ออกหมายอีก 7 ผู้บริหารบริษัทแชร์ลูกโซ่ บ.เอราวัณฟูดเน็ตเวิร์ก จก. และ หจก.สุพรรณฉัตร ขณะพนักงานสอบสวนปฏิเสธให้ประกันตัวผู้ต้องหา ด้านเหยื่อที่ถูกหลอกเข้าให้ปากคำแล้ว 200 คน มูลค่าความเสียหายรายละ 10,000-200,000 บาท
รายงานจาก จ.อุดรธานี กรณีปัญหาแชร์ลูกโซ่ฉาวว่า เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน หลังจากการจับกุม 1.นายปรีชา นนลือชา อายุ 33 ปี รองประธานกรรมการ 2.นายวัลนะเรศ สุวะนาม อายุ 31 ปี กรรมการอำนวยการ บ.เอราวัณฟูดเน็ตเวิร์ก จก. และ หจก.สุพรรณฉัตร เลขที่ 60/39 ชุมชนหนองเตาเหล็ก ถ.อุดรฯ-หนองบัวลำภู ต.หมากแข้ง อ.เมืองอุดรธานี ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน ลักษณะแชร์ลูกโซ่ “ขายเห็ดหลินจือ" ด้วยการลงทุนเป็นหุ้นๆ ละ 10,500 บาท สัญญาจะรับเงินปันผลทุก 10 วัน ครั้งละ 8,500 บาท คาดว่าจะมีมูลค่าความเสียหายมากกว่า 200 ล้านบาท โดยมีผู้เสียหายมาแจ้งความแล้ว 200 ราย
ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการออกหมายจับเพิ่มอีก 7 คน ประกอบไปด้วย 1. นายอภิรักษ์ หรืออุทิศ ลิ้มมังกูร อายุ 45 ปี ประธานกรรมการ 2.นายฉัตรชัย ราชแวง อายุ 32 ปี กรรมการ 3.ร.ต.ท.รุ่งศักดิ์ มิ่งสอน อายุ 61 ปี อดีตตำรวจสันติบาล ที่ปรึกษากฎหมาย 4.นายวัชรกร ธงศิลา อายุ 40 ปี 5.นายมีศักดิ์ เหล่าผง อายุ 45 ปี 6.นางภาณุนันท์ สุวรรณศรี อายุ 29 ปี และ 7.นางวิไลวรรณ นนลือชา อายุ 30 ปี
โดยทันทีที่รับทราบการออกหมาย ร.ต.ท.รุ่งศักดิ์ มิ่งสอน ได้เดินทางเข้ามอบตัวต่อ พ.ต.ต.ณัฐนนท์ ประชุม สว.สส.ภ.จว.อุดรธานี พร้อมให้การปฏิเสธ อ้างหลักฐานการลาออกจากบริษัทฯ
ขณะเดียวกัน ที่ศาล จ.อุดรธานี มีญาติของนายปรีชา และนายวัลนะเรศ 2 ผู้ต้องหา ได้ยืนหลักทรัพย์ขอประกันตัวผู้ต้องหา ซึ่ง พ.ต.ท.ฉกาจน์ เทียมวงศ์ พนักงานสอบสวน สบ.3 สภ.อ.เมืองอุดรธานี ได้เดินทางไปที่ศาล จ.อุดรธานี แสดงเหตุผลการคัดค้านประกันตัว ซึ่งศาลมีความเห็นไม่ให้ประกันตัว ตามคำขอของพนักงานสอบสวน ท่ามกลางความโล่งใจของผู้เสียหาย ที่ยังคงรอรับฟังข่าวจำนวนมากที่ สภ.อ.เมืองอุดรธานี
พ.ต.ท.ฉกาจน์ เปิดเผยว่า ยังมีผู้เสียหายจากจังหวัดหนองคาย หนองบัวลำภู เลย นครราชสีมา ขอนแก่น สกลนคร และอุดรธานี ยังคงเดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์อย่างต่อเนื่องอยู่ และยังมีอีกหลายกลุ่มที่โทร.มาสอบถาม พร้อมนัดหมายจะเดินทางมาแจ้งความ โดยขณะนี้ผู้มาให้ปากคำแล้วราว 200 คน มีความเสียหายตั้งแต่รายละ 10,000-200,000 บาท ผู้ที่จะเดินทางมาแจ้งความ ให้นำหลักฐานบัตรประจำตัวประชาชน และหลักฐานเอกสารบัตรสมาชิก และใบเสร็จรับเงิน มาให้พร้อมจึงจะได้ไม่ต้องเดินทางมาหลายครั้ง
พ.ต.ท.ฉกาจน์ กล่าวต่อว่า คดีนี้ได้รับความสนใจจากทุกฝ่าย โดยเฉพาะผู้บังคับบัญชา เพราะมีผู้ได้รับความเดือดร้อนจำนวนมาก คาดว่ามูลค่าความเสียหายก็จะสูงมากด้วย จึงกำชับให้พนักงานสอบสวน ระดมเจ้าหน้าที่เพื่ออำนวยความสะดวก กับประชาชนที่เดินทางมาให้ทันในวันนั้นๆ และให้คัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาทั้ง 2
ส่วนผู้ที่ถูกออกหมายจับที่เหลือ ทราบว่าผู้บังคับบัญชาได้จัดทีมออกประกบแล้ว แม้ว่ามีบางรายจะติดต่อขอมอบตัว หากพบก็ให้จับกุมมาทันที เกรงจะเหมือนกับคดี “แชร์บุตรเติมเงินมือถือ” ที่ อ.หนองหาน จ.อุดรธานี ความเสียหายมากกว่า 65 ล้านบาท หัวโจกยังจับกุมไม่ได้
รายงานจาก จ.อุดรธานี กรณีปัญหาแชร์ลูกโซ่ฉาวว่า เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน หลังจากการจับกุม 1.นายปรีชา นนลือชา อายุ 33 ปี รองประธานกรรมการ 2.นายวัลนะเรศ สุวะนาม อายุ 31 ปี กรรมการอำนวยการ บ.เอราวัณฟูดเน็ตเวิร์ก จก. และ หจก.สุพรรณฉัตร เลขที่ 60/39 ชุมชนหนองเตาเหล็ก ถ.อุดรฯ-หนองบัวลำภู ต.หมากแข้ง อ.เมืองอุดรธานี ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน ลักษณะแชร์ลูกโซ่ “ขายเห็ดหลินจือ" ด้วยการลงทุนเป็นหุ้นๆ ละ 10,500 บาท สัญญาจะรับเงินปันผลทุก 10 วัน ครั้งละ 8,500 บาท คาดว่าจะมีมูลค่าความเสียหายมากกว่า 200 ล้านบาท โดยมีผู้เสียหายมาแจ้งความแล้ว 200 ราย
ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการออกหมายจับเพิ่มอีก 7 คน ประกอบไปด้วย 1. นายอภิรักษ์ หรืออุทิศ ลิ้มมังกูร อายุ 45 ปี ประธานกรรมการ 2.นายฉัตรชัย ราชแวง อายุ 32 ปี กรรมการ 3.ร.ต.ท.รุ่งศักดิ์ มิ่งสอน อายุ 61 ปี อดีตตำรวจสันติบาล ที่ปรึกษากฎหมาย 4.นายวัชรกร ธงศิลา อายุ 40 ปี 5.นายมีศักดิ์ เหล่าผง อายุ 45 ปี 6.นางภาณุนันท์ สุวรรณศรี อายุ 29 ปี และ 7.นางวิไลวรรณ นนลือชา อายุ 30 ปี
โดยทันทีที่รับทราบการออกหมาย ร.ต.ท.รุ่งศักดิ์ มิ่งสอน ได้เดินทางเข้ามอบตัวต่อ พ.ต.ต.ณัฐนนท์ ประชุม สว.สส.ภ.จว.อุดรธานี พร้อมให้การปฏิเสธ อ้างหลักฐานการลาออกจากบริษัทฯ
ขณะเดียวกัน ที่ศาล จ.อุดรธานี มีญาติของนายปรีชา และนายวัลนะเรศ 2 ผู้ต้องหา ได้ยืนหลักทรัพย์ขอประกันตัวผู้ต้องหา ซึ่ง พ.ต.ท.ฉกาจน์ เทียมวงศ์ พนักงานสอบสวน สบ.3 สภ.อ.เมืองอุดรธานี ได้เดินทางไปที่ศาล จ.อุดรธานี แสดงเหตุผลการคัดค้านประกันตัว ซึ่งศาลมีความเห็นไม่ให้ประกันตัว ตามคำขอของพนักงานสอบสวน ท่ามกลางความโล่งใจของผู้เสียหาย ที่ยังคงรอรับฟังข่าวจำนวนมากที่ สภ.อ.เมืองอุดรธานี
พ.ต.ท.ฉกาจน์ เปิดเผยว่า ยังมีผู้เสียหายจากจังหวัดหนองคาย หนองบัวลำภู เลย นครราชสีมา ขอนแก่น สกลนคร และอุดรธานี ยังคงเดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์อย่างต่อเนื่องอยู่ และยังมีอีกหลายกลุ่มที่โทร.มาสอบถาม พร้อมนัดหมายจะเดินทางมาแจ้งความ โดยขณะนี้ผู้มาให้ปากคำแล้วราว 200 คน มีความเสียหายตั้งแต่รายละ 10,000-200,000 บาท ผู้ที่จะเดินทางมาแจ้งความ ให้นำหลักฐานบัตรประจำตัวประชาชน และหลักฐานเอกสารบัตรสมาชิก และใบเสร็จรับเงิน มาให้พร้อมจึงจะได้ไม่ต้องเดินทางมาหลายครั้ง
พ.ต.ท.ฉกาจน์ กล่าวต่อว่า คดีนี้ได้รับความสนใจจากทุกฝ่าย โดยเฉพาะผู้บังคับบัญชา เพราะมีผู้ได้รับความเดือดร้อนจำนวนมาก คาดว่ามูลค่าความเสียหายก็จะสูงมากด้วย จึงกำชับให้พนักงานสอบสวน ระดมเจ้าหน้าที่เพื่ออำนวยความสะดวก กับประชาชนที่เดินทางมาให้ทันในวันนั้นๆ และให้คัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาทั้ง 2
ส่วนผู้ที่ถูกออกหมายจับที่เหลือ ทราบว่าผู้บังคับบัญชาได้จัดทีมออกประกบแล้ว แม้ว่ามีบางรายจะติดต่อขอมอบตัว หากพบก็ให้จับกุมมาทันที เกรงจะเหมือนกับคดี “แชร์บุตรเติมเงินมือถือ” ที่ อ.หนองหาน จ.อุดรธานี ความเสียหายมากกว่า 65 ล้านบาท หัวโจกยังจับกุมไม่ได้