มารู้จักกับ"แก๊งศอกกลับ" ตีแสกหน้าเหยื่อสาว-กระทืบซ้ำก่อนชิงทรัพย์ เผยลงมือมาแล้วกว่า 20 ครั้ง อาละวาดทั่วกรุงเทพฯ และเขตปริมณฑล ระบุทำเลลงมือเป็นสะพานลอยเปลี่ยว ไม่มีคนพลุกพล่าน
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาทางทีมข่าวผู้จัดการออนไลน์ได้พยายามติดตามเรื่องราวของกลุ่มมิจฉาชีพซึ่งมีพฤติกรรมสร้างความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนเพื่อย้ำเตือนให้มีการะมัดระวังตัวเองและรู้เท่าทัน ซึ่งนับวันพฤติกรรมของพวกเดนสังคมเหล่านี้ได้พัฒนากลวิธีที่พลิกแพลงจนยากที่จะคาดเดา สำหรับครั้งนี้ทางทีมข่าวผู้จัดการออนไลน์ก็มีเรื่องราวของกลุ่มคนร้ายซึ่งเรียกตัวเองว่า"แก๊งศอกกลับ" ที่มีพฤติกรรมทำร้ายเหยื่อก่อนจะลงมือปล้นทรัพย์ โดยจะตีศอกเข้าที่กลางแสกหน้า ซึ่งเหยื่อจะล้มลง บางรายถึงมึนหมดสติแล้วให้เพื่อนร่วมแก๊งรุมกระทืบ ก่อนฉกทรัพย์สินในตัวแล้วหลบหนีลอยนวล ระบุทำเลลงมือคือบนสะพานลอยที่ไม่มีผู้คนพลุกพล่าน
โดยเมื่อเช้าตรู่ของวันที่ 15 กรกฎาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนนครบาล 5 สามารถรวบตัว สมาชิกของแก๊งนี้ได้คือ นายภาณุวัฒน์ หรือหนึ่ง มะสุวรรณ หมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ 131/2547 , นายทวี หรือเบียร์ ศรีบุญเรือง หมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ 1310/2547 ถูกจับกุมได้ที่บริเวณหน้าห้างเซนทรัลเวิลด์ ถนนราชดำริ แขวงปทุมวัน กรุงเทพฯ และนายเมธี หรือแสง ด่อนแผ้ว หมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ 1309/2547 ถูกจับกุมได้ที่สถานีรถไฟหัวลำโพง
นายทวี หนึ่งใน 3 ผู้ต้องหาให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ในการลงมือแต่ละครั้ง ตนและเพื่อนร่วมแก๊งจะเลือกเหยื่อที่กำลังเดินขึ้นสะพานลอยคนเดียว เมื่อหมายตาเหยื่อได้แล้ว จะเดินขึ้นจากสะพานด้านตรงข้ามกับเหยื่อ ทำทีเป็นเดินสวนกันกลางสะพานลอย และเมื่อถึงระยะที่เดินผ่านหน้าเหยื่อ ตนจะใช้ปลายศอกตีเข้าที่หน้าผากบริเวณแสกหน้าของเหยื่อ ส่วนเพื่อนร่วมแก๊งที่มาด้วยกันจะรุมกระทืบเหยื่อจนสลบ ก่อนปลดทรัพย์เหยื่อและหลบหนีไป โดยเงินและทรัพย์สินที่ได้จะนำไปใช้เที่ยว ดื่มเหล้า เที่ยวผู้หญิง เมื่อเงินหมด ก็จะวางแผนลงมือปล้นทรัพย์ใหม่อีกครั้ง ซึ่งข้อมูลจากการสืบสวนขยายผลของเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่า แก๊งนี้ได้ลงมือก่อคดีมาแล้วไม่ต่ำว่า 23 ครั้ง
สำหรับการลงมือครั้งล่าสุดของแก๊งนี้นั้น เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 04.00 น. ของวันที่ 29 มิถุนายน นายทวีพร้อมเพื่อนร่วมแก๊งได้ลงมือปล้นทรัพย์นางสาวเกสร หวังสุขกลาง นักร้องประจำโรงแรมรัตนโกสินทร์ หลังจากกลับจากการร้องเพลง ได้เดินผ่านหน้าธนาคารกสิกรไทย สาขาพระโขนง และข้ามสะพานลอยบริเวณนั้น ตนและพวกจึงได้เข้าไปทำร้าย โดยที่ตนเป็นคนฟันศอกใส่แสกหน้าของนางสาวเกสร เมื่อนางสาวเกสรล้มลง นายภาณุวัฒน์หรือหนึ่ง ผู้ต้องหาอีกคนสังเกตว่านางสาวเกสรยังลืมตาอยู่ จึงได้ใช้ฝ่าเท้ากระทืบเข้าไปที่ใบหน้าของนางสาวเกสรอย่างรุนแรง จนนางสาวเกสรสลบไปในทันที ก่อนชิงเงินและโทรศัพท์มือถือแล้วหลบหนีไป
พ.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผกก.สน.คลองตัน กล่าวว่า จากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหารายนี้พบว่า นายภานุวัฒน์หรือหนึ่ง เคยถูกจับกุมมาก่อนในข้อหาปล้นทรัพย์และทำร้ายร่างกายผู้อื่น ถูกจำคุก 2 ปี 8 เดือน ส่วนนายทวีถูกจับกุมข้อหาค้ายาบ้าพร้อมของกลางยาบ้า 6 เม็ด ต้องโทษจำคุก 3 ปี จนล่าสุดได้อภัยโทษและถูกส่งไปฝึกความประพฤติในค่ายทหารและเรียนรู้หลักสูตรป้องกันตัวด้วยวิธีการต่างๆ รวมถึงวิธีการ "ศอกกลับ" ดังกล่าว ซึ่งทั้งสองยอมรับว่าได้ฝึกฝนจนชำนาญ จึงนำมาใช้ในการก่อคดี โดยไม่มีการใช้อาวุธอย่างอื่นร่วมด้วย
อย่างไรก็ตาม จากการสอบสวนขยายผลพบว่า แก๊งศอกกลับรายนี้ ยังมีเพื่อนร่วมขบวนการอีก 5 - 6 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะรวบรวมพยานหลักฐานและออกหมายจับไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป พร้อมทั้งประสานไปยัง พนักงานสอบสวนท้องที่อื่นๆ ที่ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าได้ร่วมกันก่อเหตุในหลายท้องที่ เช่น สน.ดอนเมือง , สน.บางซื่อ , สน.บางนา , สน.ทองหล่อ , สน.ปทุมวัน , สน.ชนะสงคราม , สภ.ต.สำโรงเหนือ , สภ.ต.คูคต , สภ.อ.คลองหลวง รวมทั้งท้องที่สน.ลุมพินี ที่มีเหตุคนร้ายปล้นทรัพย์นักข่าวสาวต่างชาติ ซึ่งเป็นผู้สื่อข่าวให้กับหนังสือพิมพ์ญี่ปุ่นฉบับหนึ่ง ได้เงินสดไป 700 บาท โทรศัพท์มือถือยี่ห้อโนเกีย รุ่น 6600 ซึ่งเมื่อนำไปขายแล้วได้เงินถึง 15,000 บาท เหตุเกินที่หน้าร้าน 18 ฝน ถนนพระราม 4 เมื่อเวลา 01.30 น. ของวันที่ 28 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยจะเรียกตัวผู้เสียหายในคดีนี้มาชี้ตัวยืนยันผู้ต้องหาแก๊งนี้ด้วย ซึ่งหากใครทราบเบาะแสของพวกเหลือบเดนสังคมเหล่านี้อย่าได้นิ่งนอนใจกรุณาช่วยแจ้งเบาะแสกับเจ้าหน้าที่เพื่อให้เรื่องแบบนี้ไม่เกิดขึ้นอีก
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาทางทีมข่าวผู้จัดการออนไลน์ได้พยายามติดตามเรื่องราวของกลุ่มมิจฉาชีพซึ่งมีพฤติกรรมสร้างความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนเพื่อย้ำเตือนให้มีการะมัดระวังตัวเองและรู้เท่าทัน ซึ่งนับวันพฤติกรรมของพวกเดนสังคมเหล่านี้ได้พัฒนากลวิธีที่พลิกแพลงจนยากที่จะคาดเดา สำหรับครั้งนี้ทางทีมข่าวผู้จัดการออนไลน์ก็มีเรื่องราวของกลุ่มคนร้ายซึ่งเรียกตัวเองว่า"แก๊งศอกกลับ" ที่มีพฤติกรรมทำร้ายเหยื่อก่อนจะลงมือปล้นทรัพย์ โดยจะตีศอกเข้าที่กลางแสกหน้า ซึ่งเหยื่อจะล้มลง บางรายถึงมึนหมดสติแล้วให้เพื่อนร่วมแก๊งรุมกระทืบ ก่อนฉกทรัพย์สินในตัวแล้วหลบหนีลอยนวล ระบุทำเลลงมือคือบนสะพานลอยที่ไม่มีผู้คนพลุกพล่าน
โดยเมื่อเช้าตรู่ของวันที่ 15 กรกฎาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนนครบาล 5 สามารถรวบตัว สมาชิกของแก๊งนี้ได้คือ นายภาณุวัฒน์ หรือหนึ่ง มะสุวรรณ หมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ 131/2547 , นายทวี หรือเบียร์ ศรีบุญเรือง หมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ 1310/2547 ถูกจับกุมได้ที่บริเวณหน้าห้างเซนทรัลเวิลด์ ถนนราชดำริ แขวงปทุมวัน กรุงเทพฯ และนายเมธี หรือแสง ด่อนแผ้ว หมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ 1309/2547 ถูกจับกุมได้ที่สถานีรถไฟหัวลำโพง
นายทวี หนึ่งใน 3 ผู้ต้องหาให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ในการลงมือแต่ละครั้ง ตนและเพื่อนร่วมแก๊งจะเลือกเหยื่อที่กำลังเดินขึ้นสะพานลอยคนเดียว เมื่อหมายตาเหยื่อได้แล้ว จะเดินขึ้นจากสะพานด้านตรงข้ามกับเหยื่อ ทำทีเป็นเดินสวนกันกลางสะพานลอย และเมื่อถึงระยะที่เดินผ่านหน้าเหยื่อ ตนจะใช้ปลายศอกตีเข้าที่หน้าผากบริเวณแสกหน้าของเหยื่อ ส่วนเพื่อนร่วมแก๊งที่มาด้วยกันจะรุมกระทืบเหยื่อจนสลบ ก่อนปลดทรัพย์เหยื่อและหลบหนีไป โดยเงินและทรัพย์สินที่ได้จะนำไปใช้เที่ยว ดื่มเหล้า เที่ยวผู้หญิง เมื่อเงินหมด ก็จะวางแผนลงมือปล้นทรัพย์ใหม่อีกครั้ง ซึ่งข้อมูลจากการสืบสวนขยายผลของเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่า แก๊งนี้ได้ลงมือก่อคดีมาแล้วไม่ต่ำว่า 23 ครั้ง
สำหรับการลงมือครั้งล่าสุดของแก๊งนี้นั้น เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 04.00 น. ของวันที่ 29 มิถุนายน นายทวีพร้อมเพื่อนร่วมแก๊งได้ลงมือปล้นทรัพย์นางสาวเกสร หวังสุขกลาง นักร้องประจำโรงแรมรัตนโกสินทร์ หลังจากกลับจากการร้องเพลง ได้เดินผ่านหน้าธนาคารกสิกรไทย สาขาพระโขนง และข้ามสะพานลอยบริเวณนั้น ตนและพวกจึงได้เข้าไปทำร้าย โดยที่ตนเป็นคนฟันศอกใส่แสกหน้าของนางสาวเกสร เมื่อนางสาวเกสรล้มลง นายภาณุวัฒน์หรือหนึ่ง ผู้ต้องหาอีกคนสังเกตว่านางสาวเกสรยังลืมตาอยู่ จึงได้ใช้ฝ่าเท้ากระทืบเข้าไปที่ใบหน้าของนางสาวเกสรอย่างรุนแรง จนนางสาวเกสรสลบไปในทันที ก่อนชิงเงินและโทรศัพท์มือถือแล้วหลบหนีไป
พ.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผกก.สน.คลองตัน กล่าวว่า จากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหารายนี้พบว่า นายภานุวัฒน์หรือหนึ่ง เคยถูกจับกุมมาก่อนในข้อหาปล้นทรัพย์และทำร้ายร่างกายผู้อื่น ถูกจำคุก 2 ปี 8 เดือน ส่วนนายทวีถูกจับกุมข้อหาค้ายาบ้าพร้อมของกลางยาบ้า 6 เม็ด ต้องโทษจำคุก 3 ปี จนล่าสุดได้อภัยโทษและถูกส่งไปฝึกความประพฤติในค่ายทหารและเรียนรู้หลักสูตรป้องกันตัวด้วยวิธีการต่างๆ รวมถึงวิธีการ "ศอกกลับ" ดังกล่าว ซึ่งทั้งสองยอมรับว่าได้ฝึกฝนจนชำนาญ จึงนำมาใช้ในการก่อคดี โดยไม่มีการใช้อาวุธอย่างอื่นร่วมด้วย
อย่างไรก็ตาม จากการสอบสวนขยายผลพบว่า แก๊งศอกกลับรายนี้ ยังมีเพื่อนร่วมขบวนการอีก 5 - 6 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะรวบรวมพยานหลักฐานและออกหมายจับไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป พร้อมทั้งประสานไปยัง พนักงานสอบสวนท้องที่อื่นๆ ที่ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าได้ร่วมกันก่อเหตุในหลายท้องที่ เช่น สน.ดอนเมือง , สน.บางซื่อ , สน.บางนา , สน.ทองหล่อ , สน.ปทุมวัน , สน.ชนะสงคราม , สภ.ต.สำโรงเหนือ , สภ.ต.คูคต , สภ.อ.คลองหลวง รวมทั้งท้องที่สน.ลุมพินี ที่มีเหตุคนร้ายปล้นทรัพย์นักข่าวสาวต่างชาติ ซึ่งเป็นผู้สื่อข่าวให้กับหนังสือพิมพ์ญี่ปุ่นฉบับหนึ่ง ได้เงินสดไป 700 บาท โทรศัพท์มือถือยี่ห้อโนเกีย รุ่น 6600 ซึ่งเมื่อนำไปขายแล้วได้เงินถึง 15,000 บาท เหตุเกินที่หน้าร้าน 18 ฝน ถนนพระราม 4 เมื่อเวลา 01.30 น. ของวันที่ 28 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยจะเรียกตัวผู้เสียหายในคดีนี้มาชี้ตัวยืนยันผู้ต้องหาแก๊งนี้ด้วย ซึ่งหากใครทราบเบาะแสของพวกเหลือบเดนสังคมเหล่านี้อย่าได้นิ่งนอนใจกรุณาช่วยแจ้งเบาะแสกับเจ้าหน้าที่เพื่อให้เรื่องแบบนี้ไม่เกิดขึ้นอีก
