xs
xsm
sm
md
lg

จับโจรลัก 5 ล้านรถขนเงิน หน.แก๊งเผย "ทำเพื่อความสะใจ"

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


ตร.โชว์ฟอร์มรวบแก๊งลักทรัพย์รถขนเงินรวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 5 ล้านบาทเศษ ได้คนร้าย 3 ราย ด้านหัวหน้าแก๊งเป็นอดีตพนักงานรักษาความปลอดภัยที่ถูกไล่ออก เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ทำไปด้วยสาเหตุหลักก็เพื่อความสะใจ ต้องการให้บริษัทเสื่อมเสียชื่อเสียง เพราะแค้นที่บริษัทหาเหตุไล่ออกเพราะตนชุมนุมประท้วงกรณีสหภาพแรงงาน หาว่าพวกชุมนุมทำบริษัทเสียหาย 12 ล้าน ระบุบริษัททำงานหายบ่อย เอ่ยปากชมเปาะ ตำรวจแน่มาก ตามจับจนได้

วันนี้ (19 ตุลาคม) เวลาประมาณ 10.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ณ ห้องประชุมใหญ่ ชั้น 2 พล.ต.ต.ปานศิริ ประภาวัต ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม 3 ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุลักทรัพย์เงินสดจากรถขนเงินของบริษัท บริงค์ (ประเทศไทย) จำกัด ระหว่างเก็บเงินที่ห้างแฟชั่นไอซ์แลนด์ ถ.รามอินทรา แขวงและเขตคันนายาว กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นท้องที่ของสน.บางชัน

สำหรับผู้ต้องหาทั้ง 3 รายได้แก่ นายสุรัตน์ หรือเอ๋ ศิริรานนท์ อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1626/34 ถ.จันทร์ แขวงทุ่งวัดดอน เขตสาทร กรุงเทพฯ ผู้ต้องหาที่ 1 ตามหมายจับของศาลจังหวัดมีนบุรีที่ 2544/2547 ลงวันที่ 15 ต.ค. 47 , นายสุดเขตต์ มณีฤทธิ์ อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 342/206 หมู่ 7 แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพฯ ผู้ต้องหาที่ 2 ตามหมายจับของศาลจังหวัดมีนบุรีที่ 2574/2547 ลงวันที่ 19 ต.ค. 47 และนายอัษฎางค์ ยิ้มอารี อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 261 หมู่ 2 ต.ดอนกรวย อ.ดำเนินสะดวก จ. ราชบุรี ผู้ต้องหาที่ 3 ตามหมายจับของศาลจังหวัดมีนบุรีที่ 2573/2547 ลงวันที่ 19 ต.ค. 47 ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 3 รายถูกจับพร้อมของกลางจำนวน 17 รายการ หนึ่งในนั้นเป็นเงินสด ประกอบด้วยธนบัตรชนิดต่างๆ รวมเป็นจำนวนเงิน 4,074,450 บาท

สำหรับกรณีที่เกิดขึ้น คือก่อนหน้านี้ผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ได้พูดคุยวางแผนกันไว้ก่อนแล้วว่าจะลงมือลักเงินจากรถขนเงินของบริษัท บริงค์ (ประเทศไทย) จำกัด เนื่องจากนายสุดเขตต์ ผู้ต้องหาที่ 2 อดีตพนักงานของบริษัทดังกล่าว มีความโกรธแค้นอยู่กับบริษัทเนื่องจากถูกไล่ออกจากงาน เพราะไปชุมนุมประท้วงบริษัทเรื่องสหภาพแรงงาน ทางบริษัทให้สลายตัวกลับไปทำงาน แต่ไม่ยอมให้กุญแจรถกับปืนคืนแก่พนักงาน นายสุดเขตต์จึงไม่ยอม ยังคงชุมนุมต่อไป ทางบริษัทจึงไล่ออกโดยกล่าวหาว่าทำให้บริษัทสูญเสียเงินไป 12 ล้านบาท นายสุดเขตต์จึงผูกใจเจ็บและคิดหาทางแก้แค้นตลอดมาก จึงได้ชักชวนนายสุรัตน์ ผู้ต้องหาที่ 1 ซึ่งเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยที่เคยร่วมงานกัน และชวนผู้ต้องหาที่ 3 คือนายอัษฎางค์ ซึ่งเป็นหลานชายมาร่วมขบวนการด้วย

เมื่อผู้ต้องหาที่ 2 และ 3 ตกลงร่วมขบวนการแล้ว นายสุดเขตต์จึงได้วางแผนว่าหากมีการแจ้งรับเงินสดจากธนาคาร (แสตนดาร์ดชาร์เตอร์) ซึ่งเป็นธนาคารที่นายสุรัตน์ ผู้ต้องหาที่ 1 ปฏิบัติหน้าที่อยู่ ขอให้แจ้งให้ตนทราบ จนเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 13.00 น. ภายหลังที่นายสุดเขตต์ทราบว่ามีตารางการรับเงินจากธนาคารตามที่วางแผนไว้ จึงได้แจ้งให้นายสุดเขตต์ทราบ นายสุดเขตต์และนายอัษฎางค์จึงขับรถกระบะมาจอดอยู่ที่บริเวณหน้าหมู่บ้านเจริญทรัพย์ แขวงและเขตคันนายาว แล้วให้ด้านนายสุรัตน์ซึ่งอยู่ที่รถขนเงินออกอุบายว่าเจ็บขาหนีบ เพื่อจะได้อยู่ประจำรถเพียงลำพัง ประกอบกับผู้คุมรถไม่ได้ระวัง มอบกุญแจตู้นิรภัยไว้ให้นายสุรัตน์ นายสุดเขตต์จึงได้ขับรถขนเงินหนี และขนถ่ายเงินใส่รถกระบะที่จอดรอเอาไว้ ก่อนทิ้งรถขนเงินและขึ้นกระบะหลบหนีไปกบดานอยู่ที่อ.บางแสน จ.ชลบุรี 1 คืน ก่อนจะมาเช่าบ้านเลขที่ 200/1 ซอยพหลโยธิน 40 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร ให้นายสุรัตน์และนายอัษฎางค์พักอาศัย พักอาศัย และดูแลเงินสดอีกจำนวนหนึ่ง

ต่อมาพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานและขออนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 3 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจับกุมสืบทราบว่าผู้ต้องหาหลบหนีมาซ่อนอยู่ในบ้านเลขที่ 200/1 ซอยพหลโยธิน 40 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร จึงได้เข้าตรวจค้นพบผู้ต้องหาทั้ง 3 และจับกุมตัวไว้ได้ ซึ่งจากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ และสำหรับนายสุดเขตต์ ผู้เป็นหัวหน้าแก๊งกล่าวว่า สาเหตุสำคัญที่ก่อคดีครั้งนี้เพราะแค้นเพราะถูกไล่ออก

"ผมสะใจจริงๆ ครับ แค้นมานานแล้ว ผมถูกไล่ออก เพราะผมเข้าร่วมชุมนุมสหภาพแรงงาน ทางบริษัทได้มีหนังสือออกมาว่าให้เลิกการชุมนุม กลับเข้าทำงาน ไม่อย่างงั้นจะถูกไล่ออก แต่พอผมจะกลับเข้าทำงาน เค้าก็ไม่ให้กุญแจรถ ไม่ให้ปืน ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าแบบนี้ ใครกันแน่ที่ทำให้บริษัทมันเจ๊ง เค้าไล่ผมออกเพราะหาว่าทำเงินของบริษัทสูญไป 12 ล้าน งานนี้ผมทำเพื่อความสะใจครับ จริงๆ บริษัทนี้ก็ทำเงินหายอยู่บ่อยๆ" นายสุดเขตต์กล่าว

จากนั้นเวลา 13.30 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจ นำโดย พล.ต.ต.วิทยา โกสิยะสถิต ผบก.น.4 พ.ต.อ.ทองดำ ลาภิกานนท์ ผกก.สน.บางชัน พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.บางชัน ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยเริ่มจุดแรกที่ นายสุรัตน์ นำรถขนเงินของ บริษัทบริงค์ ไทยแลนด์ ไปจอดที่ลานจอดรถของห้างแฟชั่น ไอร์แลนด์ ก่อนที่เพื่อที่จะขอไปเข้าห้องน้ำ จุดที่ 2 ที่บริเวณหน้าห้างบิ๊กซี แฟชั่นไอร์แลนด์ ซึ่งเป็นจุดที่นายสุรัตน์ เดินเข้าไปในห้างเพื่อเข้าห้องน้ำ ก่อนออกมาโทรศัพท์ตามนายสุดเขตต์ และ นายอัษฎางค์ ให้ขับรถกระบะตามออกมา

จุดที่ 3 เป็นจุดที่นายสุรัตน์ขับรถมาจอดหน้าห้างแฟชั่นไอร์แลนด์ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ลงไปเก็บเงินภายในห้าง โดยออกอุบายว่า เจ็บขาหนีบ เดินไม่ไหว เพื่อที่จะอยู่คนเดียวภายในรถ ซึ่งเมื่อนายสุรัตน์อยู่เพียงลำพังคนเดียว ก็ได้ขับรถขนเงิน หลบหนีออกจากบริเวณดังกล่าวทันที จากนั้นเป็นจุดที่ 4 ที่นายสุรัตน์ จอดรถข้างทางเพื่อรับนายสุดเขตต์ ขึ้นรถขนเงิน โดยมีนายอัษฎางค์ ขับรถกระบะตามท้าย และจุดสุดท้าย ภายในซอย รามอินทรา 101 เป็นจุดที่ผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ขนถ่ายเงินใส่รถกระบะ ก่อนทิ้งรถขนเงิน และขับรถกระบะหลบหนีไป




กำลังโหลดความคิดเห็น