"จงรัก” เผยคนร้ายอุกอาจควงปืนปลอมบุกปล้นเงิน 1 ล้าน ชี้เจ้าหน้าที่ธนาคารพบพิรุธแต่ไม่ประสานงานเลยเจอดี ล่าสุดกระจายภาพถ่าย ส่งทุกพื้นที่ระดมกำลังจับกุมแต่ยังไร้เงา พร้อมตั้งค่าหัวนำจับ 50,000 บาท
วันนี้ (14 ก.ย.)จากเหตุการณ์ที่มีคนร้ายเป็นชายวัยรุ่นใช้อาวุธปืนบุกเข้าไปก่อเหตุปล้นเงินสดภายในธนาคารเอเซีย สาขาย่อยพัทยา ถ.พัทยาสายสอง ต.หนองปรือ อ.บางละมุง แล้วขนเงินสดเป็นธนบัตรมูลค่า 1 ล้าน 5 หมื่นบาท ขึ้นรถจักรยานยนต์หลบหนีไปนั้น
พล.ต.ท.จงรัก จุฑานนท์ ผบช.ภาค 2 เดินทางมาตรวจสอบ ในที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งตรวจสอบเหตุการณ์จากภาพถ่ายวีดีโอวงจรปิดของธนาคาร และสอบสวน ปากคำเพิ่มเติมจากผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงด้วยกัน
พล.ต.ท.จงรัก เปิดเผยว่าคนร้ายที่ก่อเหตุน่าจะเป็นวัยรุ่นในละแวกพื้นที่ใกล้เคียงซึ่งขณะนี้กำลังทำการตรวจสอบประวัติจากภาพถ่ายส่วนอาวุธที่ใช้ก่อเหตุนั้นจากการสังเกต ดูในโทรทัศน์วงจรปิดที่บันทึกไว้พบว่าเป็นปืนพกสั้นแบบออโตเมติก ขนาด 9 มม.ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าน่าจะเป็นอาวุธปืนปลอมที่คนร้ายนำมาเพื่อใช้ในการข่มขู่พนักงานของธนาคารเท่านั้น
เนื่องจากภาพที่ตรวจสอบพบนั้น คนร้ายได้ขึ้นลำและเลื่อนสไลด์ปืนถึง 2 ครั้ง แต่ปรากฏว่าไม่มีกระสุนกระเด็นออกจากรังเพลิงออกมาด้านนอกเหมือนอาวุธปืนปรกติ
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเรื่องนี้คงต้องเป็นอุทาหรณ์สำหรับเจ้าหน้าที่ของธนาคารโดยทั่วไป เนื่องจากคนร้ายได้ทำทีเข้ามาติดต่อธุระและยืนคุยโทรศัพท์ภายในธนาคารกว่า 2 ชม. และมีท่าทีพิรุธเพราะสวมหมวก และสะพายเป้สีดำ ซึ่งทางพนักงานเองก็แจ้งให้ ทราบว่ารู้สึกสงสัย เช่นกันแต่กลับไม่ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้มาตรวจ สอบแต่กลับ วางเฉยจนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ขึ้น
อย่างไรก็ ตามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจกภาพถ่ายของคนร้ายไปยังสื่อสารมวลชนต่างๆ เพื่อขยายผลทางด้านข้อมูลข่าวสารจากประชาชนทั่วไป โดยคาดว่าคงจะสามารถจับกุมตัวมาดำเนินคดีได้ในเร็ววันนี้
รายงายข่าวแจ้งว่า ล่าสุดตั้งแต่ช่วงเช้าวันนี้ (14 ก.ย.) ที่สำนักงานตำรวจภูธรภาค 2 พล.ต.ท.จงรัก จุฑานนท์ ผบช.ภาค 2 ได้เรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ สภ.ต.พัทยา สืบสวนภาค 2 เพื่อร่วมประชุมแนวทางการสืบสวน และการติดตามจับกุม คนร้ายโดยใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง
โดยภายหลังการประชุมได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.กมลชัย เทียนรุ่งโรจน์ ผกก.สภ.ต.พัทยา มาดำเนินการตรวจสอบ และก็อปปี้ภาพของคนร้ายเพื่อ แจกจ่าย ให้กับเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่ จ.ชลบุรีรวมทั้งแจกไปยังสื่อสารมวลชนแขนงต่างๆในการ แพร่ภาพ เพื่อใช้เป็นเบาะแสในการติดตามจับกุมคนร้าย
พร้อมกันนี้ พ.ต.อ.กมลชัย ได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ในสังกัดเพื่อชี้แจงนโยบายและแผนการปฏิบัติอีกครั้งโดยเปิดเผยว่าเบื้องต้นจากการตรวจสอบภาพถ่ายจากโทรทัศน์วงจรปิดคาดว่าคนร้ายน่าจะเป็นมือสมัครเล่นและต้องการมาเสี่ยงโชคมากกว่า เนื่องจากมีอาการรุกลี้รุกรนเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ยังคาดว่าคงจะเป็นกลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่เนื่องจากยานพาหนะที่ใช้ก็มีสภาพเก่าและรู้เส้นทางหลบหนีเป็นอย่างดีส่วนความคืบหน้าการติดตามจับกุมนั้นปัจจุบันได้เรียกพยานซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของธนาคารและพยานแวดล้อมด้านนอก ซึ่งเห็นเหตุการณ์และหน้าตาของคนร้ายมาสอบปากคำเพิ่มเติมรวมถึงยังนำภาพประวัติเก่ามาให้พยานตรวจสอบ และเชิญไปทำการ สเก็ตซ์ภาพคนร้ายที่กองพิสูจน์หลักฐาน กทม. ซึ่งคงจะใช้เวลา ประมาณ 1-2 วันก็จะสามารถนำมาแจกจ่ายให้กับเจ้าหน้าที่เพื่อติดตามจับกุมได้
พ.ต.อ.กมลชัย กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ปัจจุบันพยายามหาเบาะแสเพิ่มเติมจากประชาชนทั่วไป โดยแจกจ่ายภาพให้กับสื่อมวลชนนำไปเผยแพร่ นอกจากนี้ยังได้ตั้งรางวัลนำจับให้กับผู้แจ้งข้อมูลจำนวน 50,000 บาทอีกด้วย
วันนี้ (14 ก.ย.)จากเหตุการณ์ที่มีคนร้ายเป็นชายวัยรุ่นใช้อาวุธปืนบุกเข้าไปก่อเหตุปล้นเงินสดภายในธนาคารเอเซีย สาขาย่อยพัทยา ถ.พัทยาสายสอง ต.หนองปรือ อ.บางละมุง แล้วขนเงินสดเป็นธนบัตรมูลค่า 1 ล้าน 5 หมื่นบาท ขึ้นรถจักรยานยนต์หลบหนีไปนั้น
พล.ต.ท.จงรัก จุฑานนท์ ผบช.ภาค 2 เดินทางมาตรวจสอบ ในที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งตรวจสอบเหตุการณ์จากภาพถ่ายวีดีโอวงจรปิดของธนาคาร และสอบสวน ปากคำเพิ่มเติมจากผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงด้วยกัน
พล.ต.ท.จงรัก เปิดเผยว่าคนร้ายที่ก่อเหตุน่าจะเป็นวัยรุ่นในละแวกพื้นที่ใกล้เคียงซึ่งขณะนี้กำลังทำการตรวจสอบประวัติจากภาพถ่ายส่วนอาวุธที่ใช้ก่อเหตุนั้นจากการสังเกต ดูในโทรทัศน์วงจรปิดที่บันทึกไว้พบว่าเป็นปืนพกสั้นแบบออโตเมติก ขนาด 9 มม.ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าน่าจะเป็นอาวุธปืนปลอมที่คนร้ายนำมาเพื่อใช้ในการข่มขู่พนักงานของธนาคารเท่านั้น
เนื่องจากภาพที่ตรวจสอบพบนั้น คนร้ายได้ขึ้นลำและเลื่อนสไลด์ปืนถึง 2 ครั้ง แต่ปรากฏว่าไม่มีกระสุนกระเด็นออกจากรังเพลิงออกมาด้านนอกเหมือนอาวุธปืนปรกติ
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเรื่องนี้คงต้องเป็นอุทาหรณ์สำหรับเจ้าหน้าที่ของธนาคารโดยทั่วไป เนื่องจากคนร้ายได้ทำทีเข้ามาติดต่อธุระและยืนคุยโทรศัพท์ภายในธนาคารกว่า 2 ชม. และมีท่าทีพิรุธเพราะสวมหมวก และสะพายเป้สีดำ ซึ่งทางพนักงานเองก็แจ้งให้ ทราบว่ารู้สึกสงสัย เช่นกันแต่กลับไม่ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้มาตรวจ สอบแต่กลับ วางเฉยจนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ขึ้น
อย่างไรก็ ตามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจกภาพถ่ายของคนร้ายไปยังสื่อสารมวลชนต่างๆ เพื่อขยายผลทางด้านข้อมูลข่าวสารจากประชาชนทั่วไป โดยคาดว่าคงจะสามารถจับกุมตัวมาดำเนินคดีได้ในเร็ววันนี้
รายงายข่าวแจ้งว่า ล่าสุดตั้งแต่ช่วงเช้าวันนี้ (14 ก.ย.) ที่สำนักงานตำรวจภูธรภาค 2 พล.ต.ท.จงรัก จุฑานนท์ ผบช.ภาค 2 ได้เรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ สภ.ต.พัทยา สืบสวนภาค 2 เพื่อร่วมประชุมแนวทางการสืบสวน และการติดตามจับกุม คนร้ายโดยใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง
โดยภายหลังการประชุมได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.กมลชัย เทียนรุ่งโรจน์ ผกก.สภ.ต.พัทยา มาดำเนินการตรวจสอบ และก็อปปี้ภาพของคนร้ายเพื่อ แจกจ่าย ให้กับเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่ จ.ชลบุรีรวมทั้งแจกไปยังสื่อสารมวลชนแขนงต่างๆในการ แพร่ภาพ เพื่อใช้เป็นเบาะแสในการติดตามจับกุมคนร้าย
พร้อมกันนี้ พ.ต.อ.กมลชัย ได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ในสังกัดเพื่อชี้แจงนโยบายและแผนการปฏิบัติอีกครั้งโดยเปิดเผยว่าเบื้องต้นจากการตรวจสอบภาพถ่ายจากโทรทัศน์วงจรปิดคาดว่าคนร้ายน่าจะเป็นมือสมัครเล่นและต้องการมาเสี่ยงโชคมากกว่า เนื่องจากมีอาการรุกลี้รุกรนเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ยังคาดว่าคงจะเป็นกลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่เนื่องจากยานพาหนะที่ใช้ก็มีสภาพเก่าและรู้เส้นทางหลบหนีเป็นอย่างดีส่วนความคืบหน้าการติดตามจับกุมนั้นปัจจุบันได้เรียกพยานซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของธนาคารและพยานแวดล้อมด้านนอก ซึ่งเห็นเหตุการณ์และหน้าตาของคนร้ายมาสอบปากคำเพิ่มเติมรวมถึงยังนำภาพประวัติเก่ามาให้พยานตรวจสอบ และเชิญไปทำการ สเก็ตซ์ภาพคนร้ายที่กองพิสูจน์หลักฐาน กทม. ซึ่งคงจะใช้เวลา ประมาณ 1-2 วันก็จะสามารถนำมาแจกจ่ายให้กับเจ้าหน้าที่เพื่อติดตามจับกุมได้
พ.ต.อ.กมลชัย กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ปัจจุบันพยายามหาเบาะแสเพิ่มเติมจากประชาชนทั่วไป โดยแจกจ่ายภาพให้กับสื่อมวลชนนำไปเผยแพร่ นอกจากนี้ยังได้ตั้งรางวัลนำจับให้กับผู้แจ้งข้อมูลจำนวน 50,000 บาทอีกด้วย