ท่าบางลำพู ขอเตือนภัยสัปดาห์นี้ เกี่ยวกับขบวนการทุจริต ภายในรั้วปทุมวัน ที่มีแอบอ้างลายเซ็นผู้บังคับบัญชา เพื่อทำหนังสือเบิกเงินสินบนนำจับ อย่างนี้ที่เรียกว่า"กินสินบนจากเงินรางวัลสินบนนำจับ"
เหตุบุกรื้อแผงตลาดพ่อค้าภายใน ม.นักกีฬา และการจับกุมพ่อค้ายาบ้ารายใหญ่กลางกรุงกว่า 4 ล้านเม็ด เมื่อวันก่อน เป็นเครื่องชี้เจตนาชัดเจนแล้วว่า มาตรการปราบปรามยาเสพติด และมาตรการปราบปรามผู้มีอิทธิพล ยังไม่สัมฤทธิ์ผล ซึ่งถือเป็นปัญหาที่รัฐบาลจะต้องเร่งสานงานให้ต่อเนื่อง
โดยเฉพาะปัญหายาเสพติดที่กำลังจะกลับมา...เพราะที่ผ่านมารัฐบาลให้ความสำคัญกับรางวัลสินบนนำจับกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งถือเป็นนโยบายที่เบี่ยงเบน และกำลังบั่นทอนจิตสำนึก ความรับผิดชอบต่ออาชีพตำรวจ...รางวัลสินบนล่อใจ
จนนำมาซึ่งการทุจริตฯต่อหน้าที่ ต่อกรณีข้าราชการตำรวจ ทำหนังสือขอเบิกเงินรางวัลนำจับในคดียาเสพติด และพบว่ามีการเบิกซ้ำซ้อน รวมทั้งลายเซ็นในใบปะหน้าไม่ถูกต้อง
เรื่องอื้อฉาวที่เกิดขึ้น ถูกเปิดเผยขึ้น เมื่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.)ตรวจสอบแล้วพบว่าเงินจำนวน 3.6 ล้านบาท ที่กองกำกับสืบสวนสอบสวนนครบาล(บก.น. 5)ขอเบิกไปนั้นมีพิรุธ และเข้าข่ายฉ้อโกง
เดือดร้อนถึงกองบังคับการอำนวยการ ฝ่ายกำลังพล บช.น.นำโดย พ.ต.ท.พจนารถ ฤทธิ์ขจร รองผกก.กำลังพล ต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเป็นการด่วน ...คาดว่าภายใน 1-2 วันนี้ ผลสรุปก็จะแล้วเสร็จ แต่งานนี้เท่ากับเป็นการตอกย้ำให้วงการสีกากีเหม็นโฉ่อีกครั้ง กับข้อครหา สินบนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นของคู่กัน
ประเด็นใหญ่...ที่จะต้องเร่งสร้างความกระจ่างให้เกิดขึ้นต่อสาธารณชน แน่ชัดแล้วว่าหนังสือเบิกขอเบิกเงินรางวัลนำจับ จำนวน 43 คดี มีการเบิกซ้ำซ้อนจริง และเหตุใดใบปะหน้า 8 คดี จากจำนวน 43 คดี ซึ่งได้ทำเรื่องขอเบิกจ่ายหลังวันที่ 18 ธ.ค.46 ยังมีลายเซ็นของ พ.ต.อ.ทัศนัย ศิริสนธิ อดีตรอง ผบก.น. 5 ได้ย้ายไปดำรงตำแหน่งรอง ผบ.ก.3 ปรากฏอยู่ในใบปะหน้าขอเบิกจ่าย ทั้งยังพบข้อพิรุธอีกว่า 30 คดี ที่ขออนุมัติไปนั้น เลขหนังสือไม่ตรงกับข้อเท็จจริง เพราะไม่ได้ออกโดยกองคดียาเสพติด?
จึงถือเป็นเรื่องโดยชอบที่ ป.ส.ส.จะขออายัดเงินจำนวน 3.6 ล้านบาท ไว้ตรวจสอบเอกสารก่อนว่า มีความบกพร่องหรือเข้าข่ายทุจริตคอรัปชั่นหรือไม่ แต่ถึงบัดนี้ค่อนข้างแน่ชัดแล้วว่า มีขบวนการฉ้อฉลอยู่ในภายในองค์กรตำรวจ.... เพราะพ.ต.อ.ทัศนัย ออกมาปฏิเสธแล้วว่าลายเซ็นในใบปะหน้าไม่ใช่ของตัวเอง...
บทสรุปของคณะกรรมการสอบสวนจะออกมาอย่างไร....แต่คดีนี้ ถือเป็นเครื่องตอกย้ำ “วงการสีกา”อีกครั้งกับคำว่าสินบนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งถูกตั้งข้อครหามาโดยตลอด... แต่คดีนี้ดูจะรุนแรงหนักข้อขึ้นเพราะไม่เพียงเข้าข่ายทุจริตคอรัปชั่น จนถึงขั้นหากมีการปลอมลายเซ็นผู้บังคับบัญชา เพื่อทุจริตปลอมแปลงเอกสารราชการ เรียกรับสินบนจากรางวัลสินบนนำจับ ......
ถึงเวลาแล้ว...ที่คนในวงการสีกากีด้วยกันเอง จะต้องเร่งปัดกวาดองค์กรของตัวเองให้โปร่งใสเสียที...เพราะเชื่อว่าเมื่อเรื่องอื้อฉาวเดินมาไกลจนถึงขณะนี้ คงไม่คิดจะมีผู้บังคับบัญชาคนใด จะยอมเปลืองตัวออกมาปกป้องศักดิ์ศรีขององค์กรในทางที่ผิดอีกต่อไป.....
เหตุบุกรื้อแผงตลาดพ่อค้าภายใน ม.นักกีฬา และการจับกุมพ่อค้ายาบ้ารายใหญ่กลางกรุงกว่า 4 ล้านเม็ด เมื่อวันก่อน เป็นเครื่องชี้เจตนาชัดเจนแล้วว่า มาตรการปราบปรามยาเสพติด และมาตรการปราบปรามผู้มีอิทธิพล ยังไม่สัมฤทธิ์ผล ซึ่งถือเป็นปัญหาที่รัฐบาลจะต้องเร่งสานงานให้ต่อเนื่อง
โดยเฉพาะปัญหายาเสพติดที่กำลังจะกลับมา...เพราะที่ผ่านมารัฐบาลให้ความสำคัญกับรางวัลสินบนนำจับกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งถือเป็นนโยบายที่เบี่ยงเบน และกำลังบั่นทอนจิตสำนึก ความรับผิดชอบต่ออาชีพตำรวจ...รางวัลสินบนล่อใจ
จนนำมาซึ่งการทุจริตฯต่อหน้าที่ ต่อกรณีข้าราชการตำรวจ ทำหนังสือขอเบิกเงินรางวัลนำจับในคดียาเสพติด และพบว่ามีการเบิกซ้ำซ้อน รวมทั้งลายเซ็นในใบปะหน้าไม่ถูกต้อง
เรื่องอื้อฉาวที่เกิดขึ้น ถูกเปิดเผยขึ้น เมื่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.)ตรวจสอบแล้วพบว่าเงินจำนวน 3.6 ล้านบาท ที่กองกำกับสืบสวนสอบสวนนครบาล(บก.น. 5)ขอเบิกไปนั้นมีพิรุธ และเข้าข่ายฉ้อโกง
เดือดร้อนถึงกองบังคับการอำนวยการ ฝ่ายกำลังพล บช.น.นำโดย พ.ต.ท.พจนารถ ฤทธิ์ขจร รองผกก.กำลังพล ต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเป็นการด่วน ...คาดว่าภายใน 1-2 วันนี้ ผลสรุปก็จะแล้วเสร็จ แต่งานนี้เท่ากับเป็นการตอกย้ำให้วงการสีกากีเหม็นโฉ่อีกครั้ง กับข้อครหา สินบนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นของคู่กัน
ประเด็นใหญ่...ที่จะต้องเร่งสร้างความกระจ่างให้เกิดขึ้นต่อสาธารณชน แน่ชัดแล้วว่าหนังสือเบิกขอเบิกเงินรางวัลนำจับ จำนวน 43 คดี มีการเบิกซ้ำซ้อนจริง และเหตุใดใบปะหน้า 8 คดี จากจำนวน 43 คดี ซึ่งได้ทำเรื่องขอเบิกจ่ายหลังวันที่ 18 ธ.ค.46 ยังมีลายเซ็นของ พ.ต.อ.ทัศนัย ศิริสนธิ อดีตรอง ผบก.น. 5 ได้ย้ายไปดำรงตำแหน่งรอง ผบ.ก.3 ปรากฏอยู่ในใบปะหน้าขอเบิกจ่าย ทั้งยังพบข้อพิรุธอีกว่า 30 คดี ที่ขออนุมัติไปนั้น เลขหนังสือไม่ตรงกับข้อเท็จจริง เพราะไม่ได้ออกโดยกองคดียาเสพติด?
จึงถือเป็นเรื่องโดยชอบที่ ป.ส.ส.จะขออายัดเงินจำนวน 3.6 ล้านบาท ไว้ตรวจสอบเอกสารก่อนว่า มีความบกพร่องหรือเข้าข่ายทุจริตคอรัปชั่นหรือไม่ แต่ถึงบัดนี้ค่อนข้างแน่ชัดแล้วว่า มีขบวนการฉ้อฉลอยู่ในภายในองค์กรตำรวจ.... เพราะพ.ต.อ.ทัศนัย ออกมาปฏิเสธแล้วว่าลายเซ็นในใบปะหน้าไม่ใช่ของตัวเอง...
บทสรุปของคณะกรรมการสอบสวนจะออกมาอย่างไร....แต่คดีนี้ ถือเป็นเครื่องตอกย้ำ “วงการสีกา”อีกครั้งกับคำว่าสินบนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งถูกตั้งข้อครหามาโดยตลอด... แต่คดีนี้ดูจะรุนแรงหนักข้อขึ้นเพราะไม่เพียงเข้าข่ายทุจริตคอรัปชั่น จนถึงขั้นหากมีการปลอมลายเซ็นผู้บังคับบัญชา เพื่อทุจริตปลอมแปลงเอกสารราชการ เรียกรับสินบนจากรางวัลสินบนนำจับ ......
ถึงเวลาแล้ว...ที่คนในวงการสีกากีด้วยกันเอง จะต้องเร่งปัดกวาดองค์กรของตัวเองให้โปร่งใสเสียที...เพราะเชื่อว่าเมื่อเรื่องอื้อฉาวเดินมาไกลจนถึงขณะนี้ คงไม่คิดจะมีผู้บังคับบัญชาคนใด จะยอมเปลืองตัวออกมาปกป้องศักดิ์ศรีขององค์กรในทางที่ผิดอีกต่อไป.....