จะเพียงเพราะสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ที่ยังร้อนระอุ...ไล่ฆ่ากันตายรายวันและมีแนวโน้มขยายความรุนแรง ด้วยการขยายอาณาเขตครอบคลุมไปในบางอำเภอของจ.สงขลา เป็นปัญหาของขบวนการที่ต้องการจะแบ่งแยกรัฐปัตตานีใช่หรือไม่ ? ตามข้อสันนิษฐานหน่วยข่าวกรองด้านความมั่นคง
แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นปัญหาภายในประเทศ ที่รัฐบาลและคนไทยทั้งประเทศ ไม่ว่าจะเป็นไทยพุทธ-ไทยมุสลิมจะต้องร่วมกันสมานฉันท์แก้ปัญหาด้วยสติ
โดยเฉพาะเหตุการณ์”ตากใบทมิฬ”กับการสลายกลุ่มชุมนุมบ ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 80 คน จนถูกวิพากษ์วิจารณ์จากองค์การสหประชาชาติ(ยูเอ็น)ในประเด็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน และกำลังถูกจับตามองจากองค์การต่อต้านก่อการร้ายข้ามชาติ !! แต่ขอย้ำว่านี่เป็นเพียงปัญหาภายในประเทศ
เหตุใด!! ระยะหลังองค์การต่อต้านการก่อการร้ายข้ามชาติ จึงเสนอตัวที่จะเข้าร่วมแก้ไขปัญหาการก่อการร้ายในไทย ทั้งในรูปการให้ทุนสนับสนุนจากประเทศอังกฤษ หรือกรณีนำผู้เชี่ยวชาญจากประเทศอิสราเอล มาบรรยายให้ตำรวจสันติบาล เกี่ยวกับสถานการณ์ก่อการร้ายรูปแบบต่าง ๆที่เกิดขึ้นในอิสราเอลเพื่อเทียบเคียงลำดับเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงในภาคใต้ หรือกรณีฝ่ายความมั่นคง จะรับเงินสนับสนุนจากสำนักประมวลข่าวกรองกลาง (ซีไอเอ) ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อจัดตั้งโรงเรียนพัฒนาด้านการข่าว
.....ตรงนี้ถือว่า”อันตรายยิ่ง” เพราะเท่ากับเรายอมรับว่าไทยตกเป็นเป้าหมายของขบวนการก่อการร้ายสากล ในสายตาองค์การต่อต้านการก่อการร้ายข้ามชาติจริง
ทั้งที่ปัญหาการก่อความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนใต้เป็นเพียงปัญหาภายในประเทศ แม้จะแตกต่างกันในเรื่องศาสนาและวัฒนธรรม แต่ปวงชนทั้งชาวไทยพุทธ-ไทยมุสลิม ก็มีในหลวงฯ เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจองค์เดียวกัน
จึงขอฝากเตือนไปยังรัฐบาลและหน่วยงานด้านความมั่นคง ให้ตระหนักถึงข้อเสนอหรือการขอความร่วมมือจากต่างชาติในเรื่องการแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้ เพราะไม่อยากให้เกิดกรณีเช่นประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งมีกบฏโมโรหรือบฏมุสลิม กระทำการก่อกวนต่อต้านรัฐบาล แต่รัฐบาลฟิลิปปินส์ปราบไม่สำเร็จ จนต้องไปดึงสหรัฐฯ เข้ามาสร้างฐานทัพที่หมู่เกาะมินดาเนาจนถึงวันนี้เพราะสะท้อนให้เห็นว่า “รัฐบาลฟิลิปปินส์กำลังชักศึกเข้าบ้าน ทั้งที่เป็นปัญหาภายในประเทศ”
เช่นเดียวกับกรณี รัฐบาลลงนามในบันทึกความเข้าใจ กับ สิงคโปร์ เพื่อให้สิทธิเข้ามาใช้พื้นที่บริเวณ กองบิน 23 อุดรธานี - ฝูงบินอิสระ 237 ขอนแก่น เป็นเวลายาวนานถึง 15 ปี เพื่อ การฝึกบิน, การฝึกรบ ของฝูงบินขับไล่ เอฟ 16 โดยรัฐบาลจะได้รับเครื่องบินรบ เอฟ 16 เอ/บี จำนวน7 ลำ เป็นสินค้าแลกเปลี่ยน ยังคงเป็นประเด็นร้อนที่สังคมกำลังร่วมตรวจสอบถึงโปร่งใสและเจตนารมย์ในเบื้องลึก เพราะหากย้อนอดีตไปดูในสมัยจอมพลถนอม กิตติขจร ผู้ซึ่งเซ็นอนุมัติให้ฐานทัพอากาศสหรัฐอเมริกาขึ้นในประเทศไทย ในยุคสงครามเวียดนาม และได้ถอนฐานทัพกลับไปเมื่อ 29 ปีก่อน.... ....
การบริหารบ้านเมืองหรือแก้ปัญหาภายในประเทศด้านความมั่นคง จึงต้องรอบคอบและโปร่งใส...ไม่จำเป็นต้องดึงองค์กรต่างชาติเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะจะเป็นการ”ชักศึกเข้าบ้าน”เสียเปล่าๆ
แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นปัญหาภายในประเทศ ที่รัฐบาลและคนไทยทั้งประเทศ ไม่ว่าจะเป็นไทยพุทธ-ไทยมุสลิมจะต้องร่วมกันสมานฉันท์แก้ปัญหาด้วยสติ
โดยเฉพาะเหตุการณ์”ตากใบทมิฬ”กับการสลายกลุ่มชุมนุมบ ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 80 คน จนถูกวิพากษ์วิจารณ์จากองค์การสหประชาชาติ(ยูเอ็น)ในประเด็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน และกำลังถูกจับตามองจากองค์การต่อต้านก่อการร้ายข้ามชาติ !! แต่ขอย้ำว่านี่เป็นเพียงปัญหาภายในประเทศ
เหตุใด!! ระยะหลังองค์การต่อต้านการก่อการร้ายข้ามชาติ จึงเสนอตัวที่จะเข้าร่วมแก้ไขปัญหาการก่อการร้ายในไทย ทั้งในรูปการให้ทุนสนับสนุนจากประเทศอังกฤษ หรือกรณีนำผู้เชี่ยวชาญจากประเทศอิสราเอล มาบรรยายให้ตำรวจสันติบาล เกี่ยวกับสถานการณ์ก่อการร้ายรูปแบบต่าง ๆที่เกิดขึ้นในอิสราเอลเพื่อเทียบเคียงลำดับเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงในภาคใต้ หรือกรณีฝ่ายความมั่นคง จะรับเงินสนับสนุนจากสำนักประมวลข่าวกรองกลาง (ซีไอเอ) ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อจัดตั้งโรงเรียนพัฒนาด้านการข่าว
.....ตรงนี้ถือว่า”อันตรายยิ่ง” เพราะเท่ากับเรายอมรับว่าไทยตกเป็นเป้าหมายของขบวนการก่อการร้ายสากล ในสายตาองค์การต่อต้านการก่อการร้ายข้ามชาติจริง
ทั้งที่ปัญหาการก่อความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนใต้เป็นเพียงปัญหาภายในประเทศ แม้จะแตกต่างกันในเรื่องศาสนาและวัฒนธรรม แต่ปวงชนทั้งชาวไทยพุทธ-ไทยมุสลิม ก็มีในหลวงฯ เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจองค์เดียวกัน
จึงขอฝากเตือนไปยังรัฐบาลและหน่วยงานด้านความมั่นคง ให้ตระหนักถึงข้อเสนอหรือการขอความร่วมมือจากต่างชาติในเรื่องการแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้ เพราะไม่อยากให้เกิดกรณีเช่นประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งมีกบฏโมโรหรือบฏมุสลิม กระทำการก่อกวนต่อต้านรัฐบาล แต่รัฐบาลฟิลิปปินส์ปราบไม่สำเร็จ จนต้องไปดึงสหรัฐฯ เข้ามาสร้างฐานทัพที่หมู่เกาะมินดาเนาจนถึงวันนี้เพราะสะท้อนให้เห็นว่า “รัฐบาลฟิลิปปินส์กำลังชักศึกเข้าบ้าน ทั้งที่เป็นปัญหาภายในประเทศ”
เช่นเดียวกับกรณี รัฐบาลลงนามในบันทึกความเข้าใจ กับ สิงคโปร์ เพื่อให้สิทธิเข้ามาใช้พื้นที่บริเวณ กองบิน 23 อุดรธานี - ฝูงบินอิสระ 237 ขอนแก่น เป็นเวลายาวนานถึง 15 ปี เพื่อ การฝึกบิน, การฝึกรบ ของฝูงบินขับไล่ เอฟ 16 โดยรัฐบาลจะได้รับเครื่องบินรบ เอฟ 16 เอ/บี จำนวน7 ลำ เป็นสินค้าแลกเปลี่ยน ยังคงเป็นประเด็นร้อนที่สังคมกำลังร่วมตรวจสอบถึงโปร่งใสและเจตนารมย์ในเบื้องลึก เพราะหากย้อนอดีตไปดูในสมัยจอมพลถนอม กิตติขจร ผู้ซึ่งเซ็นอนุมัติให้ฐานทัพอากาศสหรัฐอเมริกาขึ้นในประเทศไทย ในยุคสงครามเวียดนาม และได้ถอนฐานทัพกลับไปเมื่อ 29 ปีก่อน.... ....
การบริหารบ้านเมืองหรือแก้ปัญหาภายในประเทศด้านความมั่นคง จึงต้องรอบคอบและโปร่งใส...ไม่จำเป็นต้องดึงองค์กรต่างชาติเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะจะเป็นการ”ชักศึกเข้าบ้าน”เสียเปล่าๆ