นฤมล มังกรพาณิชย์ พยานฝ่ายโจทก์เบิกพยานชี้ความขัดแย้งเรื่องมรดกธรรมวัฒนะชนวนศึกสายเลือด พร้อมระบุจำเลยมีความขัดแย้งกับมารดาก่อนเสียชีวิต
วันนี้ (28 ก.ย.) ที่ศาลอาญา ห้องพิจารณาคดี 805 ศาลได้ออกนั่งบัลลังก์สืบพยานโจทก์นัดแรก ในคดีที่พนักงานอัยการ กองคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายนพดล ธรรมวัฒนะ เป็นจำเลยในข้อหาร่วมกันฆ่า นายห้างทอง ธรรมวัฒนะ ส.ส.กทม. พรรคประชากรไทย พี่ชายของตนเองจนถึงแก่ความตาย
นายนพดล กล่าวก่อนรับฟังการสืบพยานโจทก์ครั้งแรก โดยแสดงความมั่นใจในพยานหลักฐาน แม้ว่าศาลจะไม่อนุญาตให้ผ่าศพ เป็นครั้งที่ 3 ก็ตาม ซึ่งเชื่อว่าจะไม่มีปัญหาแต่อย่างใด เนื่องจากการผ่าศพ ครั้งที่ 1 ได้ทำการโดยชอบ ด้วยกฎหมายแล้ว ดังนั้นเชื่อว่า การผ่าศพครั้งอื่น ย่อมไม่มีผลต่อการพิจารณาคดี และการตกเป็นจำเลยในความผิดฐานฆ่าพี่ชายตนเอง ไม่มีผลต่องานด้านการเมือง แต่อย่างใด
“ผมได้รับความไว้วางใจ จากทางพรรคมหาชน ให้เป็นผู้อำนวยการเลือกตั้งของพรรค ดูแลด้านการเลือกตั้งทั่วไป แต่ยังไม่ได้มีการตกลงกันภายในพรรคว่า จะให้อยู่ในระบบบัญชีรายชื่อลำดับใด” นายนพดล กล่าว
ต่อมา อัยการโจทก์ได้นำ นางนฤมล มังกรพาณิชย์ น้องสาวของจำเลยในคดีนี้ ขึ้นเบิกความ เป็นพยานปากแรก โดยนางนฤมล ได้ลำดับเหตุการณ์ความเป็นมาของกิจการในตลาดยิ่งเจริญ ซึ่งมีนางสุวพีร์ ธรรมวัฒนะ มารดา เป็นผู้ก่อตั้ง โดยก่อนปี 2533 ตระกูลธรรมวัฒนะ มีทรัพย์สิน จากผลกำไร ในการบริหารตลาดยิ่งเจริญ ทั้งที่ดิน และเงินสด รวมจำนวนกว่า 2 พันล้านบาท ซึ่งนางสุวพีร์ ได้มอบหมายให้ นางกี๋ฮวย แซ่อึ้ง หนึ่งในผู้จัดการมรดก ของตระกูลธรรมวัฒนะ และมีศักดิ์ เป็นหลานสาวของนางสุวพีร์ เป็นผู้จัดเก็บผลประโยชน์
นางนฤมล ยังเบิกความต่อว่า ก่อนที่มารดาจะเสียชีวิตลงด้วยโรคมะเร็งในปอด เมื่อวันที่ 22 เม.ย.พ.ศ.2533 ขณะนั้น น.ส.คนึงนิตย์ ธรรมวัฒนะ นางนัยนา ตามประกอบ และน.ส.นงนุช หรือฐานิยา ธรรมวัฒนะ เป็นผู้ดูแลการบริหารงาน ในตลาดยิ่งเจริญ โดยนางนฤมล รับดูปัญหาสุขภาพของมารดา ซึ่งต่อมาทั้งหมด ถูกตัดออกจากกองมรดก สำหรับจำเลยในคดีนี้ มาช่วยกิจการของมารดาบ้าง ก่อนที่จะหายไป เพราะมีเรื่องขัดแย้งกับมารดา แต่ต่อมา ในกลุ่มทายาท ซึ่งไม่ถูกตัดออกจากกองมรดก ได้มีมติร่วมกัน ที่จะแบ่งทรัพย์มรดกให้เท่ากันทุกคน
นางนฤมล ยังได้เบิกความถึงการเสียชีวิต ของนางนัยนา ตามประกอบ ที่มีการพบศพ ที่จังหวัดกาญจนบุรี เนื่องจากถูกฆาตกรรม เมื่อวันที่ 5 พ.ค. 2533 ภายหลังการเกิดพินัยกรรมเมื่อวันที่ 30 เม.ย.2533 ต่อหน้าทายาททุกคน แต่เมื่ออัยการซักถามต่อถึงกรณีนายเทอดชัย หรือผู้ใหญ่แดง ธรรมวัฒนะ ในปี 2534 ซึ่งถูกอุ้มตัวหายตัวไป จากสนามบินดอนเมือง นางนฤมลมีอาการเครียด และร้องให้ออกมา ศาลจึงอนุญาตให้พักพิจารณา เป็นเวลา 10 นาที
ต่อมา นางนฤมล ได้เบิกความต่อ ถึงการเสียชีวิต ของนายห้างทอง ว่า พบกับนายห้างทอง ครั้งสุดท้าย เมื่อวันที่ 4 ก.ย.2542 โดยนายห้างทอง ได้เดินทางมาหาที่บ้าน เพื่อรับประทานอาหารร่วมกัน มีการดื่มไวน์เพียงเล็กน้อย ซึ่งโดยปกติ นายห้างทองจะไม่ดื่มน้ำอัดลม ยกเว้นยี่ห้อซาซี่ และจะไม่รับประทานรสจัด ผงชูรส และไม่สูบบุหรี่ ก่อนที่นายห้างทอง จะเดินทางไปตอนประมาณ 5 ทุ่มเศษ และในช่วงเย็นของวันที่ 5 ก.ค. 2542 มีประชุมทายาท จากนั้น ได้รับแจ้งจากหลานชาย เมื่อเวลา 04.00 น. วันที่ 6 ก.ย.ว่า นายห้างทอง ฆ่าตัวตายแต่ไม่น่าจะเป็นไปได้
ต่อมาในปี 2546 ได้ส่งรูปภาพถ่าย ซึ่งแสดงลักษณะการตายของนายห้างทอง ที่นายปริญญา ธรรมวัฒนะ น้องชายอีกคนหนึ่ง เป็นผู้บันทึกภาพไว้ ส่งให้กับ คุณหญิงแพทย์หญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อขอพระราชทานเพลิงศพ เนื่องจากทางทางสำนักพระราชวัง แจ้งว่า กรณีที่ศพ เกิดจากการฆ่าตัวตาย ไม่สามารถขอพระราชเพลิงศพได้ หลังพยานเบิกความในช่วงเสร็จสิ้นลง ศาลได้นัดสืบพยานต่อเนื่องในช่วงบ่ายวันนี้
วันนี้ (28 ก.ย.) ที่ศาลอาญา ห้องพิจารณาคดี 805 ศาลได้ออกนั่งบัลลังก์สืบพยานโจทก์นัดแรก ในคดีที่พนักงานอัยการ กองคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายนพดล ธรรมวัฒนะ เป็นจำเลยในข้อหาร่วมกันฆ่า นายห้างทอง ธรรมวัฒนะ ส.ส.กทม. พรรคประชากรไทย พี่ชายของตนเองจนถึงแก่ความตาย
นายนพดล กล่าวก่อนรับฟังการสืบพยานโจทก์ครั้งแรก โดยแสดงความมั่นใจในพยานหลักฐาน แม้ว่าศาลจะไม่อนุญาตให้ผ่าศพ เป็นครั้งที่ 3 ก็ตาม ซึ่งเชื่อว่าจะไม่มีปัญหาแต่อย่างใด เนื่องจากการผ่าศพ ครั้งที่ 1 ได้ทำการโดยชอบ ด้วยกฎหมายแล้ว ดังนั้นเชื่อว่า การผ่าศพครั้งอื่น ย่อมไม่มีผลต่อการพิจารณาคดี และการตกเป็นจำเลยในความผิดฐานฆ่าพี่ชายตนเอง ไม่มีผลต่องานด้านการเมือง แต่อย่างใด
“ผมได้รับความไว้วางใจ จากทางพรรคมหาชน ให้เป็นผู้อำนวยการเลือกตั้งของพรรค ดูแลด้านการเลือกตั้งทั่วไป แต่ยังไม่ได้มีการตกลงกันภายในพรรคว่า จะให้อยู่ในระบบบัญชีรายชื่อลำดับใด” นายนพดล กล่าว
ต่อมา อัยการโจทก์ได้นำ นางนฤมล มังกรพาณิชย์ น้องสาวของจำเลยในคดีนี้ ขึ้นเบิกความ เป็นพยานปากแรก โดยนางนฤมล ได้ลำดับเหตุการณ์ความเป็นมาของกิจการในตลาดยิ่งเจริญ ซึ่งมีนางสุวพีร์ ธรรมวัฒนะ มารดา เป็นผู้ก่อตั้ง โดยก่อนปี 2533 ตระกูลธรรมวัฒนะ มีทรัพย์สิน จากผลกำไร ในการบริหารตลาดยิ่งเจริญ ทั้งที่ดิน และเงินสด รวมจำนวนกว่า 2 พันล้านบาท ซึ่งนางสุวพีร์ ได้มอบหมายให้ นางกี๋ฮวย แซ่อึ้ง หนึ่งในผู้จัดการมรดก ของตระกูลธรรมวัฒนะ และมีศักดิ์ เป็นหลานสาวของนางสุวพีร์ เป็นผู้จัดเก็บผลประโยชน์
นางนฤมล ยังเบิกความต่อว่า ก่อนที่มารดาจะเสียชีวิตลงด้วยโรคมะเร็งในปอด เมื่อวันที่ 22 เม.ย.พ.ศ.2533 ขณะนั้น น.ส.คนึงนิตย์ ธรรมวัฒนะ นางนัยนา ตามประกอบ และน.ส.นงนุช หรือฐานิยา ธรรมวัฒนะ เป็นผู้ดูแลการบริหารงาน ในตลาดยิ่งเจริญ โดยนางนฤมล รับดูปัญหาสุขภาพของมารดา ซึ่งต่อมาทั้งหมด ถูกตัดออกจากกองมรดก สำหรับจำเลยในคดีนี้ มาช่วยกิจการของมารดาบ้าง ก่อนที่จะหายไป เพราะมีเรื่องขัดแย้งกับมารดา แต่ต่อมา ในกลุ่มทายาท ซึ่งไม่ถูกตัดออกจากกองมรดก ได้มีมติร่วมกัน ที่จะแบ่งทรัพย์มรดกให้เท่ากันทุกคน
นางนฤมล ยังได้เบิกความถึงการเสียชีวิต ของนางนัยนา ตามประกอบ ที่มีการพบศพ ที่จังหวัดกาญจนบุรี เนื่องจากถูกฆาตกรรม เมื่อวันที่ 5 พ.ค. 2533 ภายหลังการเกิดพินัยกรรมเมื่อวันที่ 30 เม.ย.2533 ต่อหน้าทายาททุกคน แต่เมื่ออัยการซักถามต่อถึงกรณีนายเทอดชัย หรือผู้ใหญ่แดง ธรรมวัฒนะ ในปี 2534 ซึ่งถูกอุ้มตัวหายตัวไป จากสนามบินดอนเมือง นางนฤมลมีอาการเครียด และร้องให้ออกมา ศาลจึงอนุญาตให้พักพิจารณา เป็นเวลา 10 นาที
ต่อมา นางนฤมล ได้เบิกความต่อ ถึงการเสียชีวิต ของนายห้างทอง ว่า พบกับนายห้างทอง ครั้งสุดท้าย เมื่อวันที่ 4 ก.ย.2542 โดยนายห้างทอง ได้เดินทางมาหาที่บ้าน เพื่อรับประทานอาหารร่วมกัน มีการดื่มไวน์เพียงเล็กน้อย ซึ่งโดยปกติ นายห้างทองจะไม่ดื่มน้ำอัดลม ยกเว้นยี่ห้อซาซี่ และจะไม่รับประทานรสจัด ผงชูรส และไม่สูบบุหรี่ ก่อนที่นายห้างทอง จะเดินทางไปตอนประมาณ 5 ทุ่มเศษ และในช่วงเย็นของวันที่ 5 ก.ค. 2542 มีประชุมทายาท จากนั้น ได้รับแจ้งจากหลานชาย เมื่อเวลา 04.00 น. วันที่ 6 ก.ย.ว่า นายห้างทอง ฆ่าตัวตายแต่ไม่น่าจะเป็นไปได้
ต่อมาในปี 2546 ได้ส่งรูปภาพถ่าย ซึ่งแสดงลักษณะการตายของนายห้างทอง ที่นายปริญญา ธรรมวัฒนะ น้องชายอีกคนหนึ่ง เป็นผู้บันทึกภาพไว้ ส่งให้กับ คุณหญิงแพทย์หญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อขอพระราชทานเพลิงศพ เนื่องจากทางทางสำนักพระราชวัง แจ้งว่า กรณีที่ศพ เกิดจากการฆ่าตัวตาย ไม่สามารถขอพระราชเพลิงศพได้ หลังพยานเบิกความในช่วงเสร็จสิ้นลง ศาลได้นัดสืบพยานต่อเนื่องในช่วงบ่ายวันนี้