4 ผู้ต้องหา แก๊งดาราตัวประกอบ ทั้ง “ตี๋หมี่เกี๊ยว” ในโฆษณาลูกผู้ชายตัวจริง ตัวประกอบหนังองค์บาก ภาค 2 –คนเล่นของ นางแบบไทเบียร์ ที่ตั้งแก๊งปลอมเอกสารซื้อรถ แล้วส่งรถนายทุนขายต่อต่างประเทศ อ้างไม่ได้โกง แค่ให้ยืมชื่อทำสัญญา ได้เงินค่าจ้าง 20,000 บาท ด้าน “เสรีพิศุทธ์” เผยค่าเสียหายกว่า 10 ล้าน
เมื่อเวลา 17.00 น.วันนี้ (17 พ.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้างานปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ (ปจร.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.สมคิด บุญถนอม รองหัวหน้า ปจร.ตร.ทำหน้าที่หัวหน้าชุดสืบสวนหาข่าว ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมตัวผู้ต้องหาแก๊งโจรกรรมรถยนต์โดยวิธีฉ้อโกง ได้ผู้ต้องหา 4 คน ประกอบด้วย นายณภัทร ภูริ อายุ 28 ปี ตัวประกอบภาพยนตร์เรื่อง “องค์บาก ภาค 2” น.ส.สุพัตรา ศรีวิชัย อายุ 24 ปี นางแบบโฆษณาไทเบียร์ นายสายเกษม กันทะนิตย์ อายุ 27 ปี หรือ “ตี๋หมีเกี๊ยว” ในโฆษณาลูกผู้ชายตัวจริง และนายเทพประสิทธิ์ สว่างกาย อายุ 30 ปี ตัวประกอบภาพยนตร์เรื่อง “คนเล่นของ” โดยแจ้งข้อหาร่วมกันปลอมและใช้เอกสารปลอม และร่วมกันฉ้อโกง
โดยสามารถจับกุมนายณภัทร ได้ที่โชว์รูมวอลโว่ รามอินทรา จับกุม น.ส.สุพัตรา ได้ที่หอพักศิริรัตน์ แมนชั่น ซ.140 ถ.ลาดพร้าว เขตวังทองหลาง และจับกุมนายสายเกษม กับนายเทพประสิทธิ์ ได้ที่หน้าตึก เอสซีบีปาร์ค ตรงข้ามโรงภาพยนตร์เมเจอร์ซีนีเพลกซ์ เขตจตุจักร
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ทาง ปจร. ได้รับการร้องเรียนจากสมาคมประกันวินาศภัย และสมาคมผู้ให้เช่าซื้อรถยนต์ ว่า มีกลุ่มคนร้ายซึ่งเป็นนักแสดงตัวประกอบ ใช้เอกสารปลอมแสดงฐานะทางการเงินอันเป็นเท็จ ทั้งสมุดบัญชีเงินฝาก โฉนดที่ดิน ตราบริษัท หลอกลวงเช่าซื้อรถยนต์ราคาแพงตามบริษัทจำหน่ายรถยนต์และส่งไปขายต่อยังต่างประเทศ และบางส่วนก็นำไปปลอมเอกสา สำคัญเกี่ยวกับรถเพื่อขาย หรือจำนำต่อให้ผู้อื่น รวมทั้งเต็นท์รถบางแห่งที่มีพฤติกรรมรับของโจรเอารถไปดัดแปลง สร้างความเสียหายมูลค่ารวมกว่า 10 ล้านบาท ซึ่งผู้เสียหายร้องทุกข์ที่ สน.ลุมพินี เอาไว้แล้ว
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวต่อว่า ทางชุดสืบสวนได้สืบทราบว่า ผู้ต้องหาทั้ง 4 คน เป็นผู้ที่ลงมือทำ จึงติดตามจับกุมได้พร้อมของกลางเป็นรถยนต์ และเอกสารปลอมที่เตรียมจะนำไปเช่าซื้อรถยนต์อีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งผู้ต้องหาทั้งหมดก็สารภาพ ว่า หลังจากที่หลอกลวงเอารถมาได้แล้ว ก็ปลอมแปลงทะเบียน ปลอมซากโดยมีเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่งร่วมมือ จากนั้นก็นำไปขายทั้งในประเทศ และประเทศเพื่อนบ้านของเราซึ่งเจ้าหน้าที่จะขยายผลต่อไป
จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพ โดยนายณภัทร ให้การว่า นายณภัทร กล่าวว่า ตอนนี้ตนทำงานอิสระ โดยก่อนหน้านี้เคยเป็นเซลส์ขายรถมือสอง ทำให้รู้จักชายคนหนึ่ง ชื่อ ติ๊ก หรือ นายธีรวุฒิ ตนรู้จักครั้งแรกที่ตรงข้ามห้างคาร์ฟู รัชดา เข้ามาปรึกษาว่าอยากได้รถไปใช้ในครอบครัว แต่ญาติพี่น้องไม่สามารถจัดไฟแนนซ์ได้เพราะเครดิตเขาเสีย อยากให้ใครที่มีเครดิตสามารถทำสัญญาได้ โดยนำเพียงทะเบียนบ้านและบัตรประชาชนตัวจริงมาให้ เขาก็จะนำไปซื้อรถได้ โดยเจ้าของบัตรได้ค่าตอบแทนครั้งละ 1 - 2 หมื่น ซึ่งตนไม่ทราบว่าเป็นความผิด เพราะนายติ๊กอ้างว่าเป็นพ่อค้ารถ และมีไฟแนนซ์ที่จัดให้ได้ จึงเข้าใจว่าเมื่อใช้ชื่นตัวเองซื้อแล้วก็ขายต่อให้ชายคนดังกล่าวก็น่าจะทำได้เช่นเดียวกับที่เคยโอนลอยให้ผู้ซื้อรายอื่น
นายณภัทร กล่าวต่อว่า ตนเพิ่งทำมาได้เพียง 3 ครั้ง โดยทำสัญญาซื้อรถ 3 คัน ตามที่เป็นข่าว แต่ก็มีปัญหา เพราะคนจ้างไม่ทำตามสัญญาโดยจ่ายเงินค่าผ่อนไม่ครบ สำหรับเอกสารที่ตำรวจพบนั้น เป็นเพียงใบมัดจำรถ ไม่ใช่ใบสัญญา ซึ่งตนได้แจ้งยกเลิกเอาไว้ ส่วนวันที่ถูกจับนั้น ตนกำลังไปเอาค่ามัดจำจำนวน 20,000 บาท คืน สามารถตรวจสอบได้ ส่วน น.ส.สุพัตรา เป็นแฟนสาว และนายสายเกษม กับนายเทพประสิทธิ์ เป็นเพื่อนสนิท ที่ตนให้มาช่วยเซ็นสัญญาให้เพราะตนเคยผ่อนรถไม่ครบ แล้วเรียกให้ไฟแนนซ์มายึดไป จึงติดแบล็คลิสต์
นายสายเกษม หรือ "ตี๋ หมี่เกี๊ยว" กล่าวว่า ทั้ง 3 ครั้งที่ทำสัญญา ได้เงินมาไม่ถึง 60,000 บาท โดยครั้งแรกเห็นว่ามีสัญญาซื้อขายจึงไม่น่าจะผิด เพราะเป็นเพียงการขอยืมชื่อ ส่วนเรื่องการปลอมเอกสารนั้นตนไม่เกี่ยว เพราะให้เอกสารตัวจริงกับนายติ๊กไป อยากฝากเตือนผู้ที่จะทำธุรกรรมใด ๆ ขอให้พิจารณาอย่างรอบคอบเพราะอาจโชคร้ายแบบตน
ทั้งนี้เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ร.ต.ต.อมรชัย ลีลาขจรกิจ พนักงานสอบสวนสน.ลุมพินี ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 คนไปฝากขังที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 17-28 พ.ย.เนื่องจากยังต้องสอบปากคำพยานอีก 7 ปาก และรอผลการตรวจพิสูจน์ลายนิ้วมือ ประวัติอาชญากร และอื่นๆ พร้อมทั้งได้ทำการคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง มีการกระทำเป็นขบวนการและอาจหลบหนี