หญิงสาวที่ถูกมอมยาข่มขืนและถ่ายทำเป็นซีดีลามกออกวางจำหน่ายเข้าพบผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 เพื่อร้องขอความเป็นธรรมเกี่ยวกับคดี เนื่องจากผู้ต้องหาคนหนึ่งเป็นตำรวจในจังหวัดชลบุรี พร้อมยืนยันถูกมอมยาจริง ครวญตอนนี้ครอบครัวแตกแยกเนื่องจากสามีรู้เรื่องแล้วรับไม่ได้
วันนี้ (4 ธ.ค.) ที่สำนักงานตำรวจภูธรภาค 2 อ.เมือง จ.ชลบุรี นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณา หงสกุลเพื่อเด็กและสตรี นำตัวนางสาวหนู (นามสมมุติ) ปัจจุบันอายุ 21 ปี เจ้าทุกข์กรณีถูกมอมยาข่มขืนและถ่ายทำเป็นซีดีลามกออกวางจำหน่ายเผยแพร่ที่เป็นข่าวคึกโครมเมื่อหลายเดือนที่ผ่านมาเข้าพบ พล.ต.ท.จงรัก จุฑานนท์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 เพื่อขอความเป็นธรรมในการดำเนินคดีดังกล่าว โดยก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ
ได้จับกุมตัว ส.ต.อ.นิพนธ์ รักทะเล และนายอั๋น ดีเจผับชื่อดังแห่งหนึ่งในเมืองพัทยาที่เป็นผู้ถ่ายวิดีโอและเผยแพร่ทำเป็นซีดีออกจำหน่าย ซึ่งทั้ง 2 คนได้ติดต่อมอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สภ.ต. แม่ปิง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ไปแล้ว และอยู่ในระหว่างการประกันตัวออกมาเพื่อต่อสู้คดี
น.ส.หนู กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดเมื่อประมาณเดือนพฤษภาคม ปี 2546 ขณะนั้นอายุประมาณ 19 ปีและเรียนอยู่ที่โรงเรียนพณิชยการแห่งหนึ่งใน อ.สัตหีบ ระดับ ปวส. พร้อมกับทำงานอยู่ในห้างสรรพสินค้าและได้รู้จักกับ น.ส.โย ซึ่งมีอาชีพเป็นนักร้องได้แนะนำให้รู้จักกับตำรวจคนหนึ่งทราบชื่อเล่นว่านายเอ และเพื่อนชายอีกคนหนึ่งหลังจากนั้นทั้ง 2 คนได้ชักชวนให้ไปกินข้าวที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในพัทยา ซึ่งหลังจากกินอาหารไปแล้วก็รู้สึกมึนงงมีอาการเบลอไม่รู้สึกตัวและสลบไป พอตื่นขึ้นมาก็ทราบว่านอนอยู่ในห้องนอนสภาพเปลือยไม่สวมเสื้อผ้า พอตั้งสติได้ก็สวมเสื้อผ้าและเดินลงมาชั้นล่างก็พบว่าเป็นบ้านพักไม่ใช่โรงแรมจึงได้ปืนรั้วบ้านหนีออกมาในสภาพอิดโรยโดยไม่ได้สวมรองเท้าจนกระทั่งพบจักรยานยนต์รับจ้างจึงได้ให้จักรยานยนต์รับจ้างพาไปส่งสถานีตำรวจที่ใกล้ที่สุด ซึ่งจำได้ว่าตั้งอยู่ที่ชายหาดพัทยาและเข้าแจ้งความแต่เนื่องจากว่าอยู่ในสภาพสลึมสลือและไม่สวมรองเท้าทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่รับแจ้งความ โดยหาว่าเมายาจึงได้กลับบ้านโดยไม่แจ้งความ
หลังจากนั้นก็ได้ออกจากโรงเรียนเนื่องจากกลัวว่าตำรวจคนดังกล่าวกับเพื่อนจะไปตามหาที่โรงเรียน และได้คบหากับผู้ชายคนหนึ่งจนได้เสียและอยู่ด้วยกันจนมีบุตรชายอายุ 1 เดือน จึงได้ทราบข่าวเกี่ยวกับซีดีดังกล่าวจากเพื่อนบ้านจึงได้ไปหาซื้อมาดูกับสามี ปรากฏว่า เป็นภาพของตนเองจริง ทำให้สามีที่อยู่ด้วยกันทำใจไม่ได้ขอแยกทางจึงได้นำบุตรชายไปฝากไว้ที่มูลนิธิสงเคราะห์เด็กพัทยาแล้วเดินทางไปร้องทุกกับนางปวีณา เพื่อขอความเป็นธรรม
ด้านนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิฯ กล่าวว่า ได้ติดต่อประสานกับ พล.ต.ท.จงรัก ให้ดำเนินการสอบสวนคดีดังกล่าว เนื่องจาก ส.ต.อ.นิพนธ์ รักทะเล ผบ.หมู่ สส.ภูธรจังหวัดชลบุรี และโดนสำรองราชการเพราะเกิดคดีอื้อฉาวขึ้นมา ซึ่งในเรื่องนี้ พล.ต.ท.จงรัก ได้รับปากว่าจะช่วยอย่างเต็มที่ ไม่มีการปกป้องเด็ดขาด ส่วนบุตรชายของน.ส.หนู เมื่อได้ให้เจ้าหน้าที่ของทางมูลนิธิฯ ไปรับปรากฏว่า เด็กติดเชื้อไข้หวัดจึงไม่สามารถรับตัวมาได้ซึ่งก็ต้องรอให้เด็กหายเสียก่อนจึงจะสามารถรับกลับมาได้
ซึ่งในเรื่องนี้ น.ส.หนู กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เกิดความอับอายและจะขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ส่วน พล.ต.ท.จงรัก กล่าวว่า คดีนี้ได้เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้ร่วม 2 ปีแล้วจึงไม่สามารถใช้พยานหลักฐานทางด้านวิทยาศาสตร์ในเรื่องการตรวจคราบอสุจิและร่องรอยการถูกข่มขืนได้ จึงจำเป็นต้องอาศัยพยานบุคคลรวมทั้งภาพในแผ่นซีดีเป็นหลัก ขอยืนยันว่าคดีนี้จะดำเนินการไปตามหลักฐานโดยไม่มีการละเว้นสำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง โดยได้สั่งการให้ พล.ต.ต.อนันต์ เจริญชาศรี ผบก.ภ.จว.ชลบุรีในฐานะผู้บังคับบัญชาโดยตรงตั้งกรรมการสอบวินัยโดยเฉียบขาดต่อไป
หลังจากนั้น ร.ต.อ.หญิงศภวรรณ โพธินาค พนักงานสอบสวนสบ. 2 สภ.อ.บางละมุงพื้นที่เกิดเหตุก็ได้มารับแจ้งความพร้อมสอบปากคำจาก น.ส.หนู ในคดีที่เกิดขึ้นพร้อมทั้งให้ น.ส.หนู เดินทางไปลงบันทึกประจำวันที่ สภ.อ. บางละมุงต่อไป
วันนี้ (4 ธ.ค.) ที่สำนักงานตำรวจภูธรภาค 2 อ.เมือง จ.ชลบุรี นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณา หงสกุลเพื่อเด็กและสตรี นำตัวนางสาวหนู (นามสมมุติ) ปัจจุบันอายุ 21 ปี เจ้าทุกข์กรณีถูกมอมยาข่มขืนและถ่ายทำเป็นซีดีลามกออกวางจำหน่ายเผยแพร่ที่เป็นข่าวคึกโครมเมื่อหลายเดือนที่ผ่านมาเข้าพบ พล.ต.ท.จงรัก จุฑานนท์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 เพื่อขอความเป็นธรรมในการดำเนินคดีดังกล่าว โดยก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ
ได้จับกุมตัว ส.ต.อ.นิพนธ์ รักทะเล และนายอั๋น ดีเจผับชื่อดังแห่งหนึ่งในเมืองพัทยาที่เป็นผู้ถ่ายวิดีโอและเผยแพร่ทำเป็นซีดีออกจำหน่าย ซึ่งทั้ง 2 คนได้ติดต่อมอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สภ.ต. แม่ปิง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ไปแล้ว และอยู่ในระหว่างการประกันตัวออกมาเพื่อต่อสู้คดี
น.ส.หนู กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดเมื่อประมาณเดือนพฤษภาคม ปี 2546 ขณะนั้นอายุประมาณ 19 ปีและเรียนอยู่ที่โรงเรียนพณิชยการแห่งหนึ่งใน อ.สัตหีบ ระดับ ปวส. พร้อมกับทำงานอยู่ในห้างสรรพสินค้าและได้รู้จักกับ น.ส.โย ซึ่งมีอาชีพเป็นนักร้องได้แนะนำให้รู้จักกับตำรวจคนหนึ่งทราบชื่อเล่นว่านายเอ และเพื่อนชายอีกคนหนึ่งหลังจากนั้นทั้ง 2 คนได้ชักชวนให้ไปกินข้าวที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในพัทยา ซึ่งหลังจากกินอาหารไปแล้วก็รู้สึกมึนงงมีอาการเบลอไม่รู้สึกตัวและสลบไป พอตื่นขึ้นมาก็ทราบว่านอนอยู่ในห้องนอนสภาพเปลือยไม่สวมเสื้อผ้า พอตั้งสติได้ก็สวมเสื้อผ้าและเดินลงมาชั้นล่างก็พบว่าเป็นบ้านพักไม่ใช่โรงแรมจึงได้ปืนรั้วบ้านหนีออกมาในสภาพอิดโรยโดยไม่ได้สวมรองเท้าจนกระทั่งพบจักรยานยนต์รับจ้างจึงได้ให้จักรยานยนต์รับจ้างพาไปส่งสถานีตำรวจที่ใกล้ที่สุด ซึ่งจำได้ว่าตั้งอยู่ที่ชายหาดพัทยาและเข้าแจ้งความแต่เนื่องจากว่าอยู่ในสภาพสลึมสลือและไม่สวมรองเท้าทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่รับแจ้งความ โดยหาว่าเมายาจึงได้กลับบ้านโดยไม่แจ้งความ
หลังจากนั้นก็ได้ออกจากโรงเรียนเนื่องจากกลัวว่าตำรวจคนดังกล่าวกับเพื่อนจะไปตามหาที่โรงเรียน และได้คบหากับผู้ชายคนหนึ่งจนได้เสียและอยู่ด้วยกันจนมีบุตรชายอายุ 1 เดือน จึงได้ทราบข่าวเกี่ยวกับซีดีดังกล่าวจากเพื่อนบ้านจึงได้ไปหาซื้อมาดูกับสามี ปรากฏว่า เป็นภาพของตนเองจริง ทำให้สามีที่อยู่ด้วยกันทำใจไม่ได้ขอแยกทางจึงได้นำบุตรชายไปฝากไว้ที่มูลนิธิสงเคราะห์เด็กพัทยาแล้วเดินทางไปร้องทุกกับนางปวีณา เพื่อขอความเป็นธรรม
ด้านนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิฯ กล่าวว่า ได้ติดต่อประสานกับ พล.ต.ท.จงรัก ให้ดำเนินการสอบสวนคดีดังกล่าว เนื่องจาก ส.ต.อ.นิพนธ์ รักทะเล ผบ.หมู่ สส.ภูธรจังหวัดชลบุรี และโดนสำรองราชการเพราะเกิดคดีอื้อฉาวขึ้นมา ซึ่งในเรื่องนี้ พล.ต.ท.จงรัก ได้รับปากว่าจะช่วยอย่างเต็มที่ ไม่มีการปกป้องเด็ดขาด ส่วนบุตรชายของน.ส.หนู เมื่อได้ให้เจ้าหน้าที่ของทางมูลนิธิฯ ไปรับปรากฏว่า เด็กติดเชื้อไข้หวัดจึงไม่สามารถรับตัวมาได้ซึ่งก็ต้องรอให้เด็กหายเสียก่อนจึงจะสามารถรับกลับมาได้
ซึ่งในเรื่องนี้ น.ส.หนู กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เกิดความอับอายและจะขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ส่วน พล.ต.ท.จงรัก กล่าวว่า คดีนี้ได้เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้ร่วม 2 ปีแล้วจึงไม่สามารถใช้พยานหลักฐานทางด้านวิทยาศาสตร์ในเรื่องการตรวจคราบอสุจิและร่องรอยการถูกข่มขืนได้ จึงจำเป็นต้องอาศัยพยานบุคคลรวมทั้งภาพในแผ่นซีดีเป็นหลัก ขอยืนยันว่าคดีนี้จะดำเนินการไปตามหลักฐานโดยไม่มีการละเว้นสำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง โดยได้สั่งการให้ พล.ต.ต.อนันต์ เจริญชาศรี ผบก.ภ.จว.ชลบุรีในฐานะผู้บังคับบัญชาโดยตรงตั้งกรรมการสอบวินัยโดยเฉียบขาดต่อไป
หลังจากนั้น ร.ต.อ.หญิงศภวรรณ โพธินาค พนักงานสอบสวนสบ. 2 สภ.อ.บางละมุงพื้นที่เกิดเหตุก็ได้มารับแจ้งความพร้อมสอบปากคำจาก น.ส.หนู ในคดีที่เกิดขึ้นพร้อมทั้งให้ น.ส.หนู เดินทางไปลงบันทึกประจำวันที่ สภ.อ. บางละมุงต่อไป