ในสถานการณ์
ท่าบางลำพู
ก่อนอื่นต้อง ขอแสดงความเสียใจต่อญาติของผู้เสียชีวิต ในเหตุบานปลาย "สลายกลุ่มผู้ชุมนุม" กว่า 3,000 คน ที่เรียกร้องให้ทางการปล่อยตัว 6 เจ้าหน้าที่ชุดคุ้มครองรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชบร.) ซึ่งถูกจับกุมในข้อหายักยอกปืนและแจ้งความเท็จ เมื่อวันที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมา
และเสียใจต่อปฏิบัติการสลายกลุ่มผู้ชุมนุม “ปฐมเหตุ” ก่อนนำมาซึ่งการสูญเสีย 85 ศพ และชาวบ้านกว่า 1,300 คนต้องถูกจับกุมตัว
ว่ากันว่า... หากเจ้าหน้าที่รัฐไม่เลือกปฏิบัติ จับ 6 ผู้ต้องหา (ชบร.) โดยยอมให้ประกันตัวตั้งแต่เมื่อต้นเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา เพราะเพียงแค่ข้อหาเล็กน้อย อัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี พลังชาวบ้านกว่า 3,000 คน ที่ลุกฮือเพื่อท้าทายอำนาจรัฐ จนนำมาซึ่งการเสียชีวิต 85 ศพเมื่อวันวาน คงจะไม่เกิดขึ้น
แต่เมื่อปมปัญหาเกิด “คำตอบสุดท้าย”อยู่ที่ 85 ศพ ความเคียดแค้นของชาวบ้านที่มีต่อเจ้าหน้าที่รัฐ การใช้อำนาจรัฐข่มเหง ถึงนาทีนี้ต้องยอมรับว่า “ช่องว่างระหว่างชนชั้นและวรรณะ” เริ่มขยายวงกว้างมากขึ้นไปทุกที
ภาครัฐฯ จะปฏิเสธถึงความล้มเหลวในการแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้ไม่ได้ นอกจากจะต้องยืดอกรับผิดชอบต่อเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้น อีกทั้งต้องเร่งพิสูจน์ความจริงให้ปรากฎ อย่าใช้สมมติฐานหรืออ้างเหตุสุดวิสัยขึ้นมากลบเกลื่อน มูลเหตุแห่งการสูญเสีย 85 ศพที่ตากใบ
ดังนั้น...จึงไม่แปลกที่นายกฯทักษิณ ออกมาชี้แจงต่อที่ประชุมวุฒิฯว่า จะตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เพราะถือเป็นสูตรสำเร็จในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ในห้วงวิกฤตศรัทธา จึงไม่ต่างจากกรณี"ถล่มกรือเซะ 28 เม.ย.”
ข้อสมมติฐานที่ระบุว่า มีผู้อยู่เบื้องหลังจ้างวานให้วัยรุ่นในราคาหัวละ 200 บาท จำนวนนับพันคนร่วมกับชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ ออกมาก่อความไม่สงบ นอกจากจะสะท้อนให้เห็นว่าระบบการข่าวล้มเหลวแล้ว ยิ่งทำให้การสร้างแนวร่วมเพื่องานด้านมวลชน ยากขึ้นเป็นลำดับ
ข้อกล่าวอ้างที่ว่าอาวุธที่เจ้าหน้าที่ค้นพบในสระ เตรียมนำมาถล่ม สภ.อ.ตากใบ ดูเลือนรางเต็มที เมื่อเทียบกับกำลังพลจากฝ่ายทหาร-ตำรวจพร้อมอาวุธสงคราม ที่ตรึงกำลังโดยรอบ หน้ากลุ่มผู้ชุมนุม
อีกทั้งการอ้างเหตุสุดวิสัยในการใช้กำลังเข้าสลายกลุ่มผู้ชุมนุมจำนวนมาก จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 85 ศพ เพราะขาดอากาศหายใจพร้อมกล่าวหากลุ่มผู้ชุมนุมว่าเสพสารเสพติด อดอาหารในช่วงศีลอด ทำให้สภาพร่างกายอิดโรย จึงทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก จึงรับฟังไม่ขึ้น
ในทางกลับกันจะยิ่งซ้ำเติมความรู้สึกของชาวบ้าน เพราะไม่เข้าใจถึงระบบขนบธรรมเนียมประเพณี และวัฒนธรรมของชาวไทยมุสลิมในช่วงถือศีลอด
85 ศพจากเหตุการณ์ตากใบ เชื่อว่าจะยังไม่ลดละและไม่มีแนวโน้มจะยุติด้วยสันติวิธี ทั้งจากปัจจัยภายใน และองค์กรระหว่างประเทศ ที่ตั้งข้อสังเกตว่า ปฏิบัติการสลายม็อบไม่ใช่สงครามต่อต้านการก่อการร้าย
ความรุนแรงจนนำถึงความสลดใจที่ตากใบเมื่อวันวาน จึงถือเป็น"ระเบิดเวลา”ที่พร้อมปะทุเข้าใส่รัฐบาล ทั้งจากปัจจัยกดดันทั้งจากภายในและต่างประเทศ โดยเฉพาะประเด็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน จนกระทั่งนานาอารยประเทศออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลไทยรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
แม้กระทั่งรัฐบาลมาเลเซีย ออกมากล่าวหาว่า เป็นการ"สังหารหมู่กลุ่มผู้ประท้วงอย่างสันติวิธี” กรณีตากใบจึงถือเป็นบทเรียนราคาแพงสำหรับรัฐบาล "ทักษิณ 10” .....
ท่าบางลำพู
ก่อนอื่นต้อง ขอแสดงความเสียใจต่อญาติของผู้เสียชีวิต ในเหตุบานปลาย "สลายกลุ่มผู้ชุมนุม" กว่า 3,000 คน ที่เรียกร้องให้ทางการปล่อยตัว 6 เจ้าหน้าที่ชุดคุ้มครองรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชบร.) ซึ่งถูกจับกุมในข้อหายักยอกปืนและแจ้งความเท็จ เมื่อวันที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมา
และเสียใจต่อปฏิบัติการสลายกลุ่มผู้ชุมนุม “ปฐมเหตุ” ก่อนนำมาซึ่งการสูญเสีย 85 ศพ และชาวบ้านกว่า 1,300 คนต้องถูกจับกุมตัว
ว่ากันว่า... หากเจ้าหน้าที่รัฐไม่เลือกปฏิบัติ จับ 6 ผู้ต้องหา (ชบร.) โดยยอมให้ประกันตัวตั้งแต่เมื่อต้นเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา เพราะเพียงแค่ข้อหาเล็กน้อย อัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี พลังชาวบ้านกว่า 3,000 คน ที่ลุกฮือเพื่อท้าทายอำนาจรัฐ จนนำมาซึ่งการเสียชีวิต 85 ศพเมื่อวันวาน คงจะไม่เกิดขึ้น
แต่เมื่อปมปัญหาเกิด “คำตอบสุดท้าย”อยู่ที่ 85 ศพ ความเคียดแค้นของชาวบ้านที่มีต่อเจ้าหน้าที่รัฐ การใช้อำนาจรัฐข่มเหง ถึงนาทีนี้ต้องยอมรับว่า “ช่องว่างระหว่างชนชั้นและวรรณะ” เริ่มขยายวงกว้างมากขึ้นไปทุกที
ภาครัฐฯ จะปฏิเสธถึงความล้มเหลวในการแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้ไม่ได้ นอกจากจะต้องยืดอกรับผิดชอบต่อเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้น อีกทั้งต้องเร่งพิสูจน์ความจริงให้ปรากฎ อย่าใช้สมมติฐานหรืออ้างเหตุสุดวิสัยขึ้นมากลบเกลื่อน มูลเหตุแห่งการสูญเสีย 85 ศพที่ตากใบ
ดังนั้น...จึงไม่แปลกที่นายกฯทักษิณ ออกมาชี้แจงต่อที่ประชุมวุฒิฯว่า จะตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เพราะถือเป็นสูตรสำเร็จในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ในห้วงวิกฤตศรัทธา จึงไม่ต่างจากกรณี"ถล่มกรือเซะ 28 เม.ย.”
ข้อสมมติฐานที่ระบุว่า มีผู้อยู่เบื้องหลังจ้างวานให้วัยรุ่นในราคาหัวละ 200 บาท จำนวนนับพันคนร่วมกับชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ ออกมาก่อความไม่สงบ นอกจากจะสะท้อนให้เห็นว่าระบบการข่าวล้มเหลวแล้ว ยิ่งทำให้การสร้างแนวร่วมเพื่องานด้านมวลชน ยากขึ้นเป็นลำดับ
ข้อกล่าวอ้างที่ว่าอาวุธที่เจ้าหน้าที่ค้นพบในสระ เตรียมนำมาถล่ม สภ.อ.ตากใบ ดูเลือนรางเต็มที เมื่อเทียบกับกำลังพลจากฝ่ายทหาร-ตำรวจพร้อมอาวุธสงคราม ที่ตรึงกำลังโดยรอบ หน้ากลุ่มผู้ชุมนุม
อีกทั้งการอ้างเหตุสุดวิสัยในการใช้กำลังเข้าสลายกลุ่มผู้ชุมนุมจำนวนมาก จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 85 ศพ เพราะขาดอากาศหายใจพร้อมกล่าวหากลุ่มผู้ชุมนุมว่าเสพสารเสพติด อดอาหารในช่วงศีลอด ทำให้สภาพร่างกายอิดโรย จึงทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก จึงรับฟังไม่ขึ้น
ในทางกลับกันจะยิ่งซ้ำเติมความรู้สึกของชาวบ้าน เพราะไม่เข้าใจถึงระบบขนบธรรมเนียมประเพณี และวัฒนธรรมของชาวไทยมุสลิมในช่วงถือศีลอด
85 ศพจากเหตุการณ์ตากใบ เชื่อว่าจะยังไม่ลดละและไม่มีแนวโน้มจะยุติด้วยสันติวิธี ทั้งจากปัจจัยภายใน และองค์กรระหว่างประเทศ ที่ตั้งข้อสังเกตว่า ปฏิบัติการสลายม็อบไม่ใช่สงครามต่อต้านการก่อการร้าย
ความรุนแรงจนนำถึงความสลดใจที่ตากใบเมื่อวันวาน จึงถือเป็น"ระเบิดเวลา”ที่พร้อมปะทุเข้าใส่รัฐบาล ทั้งจากปัจจัยกดดันทั้งจากภายในและต่างประเทศ โดยเฉพาะประเด็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน จนกระทั่งนานาอารยประเทศออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลไทยรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
แม้กระทั่งรัฐบาลมาเลเซีย ออกมากล่าวหาว่า เป็นการ"สังหารหมู่กลุ่มผู้ประท้วงอย่างสันติวิธี” กรณีตากใบจึงถือเป็นบทเรียนราคาแพงสำหรับรัฐบาล "ทักษิณ 10” .....