ตร.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ เมาโหดกระทืบเมียท้องแก่ 8 เดือน แถมกระหน่ำตีพี่เมียด้วยไม้หน้าสามติดตะปูเจาะหัว 2 รูและแขนหัก 2 ท่อนอาการปางตาย แต่ร้อยเวรไม่รับแจ้งความอ้างเป็นเรื่องภายในครอบครัว ญาติวิ่งโร่ขอความเป็นธรรมจากสื่อมวลชน และ ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ
วันนี้ (2 ก.ค.) ที่โรงพยาบาล ศรีสะเกษ อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ นางจงจินต์ โคตรภักดี อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 367/2 บ้านตำแย ตำบลกำแพง อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ พร้อมญาติพี่น้องกว่า 10 คนได้ร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อบรรดาสื่อมวลชนจังหวัดศรีสะเกษว่า ลูกชายของตนคือนายคันธา โคตรภักดี อายุ 27 ปีได้ถูก ส.ต.ต.ศรัณย์ มณีแสง ตำรวจ สภ.อ.อุทุมพรพิสัย ใช้ไม้หน้าสามมีตะปูติดอยู่กระหน่ำตีจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งคณะแพทย์โรพยาบาลอุทุมพรพิสัย เห็นว่าอาการสาหัสมากจึงได้ส่งตัวมารักษาที่โรงพยาบาลศรีสะเกษ และเกรงว่าจะไม่ได้รับความไม่เป็นธรรม เนื่องจากว่าไปแจ้งความแล้วแต่พนักงานสอบสวนไม่ยอมรับแจ้งความ
นายดุสิต ศิริวิมล หนึ่งในญาติพี่น้องที่อยู่ในเหตุการณ์ เล่าว่า เวลาประมาณ 22.00 น.ของคืนวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่ตนและญาติพี่น้องหลายคนกำลังพักผ่อนดูโทรทัศน์อยู่ในบ้าน ได้มีนางอรยา มณีแสง อายุ 25 ปีกำลังตั้งครรภ์ได้ 8 เดือนภรรยาของ ส.ต.ต.ศรัณย์ มณีแสง ซึ่งอยู่ในสภาพร่างกายฟกช้ำดำเขียวเดินร้องไห้เข้ามาพบกับนายคันธา พี่ชายนางอรยา พร้อมทั้งเล่าให้ฟังว่าถูก ส.ต.ต.ศรัณย์ สามี ซึ่งไปแข่งขันกีฬามาแล้วดื่มเหล้าเมาอย่างหนักทุบตีและถอดเสื้อของนางอรยา ออกที่หน้าร้านบาร์เบียร์แห่งหนึ่ง เพราะโมโหที่นางอารยา ไปตามตัวให้กลับบ้าน จากนั้น ส.ต.ต.ศรัณย์ ได้ออกจากบ้านโดยนำเอาลูกชายวัย 1 ขวบไปด้วย
ต่อมาตนพร้อมด้วยนายคันธา และนายคงเดช บุญอุดม ญาติอีกคนพากันออกไปตามหา ส.ต.ต.ศรัณย์ พบอยู่ที่บริเวณหน้าตลาดสด อ.อุทุมพรพิสัย กำลังดื่มเหล้าอยู่กับเพื่อนๆ เมื่อ ส.ต.ต.ศรัณย์ เห็นนายคันธา เดินเข้าไปก็ไปหยิบไม้หน้าสามซึ่งมีตะปูติดอยู่ด้วยวิ่งมากระหน่ำตีนายคันธา ทันทีหลายสิบครั้ง เพราะว่า ส.ต.ต.ศรัณย์ กับนายคันธา เป็นคู่อริกันมาก่อน จนนายคันธา ล้มฟุบลงสลบหมดสติคาที่แต่ ส.ต.ต.ศรัณย์ ยังได้กระหน่ำตีอีกหลายครั้งจนหนำใจก่อนที่จะหลบหนีไป
“ทุกคนที่อยู่เหตุการณ์ได้รีบพาตัวนายคันธา ส่งโรงพยาบาลอุทุมพรพิสัย แต่แพทย์เห็นว่าอาการสาหัสมากจึงได้ส่งตัวต่อไปยังโรงพยาบาลศรีสะเกษ โดยนายคันธา ถูกตีที่ศีรษะเป็นรูตะปู 2 แห่งและแขนข้างขวาหัก 2 ท่อน ตะปูเจาะลึกลงไปในศีรษะ และมีเลือดไหลออกมาตลอดเวลา” นายดุสิต กล่าว
นางจงจินต์ โคตรภักดี อายุ 51 ปี ผู้เป็นแม่ของนายคันธา กล่าวว่า ตนพร้อมด้วยญาติพี่น้องได้พากันไปแจ้งความกับ ร.ต.ท.ประดิษฐ์ ปลายดวน ร้อยเวร สภ.อ.อุทุมพรพิสัย แต่ ร.ต.ท.ประดิษฐ์ ไม่ยอมรับแจ้งความโดยอ้างว่าเป็นเรื่องญาติพี่น้องทะเลาะกันอีกหน่อยก็ดีกันเองให้ไปเคลียร์กันเองก่อนสุดท้ายก็จะยอมความกันเกือบทุกราย และ ร.ต.ท.ประดิษฐ์ ยังบอกอีกว่า เขาเองก็นั่งดื่มเหล้าอยู่กับ ส.ต.ต.ด้วย แต่ไม่เห็นมีเหตุการณ์ตีนายคันธา
“เห็นว่าเรื่องนี้จะไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงได้มาขอความเป็นธรรมจากสื่อมวลชนและจะไปร้องเรียนขอความเป็นธรรมจาก พล.ต.ต.พงศ์เทพ กรุงแก้ว ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษด้วย” นางจงจินต์ กล่าว
ด้าน พ.ต.อ.มนตรี นพคุณ ผกก.สภ.อ.อุทุมพรพิสัย กล่าวว่า เรื่องนี้จะสั่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร ถูกหรือผิดก็จะว่ากันไปตามพยานหลักฐานที่มีอยู่และยืนยันว่าจะไม่ให้การช่วยเหลือ ส.ต.ต.ศรัณย์ มณีแสง ซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างเด็ดขาด และพร้อมที่จะให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่ายอย่างเต็มที่
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในช่วงเช้าของวันเดียวกันนี้ ส.ต.ต.ศรัณย์ ได้เข้าไปรายงานเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นการเบื้องต้นให้กับผู้บังคับบัญชาทราบแล้วและได้พยายามประสานงานไปยังญาติพี่น้องของนายคันธา เพื่อขอเจรจาและจะชดใช้ค่าเสียหายในส่วนค่ารักษาพยาบาลให้ทั้งหมด แต่ได้รับการปฏิเสธจากฝ่ายญาตินายคันธา เพราะเห็นว่าไม่มีความเป็นธรรม
วันนี้ (2 ก.ค.) ที่โรงพยาบาล ศรีสะเกษ อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ นางจงจินต์ โคตรภักดี อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 367/2 บ้านตำแย ตำบลกำแพง อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ พร้อมญาติพี่น้องกว่า 10 คนได้ร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อบรรดาสื่อมวลชนจังหวัดศรีสะเกษว่า ลูกชายของตนคือนายคันธา โคตรภักดี อายุ 27 ปีได้ถูก ส.ต.ต.ศรัณย์ มณีแสง ตำรวจ สภ.อ.อุทุมพรพิสัย ใช้ไม้หน้าสามมีตะปูติดอยู่กระหน่ำตีจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งคณะแพทย์โรพยาบาลอุทุมพรพิสัย เห็นว่าอาการสาหัสมากจึงได้ส่งตัวมารักษาที่โรงพยาบาลศรีสะเกษ และเกรงว่าจะไม่ได้รับความไม่เป็นธรรม เนื่องจากว่าไปแจ้งความแล้วแต่พนักงานสอบสวนไม่ยอมรับแจ้งความ
นายดุสิต ศิริวิมล หนึ่งในญาติพี่น้องที่อยู่ในเหตุการณ์ เล่าว่า เวลาประมาณ 22.00 น.ของคืนวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่ตนและญาติพี่น้องหลายคนกำลังพักผ่อนดูโทรทัศน์อยู่ในบ้าน ได้มีนางอรยา มณีแสง อายุ 25 ปีกำลังตั้งครรภ์ได้ 8 เดือนภรรยาของ ส.ต.ต.ศรัณย์ มณีแสง ซึ่งอยู่ในสภาพร่างกายฟกช้ำดำเขียวเดินร้องไห้เข้ามาพบกับนายคันธา พี่ชายนางอรยา พร้อมทั้งเล่าให้ฟังว่าถูก ส.ต.ต.ศรัณย์ สามี ซึ่งไปแข่งขันกีฬามาแล้วดื่มเหล้าเมาอย่างหนักทุบตีและถอดเสื้อของนางอรยา ออกที่หน้าร้านบาร์เบียร์แห่งหนึ่ง เพราะโมโหที่นางอารยา ไปตามตัวให้กลับบ้าน จากนั้น ส.ต.ต.ศรัณย์ ได้ออกจากบ้านโดยนำเอาลูกชายวัย 1 ขวบไปด้วย
ต่อมาตนพร้อมด้วยนายคันธา และนายคงเดช บุญอุดม ญาติอีกคนพากันออกไปตามหา ส.ต.ต.ศรัณย์ พบอยู่ที่บริเวณหน้าตลาดสด อ.อุทุมพรพิสัย กำลังดื่มเหล้าอยู่กับเพื่อนๆ เมื่อ ส.ต.ต.ศรัณย์ เห็นนายคันธา เดินเข้าไปก็ไปหยิบไม้หน้าสามซึ่งมีตะปูติดอยู่ด้วยวิ่งมากระหน่ำตีนายคันธา ทันทีหลายสิบครั้ง เพราะว่า ส.ต.ต.ศรัณย์ กับนายคันธา เป็นคู่อริกันมาก่อน จนนายคันธา ล้มฟุบลงสลบหมดสติคาที่แต่ ส.ต.ต.ศรัณย์ ยังได้กระหน่ำตีอีกหลายครั้งจนหนำใจก่อนที่จะหลบหนีไป
“ทุกคนที่อยู่เหตุการณ์ได้รีบพาตัวนายคันธา ส่งโรงพยาบาลอุทุมพรพิสัย แต่แพทย์เห็นว่าอาการสาหัสมากจึงได้ส่งตัวต่อไปยังโรงพยาบาลศรีสะเกษ โดยนายคันธา ถูกตีที่ศีรษะเป็นรูตะปู 2 แห่งและแขนข้างขวาหัก 2 ท่อน ตะปูเจาะลึกลงไปในศีรษะ และมีเลือดไหลออกมาตลอดเวลา” นายดุสิต กล่าว
นางจงจินต์ โคตรภักดี อายุ 51 ปี ผู้เป็นแม่ของนายคันธา กล่าวว่า ตนพร้อมด้วยญาติพี่น้องได้พากันไปแจ้งความกับ ร.ต.ท.ประดิษฐ์ ปลายดวน ร้อยเวร สภ.อ.อุทุมพรพิสัย แต่ ร.ต.ท.ประดิษฐ์ ไม่ยอมรับแจ้งความโดยอ้างว่าเป็นเรื่องญาติพี่น้องทะเลาะกันอีกหน่อยก็ดีกันเองให้ไปเคลียร์กันเองก่อนสุดท้ายก็จะยอมความกันเกือบทุกราย และ ร.ต.ท.ประดิษฐ์ ยังบอกอีกว่า เขาเองก็นั่งดื่มเหล้าอยู่กับ ส.ต.ต.ด้วย แต่ไม่เห็นมีเหตุการณ์ตีนายคันธา
“เห็นว่าเรื่องนี้จะไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงได้มาขอความเป็นธรรมจากสื่อมวลชนและจะไปร้องเรียนขอความเป็นธรรมจาก พล.ต.ต.พงศ์เทพ กรุงแก้ว ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษด้วย” นางจงจินต์ กล่าว
ด้าน พ.ต.อ.มนตรี นพคุณ ผกก.สภ.อ.อุทุมพรพิสัย กล่าวว่า เรื่องนี้จะสั่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร ถูกหรือผิดก็จะว่ากันไปตามพยานหลักฐานที่มีอยู่และยืนยันว่าจะไม่ให้การช่วยเหลือ ส.ต.ต.ศรัณย์ มณีแสง ซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างเด็ดขาด และพร้อมที่จะให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่ายอย่างเต็มที่
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในช่วงเช้าของวันเดียวกันนี้ ส.ต.ต.ศรัณย์ ได้เข้าไปรายงานเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นการเบื้องต้นให้กับผู้บังคับบัญชาทราบแล้วและได้พยายามประสานงานไปยังญาติพี่น้องของนายคันธา เพื่อขอเจรจาและจะชดใช้ค่าเสียหายในส่วนค่ารักษาพยาบาลให้ทั้งหมด แต่ได้รับการปฏิเสธจากฝ่ายญาตินายคันธา เพราะเห็นว่าไม่มีความเป็นธรรม