับข้อมูลจาก สคบ. และอยู่ระหว่างสืบสวนเข้าดำเนินคดี สำหรับบริษัทกรีนแพลนเนทฯ ปัจจุบัน มีประชาชนหลงเชื่อสมัครเป็นสมาชิกประมาณ 50,000 คน คิดเป็นมูลค่าความเสียหายประมาณ 900 ล้านบาท และมีสมาชิกได้รับรถยนต์ไปแล้วประมาณ 206 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นสายสมาชิกลำดับต้นๆ และเป็นญาติของนายธนกฤต ซึ่งจะต้องสอบสวนผู้ได้รับรถและรางวัลไปด้วย ทั้งนี้ ในการตรวจค้นครั้งนี้เจ้าหน้าที่สามารถยึดเอกสารรายชื่อสมาชิก เอกสารการแจกจ่ายผลประโยชน์ และเอกสารการชักชวนหลายรายการ รวมทั้งเครื่องคอมพิวเตอร์บันทึกข้อมูล และสินค้าของบริษัทหลายพันรายการ และขอประกาศให้ผู้เสียหายจากการถูกหลอกลวงของผู้ต้องหาทั้ง 3 รายนี้ไปพบพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ตั้งแต่บัดนี้ถึงวันที่ 14 มีนาคม 2548 ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ อาคารสุขประพฤติ ถนนประชาชื่น เพื่อได้เร่งสรุปสำรวจส่งพนักงานอัยการเพื่อยื่นฟ้องคดีต่อไป สำหรับผู้ต้องหาทั้งสามได้ยื่นขอประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวนฯ แต่ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัวเพราะเกรงว่าจะหลบหนี

และวันนี้มีผู้เสียหายจำนวนมากเข้าให้ปากคำที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะนำผู้ต้องหาทั้ง 3 ฝากขังผลัดแรกในวันพรุ่งนี้ พร้อมกับจะเรียกกรรมการบริหารบริษัท กรีน แพลนเน็ต อีก 3 คน ในตระกูลว่องวานิช มาสอบปากคำเพิ่มเติมว่าเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่
กำลังโหลดความคิดเห็น