xs
xsm
sm
md
lg

รถไฟฟีดเดอร์ ธนบุรี-ตลิ่งชัน-นครปฐม เหมือนจะดี แต่...

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: กิตตินันท์ นาคทอง



กิตตินันท์ นาคทอง Facebook.com/kittinanlive

1 มิถุนายน 2565 การรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดให้บริการขบวนรถดีเซลรางชานเมือง หรือฟีดเดอร์ (Feeder) ธนบุรี-ชุมทางตลิ่งชัน-นครปฐม เพื่อป้อนผู้โดยสารจากโซนนครปฐม เข้าสู่ระบบรถไฟฟ้าสายสีแดง

นับตั้งแต่โครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2564 หลังเก็บค่าโดยสารไปเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2564 พบว่ายอดผู้โดยสารไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ โดยเฉพาะช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน

สาเหตุหลัก เพราะสถานีชุมทางตลิ่งชันไม่มีอะไรเชื่อมต่อได้เลย นอกจากรถประจำทาง ขสมก. ที่เปิดเส้นทางพิเศษ จากอู่บรมราชชนนี รับผู้โดยสารจากสถานีชุมทางตลิ่งชัน และสถานีบางบำหรุ สิ้นสุดที่สายใต้เดิม ปิ่นเกล้า

ถ้าจะออกมาข้างนอก ไม่พึ่งพี่วินหน้าสถานี ก็ต้องนั่งรถแท็กซี่ อีกอย่างถ้าจะไปโซนถนนราชพฤกษ์ ก็ต้องลอดอุโมงค์ข้ามทางรถไฟ ไปขึ้นแท็กซี่ ซึ่งมีรถจอดอยู่บนถนนเลียบทางรถไฟสายใต้ ให้บริการประจำอยู่ 3-4 คัน 


กระทั่งได้ปรับความถี่รถไฟฟ้าสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน โดยช่วงเวลาเร่งด่วน รถออกทุก 20 นาที ส่วนนอกช่วงเวลาเร่งด่วน รถออกทุก 30 นาที ทำให้ทุกวันนี้ต้องรอรถไฟฟ้ารอนานกว่าปกติ

การรถไฟฯ ได้พัฒนาระบบฟีดเดอร์ที่เป็นระบบราง เพื่อเชื่อมเข้าสู่ระบบรถไฟฟ้าสายสีแดง โดยจัดเดินขบวนรถไฟดีเซลราง วิ่งแบบวนลูป ไป-กลับ ช่วงแรกจะมีความถี่ประมาณชั่วโมงละ 1 ขบวนไปก่อน

กระทั่งเริ่มเปิดให้บริการขบวนรถดีเซลราง ธนบุรี-นครปฐม-ธนบุรี เที่ยวไป 10 ขบวน เที่ยวกลับ 10 ขบวน รวม 20 ขบวนต่อวัน เชื่อมรถไฟชานเมืองสายสีแดง และรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (สถานีไฟฉาย)


แต่เดิม สถานีรถไฟนครปฐมจะมีรถไฟรับ-ส่งผู้โดยสารรวมกันวันละ 42 ขบวน (ปัจจุบันงดให้บริการ 8 ขบวน) แต่ก็มีขบวนรถเชิงสังคม ที่เป็นขบวนรถธรรมดา และขบวนรถชานเมือง ให้บริการรวมกันแค่ 14 ขบวนเท่านั้น

อีกทั้งในชั่วโมงเร่งด่วน ขบวนรถพอที่จะเดินทางไปทำงานตอนเช้าได้ทัน มีเพียงแค่ 2 ขบวน คือ ขบวนรถชานเมืองที่ 352 ราชบุรี-ธนบุรี และขบวนรถชานเมืองที่ 356 ชุมทางหนองปลาดุก-กรุงเทพ

เท่าที่รู้จักคนที่อยู่นครปฐม ส่วนหนึ่งใช้รถยนต์ส่วนตัว ส่วนหนึ่งขึ้นรถตู้ (หรือรถมินิบัส) ส่วนหนึ่งตัดสินใจเช่าที่พัก แต่จากที่ผู้เขียนเคยนั่งรถไฟขบวนที่ 351 ธนบุรี-ราชบุรี ออกจากสถานีสักช่วงเย็นๆ ก็มีคนนั่งรถไฟกลับบ้านเยอะพอสมควร

นับว่าเป็นเรื่องดี ที่การรถไฟฯ ทำระบบฟีดเดอร์ขึ้นมา โดยเพิ่มขบวนรถระยะสั้น 10 ขบวน ปรับเวลาเดินรถธรรมดาและชานเมือง ซึ่งจะทำให้มีขบวนรถเชิงสังคม ระหว่างสถานีชุมทางตลิ่งชันถึงนครปฐม มากถึง 34 ขบวนต่อวัน


แต่คำถามที่ตามมามีอยู่ 2 ประเด็น ประเด็นแรกมีคนถามว่า ทำไมการรถไฟฯ ไม่นำรถปรับอากาศมาให้บริการ ซึ่งก็รับทราบมาว่า ขนาดเส้นทางหลัก ขบวนรถปรับอากาศก็มีไม่เพียงพอให้บริการ

อีกประเด็นหนึ่งคือค่าโดยสาร ปกติขบวนรถเชิงสังคม จากสถานีนครปฐมถึงสถานีธนบุรี จะอยู่ที่ 10 บาท และสถานีกรุงเทพ จะอยู่ที่ 14 บาท แต่สำหรับขบวนรถฟีดเดอร์ จากสถานีนครปฐมถึงสถานีธนบุรี พบว่าค่าโดยสาร 40 บาท

ค่าโดยสารขบวนรถพิเศษโดยสาร หรือรถฟีดเดอร์ จะแบ่งออกเป็นสองระยะ คือ นั่งจากสถานีธนบุรี ถึงสถานีศาลายา คิดค่าโดยสาร 20 บาท แต่ถ้าไปลงสถานีวัดสุวรรณเป็นต้นไป ถึงสถานีนครปฐม จะคิดค่าโดยสาร 40 บาท

แต่ถ้าขึ้นมาจากสถานีชุมทางตลิ่งชัน ซึ่งเป็นสถานีปลายทางของรถไฟฟ้าสายสีแดง หรือถ้าบอกพนักงานขายตั๋วโดยสารว่าจะไปลงที่ตลิ่งชัน จะลดค่าโดยสารจากปกติ 50% เพื่อจูงใจให้ผู้โดยสารใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีแดงไปในตัว


ยกตัวอย่างเช่น บ้านอยู่แถวศาลายา จากสถานีกลางบางซื่อ นั่งรถไฟฟ้าสายสีแดงไปลงสถานีชุมทางตลิ่งชัน เสียค่าโดยสาร 35 บาท เมื่อเดินทางต่อด้วยรถฟีดเดอร์ จากปกติ 20 บาท จะเหลือเพียง 10 บาท

หรือที่ผู้เขียนกลับกรุงเทพฯ แจ้งเจ้าหน้าที่สถานีนครปฐมว่าจะลงที่ตลิ่งชัน เขาก็คิดราคา 20 บาท จากปกติจะต้องเสียค่าโดยสารถึง 40 บาท หากบวกกับค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีแดง ไปลงสถานีกลางบางซื่อจะเท่ากับ 55 บาท

อย่างไรก็ตาม แม้จะจ่ายค่าโดยสาร 20-40 บาท แต่บริการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพราะจอดรับ-ส่งผู้โดยสารน้อยกว่ารถธรรมดาหรือรถชานเมือง จอดเฉพาะย่านชุมชนสำคัญ และยิ่งเป็นทางคู่ รถไฟจึงทำความเร็วได้เป็นอย่างดี

กล่าวถึงเวลาเดินรถฟีดเดอร์ ต้นทางสถานีนครปฐม เอาใจคนตื่นเช้า เริ่มเที่ยวแรก 05.00 น. เที่ยวที่สอง 06.10 น. เที่ยวที่สาม 08.15 น. แล้วก็มีขบวนรถจากสถานีธนบุรีจอดรับผู้โดยสารกลับเรื่อยๆ กระทั่งเที่ยวสุดท้าย 19.00 น.


ส่วนต้นทางสถานีธนบุรี เริ่มเที่ยวแรก 04.45 น. ความถี่อาจจะนานหน่อย เพราะมีรถธรรมดาที่ 255 ธนบุรี-หลังสวน และ 257 ธนบุรี-น้ำตก ให้บริการอยู่ แต่ช่วงเย็นจะมีเที่ยวเวลา 16.40, 17.30 และเที่ยวสุดท้าย 19.20 น.

ระหว่างนั้นจะมีรถธรรมดาและรถชานเมืองแต่เดิม สลับกันให้บริการ อาทิ รถชานเมืองที่ 355 กรุงเทพ-ชุมทางหนองปลาดุก ออกจากต้นทาง 16.40 น., รถธรรมดาที่ 351 ธนบุรี-ราชบุรี ออกจากต้นทาง 17.50 น.

เมื่อพิจารณาถึงสถานีรายทาง พบว่าจากสถานีชุมทางตลิ่งชัน รถฟีดเดอร์จะจอดเฉพาะสถานีพุทธมณฑล สาย 2, ศาลาธรรมสพน์ ซึ่งเป็นย่านที่อยู่อาศัยโซนถนนพุทธมณฑล สาย 2, ถนนพุทธมณฑล สาย 3 และย่านทวีวัฒนา

สถานีศาลายา ยาวไปถึงสถานีวัดสุวรรณ เป็นย่านชุมชนขนาดใหญ่ มีสถานศึกษาอย่างมหาวิทยาลัยมหิดล เต็มไปด้วยบ้านจัดสรร หอพัก อพาร์ทเมนต์ บ้านเอื้ออาทร ไปตามถนนศาลายา-นครชัยศรี ที่ปัจจุบันเป็นถนน 4 ช่องจราจร


จากสถานีศาลายา สามารถต่อรถเมล์สาย 124 และ 551 ไปถนนบรมราชชนนี ตลาดพุทธมณฑล สาย 84ก และ 547 ไปถนนพุทธมณฑล สาย 4 หรือรถสองแถวเล็กไปสถานีรถไฟวัดงิ้วราย และสองแถวใหญ่ไปถนนพุทธมณฑล สาย 5

สถานีวัดงิ้วราย เป็นย่านชุมชนเก่าแก่ริมแม่น้ำท่าจีน จากที่สังเกตก็มีคนใช้บริการ สถานีนครชัยศรี มีย่านการค้าเก่าแก่อย่างตลาดท่านา สถานีต้นสำโรง เป็นที่ตั้งกรมการสัตว์ทหารบก ค่ายทองฑีฆายุ และปลายทางสถานีนครปฐม

ส่วนสถานีที่รถฟีดเจอร์ไม่จอด คือ ที่หยุดรถบางระมาด ที่หยุดรถบ้านฉิมพลี ที่หยุดรถคลองมหาสวัสดิ์ และสถานีท่าแฉลบ แต่ก็ยังมีขบวนรถธรรมดา และขบวนรถชานเมืองจอดรับ-ส่งผู้โดยสารตามปกติ

ใจจริงอยากสนับสนุนให้คนที่อยู่ละแวกสถานีศาลายา และสถานีวัดสุวรรณ เข้ามาใช้บริการ ระหว่างรอโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง ตลิ่งชัน-ศาลายา ระยะทาง 14.8 กิโลเมตร ที่กำลังรอการประกวดราคา

ใครที่เคยเจอรถติดถนนบรมราชชนนี ตั้งแต่ศาลายายันสะพานพระปิ่นเกล้าจะทราบดี


อาจจะมีคำถามว่า จากกรุงเทพฯ ถ้านั่งรถไฟฟ้าสายสีแดง เวลาจะกลับนครปฐมหรือศาลายาต้องไปเวลาไหน ถึงจะทันรถฟีดเดอร์ ปกติเมื่อรถออกจากสถานีกลางบางซื่อ ถึงสถานีชุมทางตลิ่งชัน จะใช้เวลาประมาณ 15 นาที

เท่าที่คำนวณดู ออกจากสถานีกลางบางซื่อ เวลา 16.00 น. จะทันขบวนรถฟีดเดอร์ เอาแบบสบายๆ ไม่เร่งรีบ ออกจากสถานีชุมทางตลิ่งชัน เวลา 16.50 น. ถึงสถานีศาลายา 17.14 น. ถึงสถานีนครปฐม 17.50 น.

ถ้านั่งรถไฟฟ้าสายสีแดง ออกจากสถานีกลางบางซื่อ เวลา 16.30 น. และ 17.00 น. จะทันขบวนรถฟีดเดอร์ ออกจากสถานีชุมทางตลิ่งชัน เวลา 17.39 น. ถึงสถานีศาลายา 18.00 น. ถึงสถานีนครปฐม 18.35 น.

ถ้านั่งรถไฟสายสีแดง ออกจากสถานีกลางบางซื่อ เวลา 18.20 น. 18.40 น. จะทันขบวนรถฟีดเดอร์ เที่ยวสุดท้าย ออกจากสถานีชุมทางตลิ่งชัน เวลา 19.29 น. ถึงสถานีศาลายา 19.49 น. ถึงสถานีนครปฐม 20.25 น.


ส่วนใครที่คิดจะนั่งรถฟีดเดอร์ไปเที่ยวนครปฐม ไหว้พระปฐมเจดีย์ กินของอร่อยๆ แนะนำว่าถ้าตื่นเช้า ออกจากสถานีกลางบางซื่อสัก 07.40 น., 09.40 น. และ 11.30 น. กำลังดี แต่อย่าให้เกินบ่ายสองโมง

เพราะที่เจอมากับตัว คือ ออกจากบ้านสักบ่ายสอง นั่งรถไฟฟ้าสายสีแดง ถึงสถานีชุมทางตลิ่งชัน 15.15 น. แต่รถฟีดเดอร์ออกจากสถานีชุมทางตลิ่งชันเมื่อ 14.54 น. ผลก็คือต้องรอเที่ยวต่อไปคือ 16.50 น. หรือต้องรอเกือบ 2 ชั่วโมง

ถึงสถานีนครปฐมตอน 17.50 น. เราพบว่ามีเวลาเที่ยวตัวเมืองนครปฐมเพียงแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้น อีกทั้งร้านค้า ร้านอาหารย่านตลาดบน ตลาดล่าง ปิดหมดแล้ว เหลือเพียงแต่ร้านรถเข็นแถวสะพานยักษ์


ส่วนตลาดโต้รุ่ง องค์พระปฐมเจดีย์ เปิดขายตั้งแต่สี่โมงเย็นก็จริง แต่อย่าลืมว่ารถฟีดเดอร์เที่ยวสุดท้ายออกจากสถานีนครปฐม 19.00 น. ถ้าไม่ทันก็ต้องนั่งรถมินิบัสที่จอดแถวสะพานยักษ์เพื่อเข้ากรุงเทพฯ

อีกปัญหาหนึ่ง คือ แหล่งท่องเที่ยวและแหล่งคาเฟ่ยอดนิยมในตัวเมืองนครปฐม ตั้งอยู่กระจัดกระจาย และไม่มีรถเมล์เข้าถึง บางคนถึงกับนำจักรยานพับได้มาขึ้นรถไฟ เพื่อขี่ไปยังแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ก็มี

แนะนำวางแผนการเดินทางเสียแต่เนิ่น ๆ แม้แต่เรื่องเที่ยว เพราะเจอแบบนี้คงหมดสนุกโดยไม่รู้ตัว

สุดท้ายนี้ คงไม่มีอะไรดีไปกว่า อยากให้คนที่อยู่โซนนครปฐม นครชัยศรี ศาลายา ทดลองใช้บริการรถไฟแล้วฟีดแบ็คมาหน่อยว่าดีหรือเปล่า อย่างน้อยจะได้แก้ไขปรับปรุงให้ตรงใจผู้โดยสารมากขึ้น

ทราบมาว่ามีคนบ่นอยู่เหมือนกันว่า น่าจะมีขบวนรถในช่วงค่ำเพิ่มเติม เพราะคนที่เลิกงาน 5 โมงเย็นน่าจะใช้บริการไม่ทัน อีกส่วนหนึ่งอยากให้เพิ่มขบวนรถปลายทางนครปฐม เผื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวกลับจากตลาดโต้รุ่งหน้าองค์พระฯ

หวังว่าขบวนรถฟีดเดอร์เส้นทางนี้คนนครปฐมจะตอบรับที่ดี และไม่หยุดวิ่งไปเสียก่อน เพราะอย่างน้อยช่วยแบ่งเบาการจราจรบนถนนเพชรเกษม และถนนบรมราชชนนีลงมาได้บ้าง










กำลังโหลดความคิดเห็น