xs
xsm
sm
md
lg

ตร.ลั่นรู้ตัวมือมีดแทงช่างกลปทุมวัน ดับบนรถเมล์สาย 47 แล้ว

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

นักศึกษาคู่อริ ไล่แทงซ้ำนักเรียนช่างกลปทุมวันคมมีดตัดขั้วหัวใจดับอนาถบนรถเมล์สาย 47ท่ามกลางสายตาผู้โดยสารเกือบร้อยคน ก่อนอาศัยความชุลมุนหลบหนีไป ด้าน ผบช.น.เรียกประชุมด่วน พร้อมสั่ง ตร.191- ตร.ปราบจราจล คุมเข้มนักศึกษาหวั่นก่อเหตุซ้ำ ด้านตัวแทนสถาบันแนะเลื่อนสอบกลังเรื่องบานปลาย ขณะที่ ผกก.สืบ 5 ระบุรู้ตัวคนร้ายแล้ว ส่งกำลังประกบตัวสอบปากคำ เชื่อรวบตัวได้แน่

เมื่อเวลา 09.40 น.วันนี้ (17 ส.ค.) ร.ต.ท.วชิรากรณ์ วงศ์บุญ ร้อยเวร สอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ รับแจ้งเหตุทะเลาะวิวาท และมีผู้เสียชีวิต 1 ราย บนรถเมล์ สาย 47 ที่บริเวณหน้า บ้านอับดุลราฮิม เลขที่ 960 ถ.พระราม 4 แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กทม.จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พล.ต.ต.วัจนนท์ ถิระวัฒน์ ผบก.น.5 พ.ต.อ.ชาญ ชุนหวงศ์ รอง ผบก.น.5 พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ ผกก.สส.บก.น.5 พ.ต.ท.ประทวน พวงจำปา สว.สส.บก.น.5 เจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวช จาก ร.พ.จุฬา ฯ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิปอเต็กตึ๊ง

ที่เกิดเหตุพบรถประจำทาง สาย 47 สีแดง - ครีม หมายเลขทะเบียน12-0370 กทม.หมายเลขข้างรถ 4-40475 จอดอยู่ โดยมีประชาชนมุงดูอยู่จำนวนมาก ที่บริเวณพื้นถนน พบศพชายนอนเสียชีวิตอยู่ ทราบชื่อคือ นายชัยพร จรูญภักดิ์ หรือ เค อายุ 22 ปี นักเรียนชั้นปีที่ 3 คณะวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ของสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน อยู่บ้านเลขที่ 321/8 ซ.ชุมชนหมู่บ้านพัฒนา แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กทม.

สภาพนอนหงายหน้า สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาว พับแขนถึงข้อศอก สวมกางเกงยีนส์ขายาวสีน้ำเงินเข้ม และสวมรองเท้าผ้าใบสีน้ำตาล ตามตัวพบบาดแผลถูกแทง เข้าที่เหนือราวนมด้านซ้ายตัดขั้วหัวใจ 1 แผล ยาวประมาณ 3 ซม. นอนเสียชีวิตอยู่บริเวณพื้นถนน ทางขึ้นบันไดรถประจำทาง คันดังกล่าว ส่วนผู้ก่อเหตุทราบว่าเป็นชาย 1 ราย สวมเสื้อเชิต สีขาว อายุใกล้เคียงกับผู้ตาย ได้วิ่งหลบหนีข้ามไปฝัง สวมลุมพินี ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้วิทยุสกัดจับคนร้ายรายนี้

จากการตรวจสอบบนรถประจำทางดังกล่าวบริเวณทาง ขึ้น-ลง พบคราบเลือดของผู้เสียชีวิตกระจัดกระจายตามพื้น ส่วนผู้เสียชีวิตได้นั่งที่เบาะคู่ด้านหลังซ้าย จึงให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกองวิทยาการ กองพิสูจน์หลักฐานเก็บรอยนิ้วมือแฝงเพื่อติดตามหาคนร้ายต่อไป

จากการสอบสวน นางสุนันท์ สิงห์พันธ์ อายุ 37 ปี พนักงานเก็บสตางค์ประจำรถ ให้การว่า ช่วงเวลา 09.00 น. ตนพร้อมกับคนขับได้ออกรถจากท่ารถ ที่ท่าเรือคลองเตย โดยวิ่งมาในเส้นทางถนนพระราม 4 จนกระทั่งถึงหน้าบริเวณตึก อื้อจื่อเหลียง (เก่า) ตรงข้ามสวนลุมพินี ได้มีผู้โดยสารขึ้นรถเป็นจำนวนมาก ขณะนั้นรถก็ได้วิ่งออกจากป้ายดังกล่าวมาประมาณ 100 เมตร ตนก็ได้ยินเสียงคนร้องโวยวาย และให้ประตูรถ จากนั้นผู้โดยสารที่อยู่บริเวณหลังรถก็วิ่งกรูมาออกันที่หน้ารถ ทำให้ตนที่กำลังจะเดินไปเก็บสตางค์ต้องเบียดกับผู้โดยสารอยู่ที่ด้านหน้ารถ โดยไม่ทราบว่าเกิดเหตุอะไรขึ้น จนพบว่ามีเด็กนักเรียนแทงกันบริเวณทางลงรถ

ต่อมา นายสมชาย จรูญภักดิ์ อายุ 50 ปี และนางสมร จรูญภักดิ์ อายุ 47 ปี บิดาและมารดาของผู้ตาย พร้อมญาติอีกประมาณ 10 คน ได้เดินทางมาที่เกิดเหตุ ซึ่งเมื่อนางสมร มารดาผู้ตายเห็นศพของบุตรชาย ก็ถึงกับร้องไห้ฟูมฟายเสียสติ และเป็นลมล้มลงกับพื้น เจ้าหน้าที่ต้องช่วยกันอุ้มออกจากบริเวณที่เกิดเหตุเพื่อให้ไปสงบสติอารมณ์ พร้อมทั้งประสานแพทย์มาทำการปฐมพยาบาล เนื่องจากนางสมร เป็นลมอาจจะเกิดอาการช๊อคได้ ส่วนนายสมชาย บิดาเดินเข้ามาดูศพบุตรชาย พร้อมทั้งใช้มือปิดตาบุตรชาย ที่นอนเสียชีวิตตาค้าง

ด้านนายสมชาย บิดาของผู้ตาย กล่าวทั้งน้ำตานองหน้าว่า เค เป็นลูกชายคนโต เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงของครอบครัว ซึ่งในวันนี้นี้เป็นวันสอบของลูกชาย โดยก่อนเกิดเหตุบุตรชายยังมายกมือไหว้ ตนและมารดาก่อนจะออกจากบ้าน มาทราบเรื่องอีกทีก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจโทรมาบอกว่า บตรชายตนถูกแทงเสียชีวิต จึงรีบออกมาดู

“ลูกชายผมมาจากไปแบบนี้ ผมก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป อีกอย่างลูกชายผมเป็นเด็กเรียนดี ได้ทุนการศึกษา และไม่เคยมีเรื่องกับใครมาก่อน นอกจากนี้ลูกชายของผมยังเป็นถึงประธานชมรมค่ายอาสาพัฒนาของสถาบัน ก่อนหน้านี้ลูกชายยังเคยมาบอกกับผมว่า ใน ต.ค.ที่จะถึงนี้ จะไปออกค่าย แต่ก็ต้องมาเสียชีวิตเสียก่อน” นายสมชายกล่าว

นายสมชายกล่าวอีกว่า ทั้งนี้ตนขอฝากทางรัฐบาลให้ดูแลเรื่องนี้ด้วย เพราะเป็นเรื่องที่ไม่ใครอยากให้เกิดขึ้นอีก และถ้าเกิดกับครอบครัวใด ครอบครัวนั้นก็จะมีแต่ความสูญเสีย

ต่อมาเวลา 13.30 น.วันเดียวกัน พล.ต.ท.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รอง ผบช.น.ฝ่ายป้องกันและปราบปราม ได้เรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องกับคดีเข้าประชุม ร่วมกับอาจารย์สถาบันเทคโนโลนีราชมงคล วิทยาเขตปทุมวัน กว่า 20 ท่าน

โดย พล.ต.ต.วัจนนท์ ถิระวัฒน์ ผบก.น.5 กล่าวรายงานถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า คนร้ายมีด้วยกัน 4 คน เดินตรงเข้ามาหาผู้ตายที่บริเวณเบาะนั่งบนรถประจำทางคันดังกล่าวทันที โดยไม่พูดจาอะไร ซึ่งผู้ตายน่าจะรู้ตัวว่าจะถูกทำอันตราย จึงลุกหนีออกไปแต่ไม่พ้นถูกแทงจนเสียชีวิตก่อน และจากการสอบสวนเบื้องต้น ไม่พบพยานที่เห็นเหตุการณ์ มีเพียงพนักงานขับรถและพนักงานเก็บเงินที่คาดว่าจะจำหน้าคนร้ายได้ ส่วนสาเหตุการฆ่าครั้งนี้นั้น ยังไม่แน่ชัดเพราะผู้ตายไม่ได้สวมเครื่องแบบที่บ่งชี้ว่า เป็นนักศึกษาสถาบันใด ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่า คนร้ายจำหน้าผู้ตายได้ว่าเรียนอยู่ในสถาบันใด

ด้าน พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ ผกก.สส.บก.น.5 กล่าวว่า ขณะนี้รู้ตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุและบุคคลต้องสงสัยแล้ว แต่ทราบเพียงแค่ชื่อเล่นเท่านั้น ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังติดตามตัวมาสอบปากคำ แต่ยังไม่ยืนยันชัดเจนว่าเป็นคนร้ายที่ลงมือแทงผู้ตายหรือไม่

ขณะที่ นายอนุชาติ ศรีศิริวรรณ ประธานกิจกรรมพิเศษนักศึกษา ของสถาบันดังกล่าว เสนอแนวความคิดต่อที่ประชุมว่า ทางสถาบันจะเลื่อนการสอบกลางภาคออกไปโดยไม่มีกำหนด เพราะไม่ไว้ใจในความปลอดภัยของนักศึกษา และขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจส่งกำลังไปตรวจตราดูแลความปลอดภัยให้กับนักศึกษาด้วย

ซึ่งหลังจากที่นายอนุชาติ ได้เสนอแนวความคิดดังกล่าวแล้ว พล.ต.ท.ธานี ได้หันไปสั่งให้ พล.ต.ต.นิพนธ์ ภุมรินทร์ ผบก.สปพ.ให้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ 191 ให้ไปดูแลนักศึกษาอย่างเต็มที่ เพราะเกรงว่าจะมีเหตุบานปลายเกิดขึ้นอีก

นายอนุชาติ กล่าวด้วยว่า นายชัยพรเป็นเด็กเรียนดี มีความประพฤติดี ไม่มีประวัติเกเร มีตำแหน่งเป็นประธานค่ายอาสาพัฒนาชนบทของสถาบัน ซึ่งในเดือน ต.ค.นี้ ก็จะมีกำหนดไปออกค่าย ที่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนแห่งหนึ่ง ใน จ.จันทบุรี ด้วย และทราบมาว่า ก่อนหน้านี้บ้านของนายชัยพร ที่อยู่ในชุมชนสวนพลูก็ถูกไฟไหม้ ซึ่งทางสถาบันเองก็ได้ให้การช่วยเหลือดูแลมาตลอด ความจริงเหตุการณ์แบบนี้ไม่น่าเกิดขึ้นกับนักศึกษาอีก เพราะสถาบันของตนได้เปิดการเรียนในระดับปริญญาตรีแล้ว แต่คนยังติดภาพเก่าสมัยที่ยังเป็นช่างกลอยู่

ด้าน พล.ต.ท.ธานี กล่าวว่า ขณะนี้ได้กำชับผู้เข้าร่วมประชุมให้ปฏิบัติตามแผนอย่างเคร่งครัดเร่งด่วน เพราะถือเป็นเรื่องเฉพาะหน้าที่ตำรวจต้องดูแลความเรียบร้อย โดยให้รถสายตรวจ 191 และกำลังตำรวจปราบจราจล คอยดูแลอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่นักศึกษามาเรียนและตอนกลับบ้าน พร้อมสั่งให้มีการตรวจตรารถประจำทางอย่างเข้มงวด ส่วนการติดตามคนร้ายนั้น ตนได้มอบหมายให้ฝ่ายสืบสวน กก.สส.น.5 และ สน.ปทุมวัน ไปติดตามตัวผู้ต้องสงสัยทั้ง 4 คนแล้ว ซึ่งได้รับรายงานว่า ทั้งหมดยังหลบหนีอยู่ในพื้นที่ กทม.
กำลังโหลดความคิดเห็น