ปลัดอำเภอบ้านตาขุน สุราษฎร์ธานี พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกยึดไม้ของกลาง ที่กลุ่มนายทุนผู้มีอิทธิพลลักลอบตัดรอแปรรูปเป็นจำนวนมาก พบมีไม้หายากรวมอยู่ด้วย
เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ (8 ก.ค.) พ.ต.ท.คำมูล ปันทะวัง ผู้บังคับการกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 416 อ.บ้านตาขุน จ.สุราษฎร์ธานี ได้รับแจ้งจากนายวิโรจน์ ช่วยพิทักษ์ ปลัดอำเภอบ้านตาขุน ว่ามีการลักลอบต้นไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าย่านเขาวง และป่ากระซุม บริเวณรอยต่อในเขตพื้นที่อ.บ้านตาขุน และพื้นที่อ.พนม จึงได้ประสานนำกำลังเจ้าหน้าที่
ประกอบด้วย นายวิโรจน์ ช่วยพิทักษ์ ปลัดอำเภอบ้านตาขุน และสมาชิกอ.ส. ตำรวจตระเวนชายแดน 416 จำนวน 14 นาย เจ้าหน้าที่องค์การป่าไม้หรือ อ.อ.ป. และหน่วยป้องกันรักษาป่า สฎ 3 บ้านตาขุน เข้าพื้นที่ตรวจสอบในเวลาต่อมา พบว่าในที่เกิดเหตุมีร่องร่อยการตัดโค่น และเลื่อยนานาชนิดนับได้จำนวน 10 ตัน ซึ่งได้แก่ ไม้ยางนา นับได้จำนวน 5 ต้น ไม้หงอนไก่ จำนวน 2 ต้น ไม้ตะโก จำนวน 1 ต้น ไม้สัตบรรณ จำนวน 1 ต้น ไม้จำปาทอง อายุประมาณ 120 ปี จำนวน 1 ต้น เพื่อเตรียมแปรรูปรอการขนย้าย แต่ไม่พบตัวผู้กระทำผิดแต่อย่างใด
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดไม้ของกลางไว้เป็นหลักฐาน และทำการบันทึกอย่างละเอียด ส่วนไม้ของกลางได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่อ.อ.ป. ดูแลรักษาก่อนที่จะเคลื่อนย้ายไม้ของกลางมาเก็บไว้ที่ หน่วยป้องกันรักษาป่า สฎ บ้านตาขุน หลังจากนั้นจึงได้เข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ต.มานิตย์ สุวรรณหงษ์ สารวัตรเวร สภ.อ.พนม เพื่อดำเนินการหาผู้กระทำผิดมาลงโทษต่อไป
ด้านนายวิโรจน์ ช่วยพิทักษ์ กล่าวว่า ได้สืบทราบว่ามีการลักลอบตัดไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติดังกล่าว โดยมีนายทุนในพื้นที่อำเภอนาสาร ร่วมกับเจ้าหน้าที่ของรัฐบางคน ในอำเภอบ้านตาขุนและอำเภอพนม แสวงหาผลประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ โดยการทำไม้เถื่อนเพื่อจำหน่าย ซึ่งไม้ของกลางที่ได้ทำการตรวจยึดในครั้งนี้ เมื่อมีการแปรรูปแล้วจะมีมูลค่าหลายแสนบาท โดยเฉพาะไม้จำปาทองอายุร่วมร้อยกว่าปีนั้นเป็นไม้ที่หายาก แทบจะหาไม่เจอแล้วสำหรับในพื้นที่นี้
นอกจากการลักลอบตัดไม้แล้วคนกลุ่มนี้ยังได้ว่าจ้างนายพรานป่า ให้ล่าสัตว์ป่าที่หายากเพื่อมาครอบครองหรือขาย โดยเฉพาะวัวกระทิงในช่วง 1-2 เดือนนื้ ถูกพรานในโหดฆ่าแล้วจำนวน 2 ตัว ซึ่งฝูงกระทิงดังกล่าวเป็นฝูงสุดท้าย มีอยู่ประมาณ 8-9 ตัว ที่หากินอยู่ในบริเวณป่าสงวนแห่งชาติ และในพื้นที่บริเวณเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองแสงแห่งนี้ จนถึงขณะนี้ยังจับผู้กระทำผิดมาลงโทษไม่ได้
นายวิโรจน์ กล่าวอีกว่า สำหรับสาเหตุปัญหาการลักลอบตัดไม้และล่าสัตว์ป่าเป็นจำนวนมาก น่าจะเกิดจากทางเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า รวมทั้งเจ้าหน้าที่ป่าไม้ไม่มั่นลงพื้นที่ตรวจสอบ ตรวจตราพื้นที่ ประกอบกับชาวบ้านและผู้นำชุมชนเกรงกลัวอิทธิพล จึงทำให้ปัญหาเหล่านี้ไม่ได้รับการป้องกันแก้ไขในทางที่ดี
เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ (8 ก.ค.) พ.ต.ท.คำมูล ปันทะวัง ผู้บังคับการกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 416 อ.บ้านตาขุน จ.สุราษฎร์ธานี ได้รับแจ้งจากนายวิโรจน์ ช่วยพิทักษ์ ปลัดอำเภอบ้านตาขุน ว่ามีการลักลอบต้นไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าย่านเขาวง และป่ากระซุม บริเวณรอยต่อในเขตพื้นที่อ.บ้านตาขุน และพื้นที่อ.พนม จึงได้ประสานนำกำลังเจ้าหน้าที่
ประกอบด้วย นายวิโรจน์ ช่วยพิทักษ์ ปลัดอำเภอบ้านตาขุน และสมาชิกอ.ส. ตำรวจตระเวนชายแดน 416 จำนวน 14 นาย เจ้าหน้าที่องค์การป่าไม้หรือ อ.อ.ป. และหน่วยป้องกันรักษาป่า สฎ 3 บ้านตาขุน เข้าพื้นที่ตรวจสอบในเวลาต่อมา พบว่าในที่เกิดเหตุมีร่องร่อยการตัดโค่น และเลื่อยนานาชนิดนับได้จำนวน 10 ตัน ซึ่งได้แก่ ไม้ยางนา นับได้จำนวน 5 ต้น ไม้หงอนไก่ จำนวน 2 ต้น ไม้ตะโก จำนวน 1 ต้น ไม้สัตบรรณ จำนวน 1 ต้น ไม้จำปาทอง อายุประมาณ 120 ปี จำนวน 1 ต้น เพื่อเตรียมแปรรูปรอการขนย้าย แต่ไม่พบตัวผู้กระทำผิดแต่อย่างใด
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดไม้ของกลางไว้เป็นหลักฐาน และทำการบันทึกอย่างละเอียด ส่วนไม้ของกลางได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่อ.อ.ป. ดูแลรักษาก่อนที่จะเคลื่อนย้ายไม้ของกลางมาเก็บไว้ที่ หน่วยป้องกันรักษาป่า สฎ บ้านตาขุน หลังจากนั้นจึงได้เข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ต.มานิตย์ สุวรรณหงษ์ สารวัตรเวร สภ.อ.พนม เพื่อดำเนินการหาผู้กระทำผิดมาลงโทษต่อไป
ด้านนายวิโรจน์ ช่วยพิทักษ์ กล่าวว่า ได้สืบทราบว่ามีการลักลอบตัดไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติดังกล่าว โดยมีนายทุนในพื้นที่อำเภอนาสาร ร่วมกับเจ้าหน้าที่ของรัฐบางคน ในอำเภอบ้านตาขุนและอำเภอพนม แสวงหาผลประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ โดยการทำไม้เถื่อนเพื่อจำหน่าย ซึ่งไม้ของกลางที่ได้ทำการตรวจยึดในครั้งนี้ เมื่อมีการแปรรูปแล้วจะมีมูลค่าหลายแสนบาท โดยเฉพาะไม้จำปาทองอายุร่วมร้อยกว่าปีนั้นเป็นไม้ที่หายาก แทบจะหาไม่เจอแล้วสำหรับในพื้นที่นี้
นอกจากการลักลอบตัดไม้แล้วคนกลุ่มนี้ยังได้ว่าจ้างนายพรานป่า ให้ล่าสัตว์ป่าที่หายากเพื่อมาครอบครองหรือขาย โดยเฉพาะวัวกระทิงในช่วง 1-2 เดือนนื้ ถูกพรานในโหดฆ่าแล้วจำนวน 2 ตัว ซึ่งฝูงกระทิงดังกล่าวเป็นฝูงสุดท้าย มีอยู่ประมาณ 8-9 ตัว ที่หากินอยู่ในบริเวณป่าสงวนแห่งชาติ และในพื้นที่บริเวณเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองแสงแห่งนี้ จนถึงขณะนี้ยังจับผู้กระทำผิดมาลงโทษไม่ได้
นายวิโรจน์ กล่าวอีกว่า สำหรับสาเหตุปัญหาการลักลอบตัดไม้และล่าสัตว์ป่าเป็นจำนวนมาก น่าจะเกิดจากทางเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า รวมทั้งเจ้าหน้าที่ป่าไม้ไม่มั่นลงพื้นที่ตรวจสอบ ตรวจตราพื้นที่ ประกอบกับชาวบ้านและผู้นำชุมชนเกรงกลัวอิทธิพล จึงทำให้ปัญหาเหล่านี้ไม่ได้รับการป้องกันแก้ไขในทางที่ดี