ตร.เมืองสุราษฏร์ฯ แจ้ง 3 ข้อหา "นางนกต่อ" ลวงสาว ปวส.เหยื่อให้ลูกชาย "ชุมพล กาญจนะ" ข่มขืนยับ ทนายชี้แม้ไม่มีพยานรู้เห็น ก็มีสิทธิชนะคดี
วันนี้ (26 ม.ค.)พ.ต.ต.ศิริชัย สุขสาตต์ สารวัตรสอบสวน สภ.อ.เมืองสุราษฎร์ธานี ได้ออกหมายเรียกและทำการสอบปากคำ นายธีระพงศ์ จิรวงศ์ อายุ 20 ปีน.ส.จิยาภรณ์ หรือเจี๊ยบ ไทยสุริยัน อายุ 19 ปี และ น.ส.ศศิรา หรือปาล์ม จีระวงศ์ อายุ 19 ปี แก๊งนกต่อที่หลอกล่อ น.ส.เก๋ (นามสมมติ) อายุ 19 ปี นักเรียน ปวส.ปี 2 สถาบันอาชีวศึกษาแห่งหนึ่งใน จ.สุราษฎร์ธานี ออกมาให้นายแสงโรจน์ หรืออ้วน กาญจนะ ลูกชายนายชุมพล กาญจนะ อดีตประธานคณะกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ลงมือข่มขืนกระทำชำเราจนสำเร็จความใคร่ โดยในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้ง 3 ข้อหาคือร่วมกันข่มขืนหญิงอื่นซึ่งไม่ใช่ภรรยา ร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวให้กระทำการหรือไม่กระทำการ และร่วมกันข่มขืนและบังคับจิตใจให้กระทำ หรือให้จำยอมคล้อยตาม เช่นเดียวกับนายแสงโรจน์ กาญจนะ ในฐานะผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ โดยทางตำรวจได้พาไปชี้สถานที่เกิดเหตุที่บ้านพักของนายสาโรจน์ ซึ่งอยู่ในนากุ้ง ต.ท่าทองใหม่ อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี โดยขณะนี้เหลือเพียงการนำผู้เสียหายเดินทางไปตรวจสอบและชี้จุดยืนยันสถานที่เกิดเหตุและสอบปากคำผู้เสียหายเพิ่มเติมอีก
สำหรับพฤติการณ์ในคืนวันเกิดเหตุ นายธีระพงศ์ จิรวงศ์ อายุ 20 ปี น.ส.จิยาภรณ์ หรือเจี๊ยบ ไทยสุริยัน อายุ 19 ปี และ น.ส.ศศิรา หรือปาล์ม จีระวงศ์ อายุ 19 ปี ได้โทรศัพท์มาชักชวนน.ส.เก๋ ผู้เสียหายให้ไปร่วมงานเลี้ยงวันเกิดเพื่อนชื่อซีน น.ส.เก๋ จึงได้ขับ จยย.ไปพบเพื่อนสาวทั้งสองที่โรงแรมสยามธารา โดยที่เพื่อนสาวทั้งสองบอกว่ามีเพื่อนชายแอบชอบและจะพาไปกินข้าวด้วยกัน แต่ น.ส.เก๋ปฎิเสธและขอกลับบ้าน ขณะที่ขี่ จยย.กลับบ้านถูกเพื่อนสาวทั้งสองยึดกุญแจรถไป ต่อมาได้มีชาย 3 คนยืนคุมอยู่ด้านหลังซึ่งเป็นลูกน้องของนายแสงโรจน์ ขณะนั้นนายแสงโรจน์พร้อมลูกน้องได้ขับรถกระบะโตโยต้าไทเกอร์มาจอด ก่อนที่จะกระชากน.ส.เก๋ ขึ้นรถโดยใช้ผ้าดำคลุมศีรษะพร้อมกับขู่ฆ่าโดยใช้อาวุธปืนจี้ และใส่กุญแจมือ โดยพาไปข่มขืนจนสำเร็จความใคร่
ขณะที่ นายทรงยศ ยอดดนตรี ประธานชมรมทนายความ จ.สุราษฎร์ธานี กล่าวถึงคดีนี้นี้ว่าหากผู้เสียหายยืนยันชัดเจน โดยผู้เสียหายจะเป็นพยานตัวเอง ทำให้คดีมีน้ำหนักเช่นกัน เนื่องจากคดีข่มขืนไม่จำเป็นต้องมีพยานบุคคลรู้เห็น เพราะโดยปกติคดีข่มขืนไม่มีการกระทำให้คนอื่นรู้เห็นกันอยู่แล้ว และที่สำคัญน้ำหนักจะอยู่ที่หลักฐานจากการตรวจพิสูจน์สภาพร่างกายของแพทย์ว่าเป็นอย่างไร เช่น อวัยวะเพศฉีกขาดหรือไม่ หรือมีคราบหลักฐานใดๆ อยู่บ้าง เป็นต้น ซึ่งทางศาลก็สามารถชี้ขาดได้ ทั้งนี้คดีข่มขืนมีหลายคดีที่ผู้เสียหายชนะคดีความเมื่อกระบวนการขึ้นสู่ศาล