นพดล ธรรมวัฒนะ สมัครเรียน เป็นทนายความมือใหม่ พลาดเก้าอี้ประธานทนายความรุ่น 23 ปะทะ “กล้าณรงค์ จันทร์ทิก” เพื่อนร่วมรุ่นเหน็บหนังสือ"ใครฆ่าพี่ห้างทอง" ตัดพ้อจำเลยคือผู้บริสุทธิ์
สภาทนายความ ได้เปิดอบรมวิชาว่าความ รุ่นที่ 23 ประจำปีการศึกษา 2547 โดยมีผู้สมัครสนใจเข้ารับการฝึกอบรมจำนวนกว่า 3,417 คน เพื่อให้ได้ใบอนุญาตว่าความในศาล หรือที่เรียกว่า ตั๋วทนาย หรือเพื่อใช้เป็นคุณสมบัติ ในการสมัครสอบ เข้าเป็นผู้พิพากษา หรืออัยการในอนาคต
ที่ต้องกล่าวถึง การเข้ารับการอบรมวิชาว่าความ เพื่อขอใบอนุญาตว่าความ หรือตั๋วทนายความ สำหรับรุ่นที่ 23 นี้ เพราะได้รับความสนใจ จากคนดังๆ ในวงการต่างๆ มากมายอาทิ นายกล้าณรงค์ จันทร์ทิก อดีตเลขาธิการปปช. หนึ่งในทีมพิจารณาคดี”ซุกหุ้น” ที่กล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กระทำผิดตามรัฐธรรมนูญ นายนพดล ธรรมวัฒนะ จำเลยในคดีฆ่านายห้างทอง ธรรมะวัฒนะ พี่ชายตนเอง นายวีระ สมความคิด นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมา กับ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์
นอกจากนี้ยังมี ร.ศ.นันทริกา ซันซื่อ หลานสะใภ้ ของนายประมาณ ซันซื่อ อดีตประธานศาลฎีกา พล.ต.ท.ธีระศักดิ์ ง่วนบรรจง อดีต ผบก.น.1 และพ.ต.ท.พัฒนา กิจไกรลาศ ผู้เชี่ยวชาญด้านการผ่าพิสูจน์ศพ สถาบันนิติเวช ร่วมสมัครเข้ารับการอบรมวิชาว่าความ ในรุ่นนี้ด้วย
ในวันเปิดการเรียนการสอน วิชาอบรมว่าความ ซึ่งจัดให้มีขึ้นที่หอประชุมคุรุสภา ทางสภาทนายความ ได้เชิญ คุณหญิงแพทย์หญิงพร ทิพย์ โรจนสุนันท์ รอง ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ มาเป็นอาจารย์สอนพิเศษ ด้วย โดยคุณหญิงพรทิพย์ นำแผ่นภาพ และเครื่องฉายภาพ มาบรรยายในหัวข้อเรื่องการผ่าศพพิสูจน์คดีฆาตกรรม โดยยกประเด็น พิสูจน์ศพนายห้างทอง เรื่องการตรวจสอบวิถีกระสุน แต่ต้องเปลี่ยนเรื่องบรรยาย แต่ทันทีเมื่อเหลือบ ไปเห็นนายนพดล เอากล้องวิดีโอ 2 กล้อง มาติดตั้งไว้ เพื่อบันทึกคำบรรยายของคุณหญิงแพทย์หญิงพรทิพย์ ทำให้ต้องเปลี่ยนเรื่องที่จะบรรยาย และเลิกบรรยายก่อนเวลาเล็กน้อย
จากนั้นสภาทนายความ ได้จัดให้มีการเลือกตั้งประธานรุ่นที่ 23 ปรากฏว่า มีผู้เสนอตัวขอรับสมัคร 5 คน ซึ่งนายกล้าณรงค์ กับ นายนพดล ถือเป็นคู่แคนดิเดตสำคัญฝ่ายนายนพดล ได้มีการเตรียมตัวมาอย่างเต็มที่ ด้วยการทำชีท ติวเข้มเตรียมสอบไล่ แผ่นพับแสดงวิสัยทัศน์ แสดงถึงคุณงามความดี และนำหนังสือ”ใครฆ่าพี่ห้างทอง” เล่ม1-3 นำไปแจกให้กับกลุ่มนักศึกษา แต่ปรากฏว่า นักศึกษาส่วนใหญ่เหน็บแนมว่า น่าจะเขียนตำแหน่ง จำเลยในคดีฆ่าเอาไว้ด้วย ทำให้นายนพดลเมื่อได้ยินข่าวดังกล่าว ถึงกับหงุดหงิด ซึ่งในที่สุด ผลการลงคะแนน นายกล้าณรงค์ ได้คะแนนมาเป็นที่ 1 คือ 363 คะแนน ส่วนนายนพดล ได้ 329 คะแนน ทำให้นายนพดล ต้องเก็บข้าวของกลับบ้านไปในที่สุด
หลังการลงคะแนน เลือกตั้ง นายนพดล กล่าวว่า ต้องยอมรับในผลคะแนนที่ได้รับ ซึ่งคะแนนของตนที่ได้ 239 คะแนน ถือว่า เป็นคะแนน ที่ได้จากนักศึกษา ที่มาจากทั่วทุกสารทิศ ส่วนคนที่เหน็บแนมตนว่า ทำไมไม่ใส่ตำแหน่ง ในฐานะที่ตกเป็นจำเลยในคดีฆ่าพี่ชายลงไปด้วย ตนรู้สึกว่า คนที่กล่าวเช่นนี้ และเรียนกฎหมาย น่าจะรู้ว่า ตามกฎหมายแล้วต้องสันนิฐานไว้ก่อนว่า จำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาอันถึงที่สุด ไม่ใช่ให้กระแสสังคมออกมาตัดสิน ซึ่งหากได้ให้อนุญาตเป็นทนายความ ก็จะนำไปใช้ในคดีที่ถูกกล่าวหาอย่างเต็มที่.
สภาทนายความ ได้เปิดอบรมวิชาว่าความ รุ่นที่ 23 ประจำปีการศึกษา 2547 โดยมีผู้สมัครสนใจเข้ารับการฝึกอบรมจำนวนกว่า 3,417 คน เพื่อให้ได้ใบอนุญาตว่าความในศาล หรือที่เรียกว่า ตั๋วทนาย หรือเพื่อใช้เป็นคุณสมบัติ ในการสมัครสอบ เข้าเป็นผู้พิพากษา หรืออัยการในอนาคต
ที่ต้องกล่าวถึง การเข้ารับการอบรมวิชาว่าความ เพื่อขอใบอนุญาตว่าความ หรือตั๋วทนายความ สำหรับรุ่นที่ 23 นี้ เพราะได้รับความสนใจ จากคนดังๆ ในวงการต่างๆ มากมายอาทิ นายกล้าณรงค์ จันทร์ทิก อดีตเลขาธิการปปช. หนึ่งในทีมพิจารณาคดี”ซุกหุ้น” ที่กล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กระทำผิดตามรัฐธรรมนูญ นายนพดล ธรรมวัฒนะ จำเลยในคดีฆ่านายห้างทอง ธรรมะวัฒนะ พี่ชายตนเอง นายวีระ สมความคิด นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมา กับ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์
นอกจากนี้ยังมี ร.ศ.นันทริกา ซันซื่อ หลานสะใภ้ ของนายประมาณ ซันซื่อ อดีตประธานศาลฎีกา พล.ต.ท.ธีระศักดิ์ ง่วนบรรจง อดีต ผบก.น.1 และพ.ต.ท.พัฒนา กิจไกรลาศ ผู้เชี่ยวชาญด้านการผ่าพิสูจน์ศพ สถาบันนิติเวช ร่วมสมัครเข้ารับการอบรมวิชาว่าความ ในรุ่นนี้ด้วย
ในวันเปิดการเรียนการสอน วิชาอบรมว่าความ ซึ่งจัดให้มีขึ้นที่หอประชุมคุรุสภา ทางสภาทนายความ ได้เชิญ คุณหญิงแพทย์หญิงพร ทิพย์ โรจนสุนันท์ รอง ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ มาเป็นอาจารย์สอนพิเศษ ด้วย โดยคุณหญิงพรทิพย์ นำแผ่นภาพ และเครื่องฉายภาพ มาบรรยายในหัวข้อเรื่องการผ่าศพพิสูจน์คดีฆาตกรรม โดยยกประเด็น พิสูจน์ศพนายห้างทอง เรื่องการตรวจสอบวิถีกระสุน แต่ต้องเปลี่ยนเรื่องบรรยาย แต่ทันทีเมื่อเหลือบ ไปเห็นนายนพดล เอากล้องวิดีโอ 2 กล้อง มาติดตั้งไว้ เพื่อบันทึกคำบรรยายของคุณหญิงแพทย์หญิงพรทิพย์ ทำให้ต้องเปลี่ยนเรื่องที่จะบรรยาย และเลิกบรรยายก่อนเวลาเล็กน้อย
จากนั้นสภาทนายความ ได้จัดให้มีการเลือกตั้งประธานรุ่นที่ 23 ปรากฏว่า มีผู้เสนอตัวขอรับสมัคร 5 คน ซึ่งนายกล้าณรงค์ กับ นายนพดล ถือเป็นคู่แคนดิเดตสำคัญฝ่ายนายนพดล ได้มีการเตรียมตัวมาอย่างเต็มที่ ด้วยการทำชีท ติวเข้มเตรียมสอบไล่ แผ่นพับแสดงวิสัยทัศน์ แสดงถึงคุณงามความดี และนำหนังสือ”ใครฆ่าพี่ห้างทอง” เล่ม1-3 นำไปแจกให้กับกลุ่มนักศึกษา แต่ปรากฏว่า นักศึกษาส่วนใหญ่เหน็บแนมว่า น่าจะเขียนตำแหน่ง จำเลยในคดีฆ่าเอาไว้ด้วย ทำให้นายนพดลเมื่อได้ยินข่าวดังกล่าว ถึงกับหงุดหงิด ซึ่งในที่สุด ผลการลงคะแนน นายกล้าณรงค์ ได้คะแนนมาเป็นที่ 1 คือ 363 คะแนน ส่วนนายนพดล ได้ 329 คะแนน ทำให้นายนพดล ต้องเก็บข้าวของกลับบ้านไปในที่สุด
หลังการลงคะแนน เลือกตั้ง นายนพดล กล่าวว่า ต้องยอมรับในผลคะแนนที่ได้รับ ซึ่งคะแนนของตนที่ได้ 239 คะแนน ถือว่า เป็นคะแนน ที่ได้จากนักศึกษา ที่มาจากทั่วทุกสารทิศ ส่วนคนที่เหน็บแนมตนว่า ทำไมไม่ใส่ตำแหน่ง ในฐานะที่ตกเป็นจำเลยในคดีฆ่าพี่ชายลงไปด้วย ตนรู้สึกว่า คนที่กล่าวเช่นนี้ และเรียนกฎหมาย น่าจะรู้ว่า ตามกฎหมายแล้วต้องสันนิฐานไว้ก่อนว่า จำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาอันถึงที่สุด ไม่ใช่ให้กระแสสังคมออกมาตัดสิน ซึ่งหากได้ให้อนุญาตเป็นทนายความ ก็จะนำไปใช้ในคดีที่ถูกกล่าวหาอย่างเต็มที่.