ตำรวจกองปราบฯ รวบ 2 หนุ่มเอเย่นต์ค้ายาบ้า-ยาไอซ์ ก่อนขยายผลตามรวบ สาวพริตตี้ จยย.ยี่ห้อดัง เอเย่นต์ใหญ่คาห้องพักได้อีก 1 คน ปฎิเสธเสียงแข็งไม่ใช่ของตัวเอง เป็นของเพื่อนฝากไว้ แถมจับตรวจฉี่เจอเป็นสีม่วง
วานนี้ (18 ม.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม นำโดย พ.ต.อ.ประเสริฐ พัฒนาดี ผกก.1 ป. พ.ต.ต.เอกรักษ์ พัฒนาดี สว.ผ.3 กก.1 ป. จับกุมตัว นายนิวัช ครุฑธะกะ หรือ หมู รัชดา อายุ 38 ปี นายไพรินทร์ สถิตย์ อายุ 41 ปี และ น.ส.สุภัชญา อรรปัสสร อายุ 25 ปี สาวพริตตี้รถจยย.ยี่ห้อดัง พร้อมด้วยของกลาง ยาบ้าจำนวน 10,000 เม็ด ยาไอซ์ น้ำหนัก 280 กรัม อาวุธปืนสั้น 9 มม.ยี่ห้อซีแซด ไม่มีทะเบียน 1 กระบอก พร้อมกระสุน 10 นัด โดยสามารถจับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 127/140 ซ.สายไหม 64 แขวงและเขตสายไหม และห้องพักเลขที่ 67/37 อาคาร ธนาเพลส ซ.ลาดพร้าว 71 แขวงและเขตลาดพร้าว
โดยก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่สืบทราบว่า ที่บ้านเลขที่ 127/140 ซ.สายไหม 64 เป็นแหล่งซุกซ่อนยาเสพติดเพื่อเตรียมนำออกจำหน่ายให้ลูกค้าตามสถานบันเทิงย่านถนนรัชดาภิเษก จึงนำหมายค้นศาลอาญาที่ 27/2548 ลงวันที่ 14 ม.ค. เข้าตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าว
โดยเจ้าหน้าที่พบ นายนิวัช และนายไพรินทร์ อยู่ภายในบ้านหลังดังกล่าว จึงแสดงหมายค้นให้ทราบ ซึ่งจากการตรวจค้นภายในบ้านหลังดังกล่าว เจ้าหน้าที่พบยาบ้า จำนวน 10,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่บนฝ้าเพดานหน้าห้องน้ำ ชั้น 2 และภายในห้องนอน พบอาวุธปืนสั้น ขนาด 9 มม.ยี่ห้อซีแซด ไม่มีทะเบียน พร้อมกระสุน จำนวน 10 นัด นอกจากนี้ จากการตรวจค้นรถยนต์ ยี่ห้อบีเอ็มดับบลิว สีดำ หมายเลขทะเบียน ฉม-6436 กทม.ที่จอดอยู่ภายในบ้าน พบยาไอซ์ จำนวน 8 ซอง น้ำหนักรวม 130 กรัม ซุกซ่อนอยู่บริเวณด้านหน้ารถ จึงควบคุมตัวทั้ง 2 คนมาสอบสวน
จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 2 คนให้การรับสารภาพว่า นำยาเสพติดทั้งหมดมาจาก น.ส.สุภัชญา ซึ่งพักอยู่ที่ห้องพักอาคารธนาเพลส ซ.ลาดพร้าว 71 จึงได้ขอหมายศาลเข้าตรวจค้นที่ห้องพักดังกล่าว เจ้าหน้าที่พบยาไอซ์ 7 ถุง น้ำหนักรวม 150 กรัม จึงควบคุมตัวมาสอบสวน
จากการสอบสวน น.ส.สุภัชญา ให้การปฏิเสธว่า ยาเสพติดที่เจ้าหน้าที่พบนั้นไม่ใช่ของตนเอง แต่เป็นของเพื่อนชื่อ นายบุญชู ที่นำมาฝากไว้ แต่จากการตรวจปัสสาวะของ น.ส.สุภัชญา พบว่าเป็นสีม่วง เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหา มียาเสพติดประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อเสพและจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย ส่วนนายนิวัช และนายไพรินทร์ แจ้งข้อหา มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และครอบครองอาวุธปืนและเครื่องกระสุนโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
วานนี้ (18 ม.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม นำโดย พ.ต.อ.ประเสริฐ พัฒนาดี ผกก.1 ป. พ.ต.ต.เอกรักษ์ พัฒนาดี สว.ผ.3 กก.1 ป. จับกุมตัว นายนิวัช ครุฑธะกะ หรือ หมู รัชดา อายุ 38 ปี นายไพรินทร์ สถิตย์ อายุ 41 ปี และ น.ส.สุภัชญา อรรปัสสร อายุ 25 ปี สาวพริตตี้รถจยย.ยี่ห้อดัง พร้อมด้วยของกลาง ยาบ้าจำนวน 10,000 เม็ด ยาไอซ์ น้ำหนัก 280 กรัม อาวุธปืนสั้น 9 มม.ยี่ห้อซีแซด ไม่มีทะเบียน 1 กระบอก พร้อมกระสุน 10 นัด โดยสามารถจับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 127/140 ซ.สายไหม 64 แขวงและเขตสายไหม และห้องพักเลขที่ 67/37 อาคาร ธนาเพลส ซ.ลาดพร้าว 71 แขวงและเขตลาดพร้าว
โดยก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่สืบทราบว่า ที่บ้านเลขที่ 127/140 ซ.สายไหม 64 เป็นแหล่งซุกซ่อนยาเสพติดเพื่อเตรียมนำออกจำหน่ายให้ลูกค้าตามสถานบันเทิงย่านถนนรัชดาภิเษก จึงนำหมายค้นศาลอาญาที่ 27/2548 ลงวันที่ 14 ม.ค. เข้าตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าว
โดยเจ้าหน้าที่พบ นายนิวัช และนายไพรินทร์ อยู่ภายในบ้านหลังดังกล่าว จึงแสดงหมายค้นให้ทราบ ซึ่งจากการตรวจค้นภายในบ้านหลังดังกล่าว เจ้าหน้าที่พบยาบ้า จำนวน 10,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่บนฝ้าเพดานหน้าห้องน้ำ ชั้น 2 และภายในห้องนอน พบอาวุธปืนสั้น ขนาด 9 มม.ยี่ห้อซีแซด ไม่มีทะเบียน พร้อมกระสุน จำนวน 10 นัด นอกจากนี้ จากการตรวจค้นรถยนต์ ยี่ห้อบีเอ็มดับบลิว สีดำ หมายเลขทะเบียน ฉม-6436 กทม.ที่จอดอยู่ภายในบ้าน พบยาไอซ์ จำนวน 8 ซอง น้ำหนักรวม 130 กรัม ซุกซ่อนอยู่บริเวณด้านหน้ารถ จึงควบคุมตัวทั้ง 2 คนมาสอบสวน
จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 2 คนให้การรับสารภาพว่า นำยาเสพติดทั้งหมดมาจาก น.ส.สุภัชญา ซึ่งพักอยู่ที่ห้องพักอาคารธนาเพลส ซ.ลาดพร้าว 71 จึงได้ขอหมายศาลเข้าตรวจค้นที่ห้องพักดังกล่าว เจ้าหน้าที่พบยาไอซ์ 7 ถุง น้ำหนักรวม 150 กรัม จึงควบคุมตัวมาสอบสวน
จากการสอบสวน น.ส.สุภัชญา ให้การปฏิเสธว่า ยาเสพติดที่เจ้าหน้าที่พบนั้นไม่ใช่ของตนเอง แต่เป็นของเพื่อนชื่อ นายบุญชู ที่นำมาฝากไว้ แต่จากการตรวจปัสสาวะของ น.ส.สุภัชญา พบว่าเป็นสีม่วง เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหา มียาเสพติดประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อเสพและจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย ส่วนนายนิวัช และนายไพรินทร์ แจ้งข้อหา มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และครอบครองอาวุธปืนและเครื่องกระสุนโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป