รัฐบาล"พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" ประกาศทำสงคราม กับยาเสพติด รอบที่ 2 มีกำหนดกรอบระยะเวลา 60 วัน คือในระหว่างวันที่ 4 ต.ค.-3 ธ.ค.นี้ โดยเน้นย้ำ และขอความร่วมมือทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะข้าราชการตำรวจต้องดำเนินการกับยาเสพติด อย่างเด็ดขาด ไม่ต้องหวั่นเกรงอิทธิพลใดๆ ไม่ว่าบุคคลเหล่านั้น ที่คบคิดยาเสพติด จะเป็นข้าราชการการเมือง หรือข้าราชการประจำก็ตาม และในการปฏิบัติการพลังแผ่นดินขจัดสิ้นยาเสพติด ในรอบที่ 2 นี้ จะต้องทำให้ปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดให้หมดสิ้นไป และสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชนการตรวจสอบ ต้องดำเนินการ รีเอ็กซเรย์ ผู้ค้า ผู้ติด ผู้เสพ ในทุกพื้นที่ และหลังสิ้นคำประกาศทำสงครามกับยาเสพติดของผู้นำรัฐบาล ทธการปราบปรามยาเสพติดก็เริ่มขึ้น!
ในค่ำวันเดียวกันกับที่ผู้นำรัฐบาลประกาศ ทำสงครามกับยาเสพติด "ปฎิการเชือดไก่ให้ลิงดู" ก็เริ่มขึ้น เมื่อกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ร่วมกับกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ภายใต้คำสั่ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 557/2547 ลงวันที่ 8 ก.ย.2547
นำกำลังเข้าบุกจับกุม พ.ต.ท.พินิจ ประสิทธิ์เขตกิจ อดีตพนักงานสอบสวน (สบ.3) สภอ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี พร้อมพวกรวม 7 คน ประกอบด้วย นางหอมปรุง จำปาเงิน หรือนางศิริภัทร พิลารัตน์ ภรรยาพ.ต.ท.พินิจ น.ส.สำรอง ศรีโสภา นายประทาน ไพเราะ นายอำนาจประสิทธิ์เขตกิจ พี่ชาย พ.ต.ท.พินิจ นายอำนวย เกิดสุข และนางวสนา ภักดีวงษ์ พร้อมตั้งข้อกล่าวหา ร่วมสมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป ค้ายาบ้า และร่วมกันฟอกเงิน อันเป็นความ ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522,พ.ร.บ.มาตราการ ในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 และพ.ร.บ.ป้องกัน และปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 และนำตัวมายื่นคำร้องขอฝากขังครั้งแรก ต่อศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก โดยพนักงานสอบสวน ได้ยื่นคำร้องขอคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาทั้งหมด และศาลได้อนุญาตตามคำร้องขอ
คดีนี้ เปิดฉากการจับกุม อย่างสวยหรูไม่ปรากฏการณ์ "เหตุวิสามัญฆาตกรรม" เกิดขึ้นให้เห็นเหมือนการประกาศสงครามยาเสพติดในครั้งแรก ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น !?! หากได้ศึกษาลงลึกไปในรายละเอียด ในคำร้องขอฝากขังกลุ่มผู้ต้องหาค้ายาเสพติดรายนี้ ที่มี นายตำรวจ ยศ พ.ต.ท.เป็นหัวเรือใหญ่ พนักงานสอบสวนได้ระบุว่า "เนื่องจากคดีนี้ ผู้กระทำผิด เป็นกลุ่มบุคคล ที่มีอิทธิพลอยู่ในพื้นที่ ซึ่งมีทั้งข้าราชการตำรวจ นักกฏหมาย และผู้ที่มีประวัติเกี่ยวกับการค้ายาเสพติด มีลักษณะการกระทำความผิดที่ทำเป็นขบวนการ และกระทำความผิดในหลายพื้นที่ ประกอบกับผู้ต้องหาล้วนมีสมัครพรรคพวก ที่อยู่ในวงการเกี่ยวกับยาเสพติดจำนวนมาก พยานบางคนที่เกี่ยวข้องเคยมีประวัติถูกกลุ่มผู้ต้องหาขมขู่ จนเกิดความหวาดกลัว หากได้รับการประกันตัวจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน หรือไปข่มขู่พยาน จนไม่กล่าให้การกับพนักงานสอบสวน หรือต่อศาลตามความสัตย์จริง และอาจทำให้เสียรูปคดี จึงขอคัดค้านการประกันตัว" จึงเท่ากับเป็นการส่งสัญญาณ ว่า การประกาศสงครามยาเสพติดครั้งนี้ รัฐบาลไม่ได้มุ่งมั่น เอาเป็นเอาตาย กับการฆ่าตัดตอน กลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่จะดำเนินการ ขุดราก ถอนโคนขบวนการเครือข่ายให้สิ้นซาก เพราะหากทำได้เช่นนั้น ในช่วง 60 วันนอกจากนี้ รัฐบาลจะได้ใจจากประชาชนไปได้ไม่น้อย และมีผลต่อคะแนนเสียงในการเลือกตั้งใหญ่ต้นปีหน้าที่กำลังจะมาถึง อันเป็นการยอมรับอยู่ในทีแล้วว่า การทำสงครามยาเสพติดในครั้งแรกที่มีศพสังเวยจำนวน 2,500 ศพ ถือเป็นนโยบายที่ผิดพลาด...
ในค่ำวันเดียวกันกับที่ผู้นำรัฐบาลประกาศ ทำสงครามกับยาเสพติด "ปฎิการเชือดไก่ให้ลิงดู" ก็เริ่มขึ้น เมื่อกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ร่วมกับกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ภายใต้คำสั่ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 557/2547 ลงวันที่ 8 ก.ย.2547
นำกำลังเข้าบุกจับกุม พ.ต.ท.พินิจ ประสิทธิ์เขตกิจ อดีตพนักงานสอบสวน (สบ.3) สภอ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี พร้อมพวกรวม 7 คน ประกอบด้วย นางหอมปรุง จำปาเงิน หรือนางศิริภัทร พิลารัตน์ ภรรยาพ.ต.ท.พินิจ น.ส.สำรอง ศรีโสภา นายประทาน ไพเราะ นายอำนาจประสิทธิ์เขตกิจ พี่ชาย พ.ต.ท.พินิจ นายอำนวย เกิดสุข และนางวสนา ภักดีวงษ์ พร้อมตั้งข้อกล่าวหา ร่วมสมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป ค้ายาบ้า และร่วมกันฟอกเงิน อันเป็นความ ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522,พ.ร.บ.มาตราการ ในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 และพ.ร.บ.ป้องกัน และปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 และนำตัวมายื่นคำร้องขอฝากขังครั้งแรก ต่อศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก โดยพนักงานสอบสวน ได้ยื่นคำร้องขอคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาทั้งหมด และศาลได้อนุญาตตามคำร้องขอ
คดีนี้ เปิดฉากการจับกุม อย่างสวยหรูไม่ปรากฏการณ์ "เหตุวิสามัญฆาตกรรม" เกิดขึ้นให้เห็นเหมือนการประกาศสงครามยาเสพติดในครั้งแรก ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น !?! หากได้ศึกษาลงลึกไปในรายละเอียด ในคำร้องขอฝากขังกลุ่มผู้ต้องหาค้ายาเสพติดรายนี้ ที่มี นายตำรวจ ยศ พ.ต.ท.เป็นหัวเรือใหญ่ พนักงานสอบสวนได้ระบุว่า "เนื่องจากคดีนี้ ผู้กระทำผิด เป็นกลุ่มบุคคล ที่มีอิทธิพลอยู่ในพื้นที่ ซึ่งมีทั้งข้าราชการตำรวจ นักกฏหมาย และผู้ที่มีประวัติเกี่ยวกับการค้ายาเสพติด มีลักษณะการกระทำความผิดที่ทำเป็นขบวนการ และกระทำความผิดในหลายพื้นที่ ประกอบกับผู้ต้องหาล้วนมีสมัครพรรคพวก ที่อยู่ในวงการเกี่ยวกับยาเสพติดจำนวนมาก พยานบางคนที่เกี่ยวข้องเคยมีประวัติถูกกลุ่มผู้ต้องหาขมขู่ จนเกิดความหวาดกลัว หากได้รับการประกันตัวจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน หรือไปข่มขู่พยาน จนไม่กล่าให้การกับพนักงานสอบสวน หรือต่อศาลตามความสัตย์จริง และอาจทำให้เสียรูปคดี จึงขอคัดค้านการประกันตัว" จึงเท่ากับเป็นการส่งสัญญาณ ว่า การประกาศสงครามยาเสพติดครั้งนี้ รัฐบาลไม่ได้มุ่งมั่น เอาเป็นเอาตาย กับการฆ่าตัดตอน กลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่จะดำเนินการ ขุดราก ถอนโคนขบวนการเครือข่ายให้สิ้นซาก เพราะหากทำได้เช่นนั้น ในช่วง 60 วันนอกจากนี้ รัฐบาลจะได้ใจจากประชาชนไปได้ไม่น้อย และมีผลต่อคะแนนเสียงในการเลือกตั้งใหญ่ต้นปีหน้าที่กำลังจะมาถึง อันเป็นการยอมรับอยู่ในทีแล้วว่า การทำสงครามยาเสพติดในครั้งแรกที่มีศพสังเวยจำนวน 2,500 ศพ ถือเป็นนโยบายที่ผิดพลาด...