xs
xsm
sm
md
lg

สมุทรสาครโมเดล : กล่องสุ่มโอทอป กับอาหารห่อ 10 บาท

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: กิตตินันท์ นาคทอง



กิตตินันท์ นาคทอง Facebook.com/kittinanlive

สัปดาห์นี้ขออนุญาตเล่าเรื่องเบาๆ เกี่ยวกับภูมิลำเนาตัวเอง จังหวัดสมุทรสาคร สักสองเรื่อง

เรื่องแรก “ผู้ว่าฯ ปู” วีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร หลังโหมงานหนักจากการแพร่ระบาดคลัสเตอร์ตลาดกลางกุ้งสมุทรสาคร แล้วติดโควิด-19 รักษาตัวที่โรงพยาบาลศิริราชมานานถึง 82 วัน

หลังรอดตายมาได้ พักฟื้นที่บ้านจังหวัดอ่างทองมาระยะหนึ่ง ก็กลับมาเป็นแม่ทัพรบกับสงครามโควิด-19 ทันที แม้ร่างกายจะไม่เอื้ออำนวย จากช่วงที่เข้ารับการรักษาตัว เชื้อโควิด-19 ทำลายปอดแบบชนิดที่ว่าไม่เหมือนเดิมก็ตาม

ที่ผ่านมา การแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 ต้องยึดตามระเบียบขั้นตอนราชการ ทำให้ล่าช้า จึงใช้กลไกสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดเข้ามา ระดมเงินบริจาค เงินช่วยเหลือจากพี่น้องประชาชนดำเนินการ โดยไม่ต้องรองบประมาณจากราชการ

ก่อนหน้านี้ ผู้ว่าฯ ปู ก็เคยออกหนังสือ “คืนปูสู่สาคร” บันทึกเรื่องราว 82 วันในการต่อสู้กับโควิด-19 จำหน่ายแก่ผู้ที่สนใจ เพื่อนำรายได้เข้ากองทุนคนสมุทรสาครร่วมใจสู้ภัยโควิด-19 ก็มีผู้สนใจสั่งจองเข้ามาจำนวนหนึ่ง


ทีนี้ มีผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชน หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (โอทอป) ของดีสมุทรสาคร ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ออกร้านจำหน่ายสินค้าไม่ได้ ทำให้กลุ่มชาวบ้านขาดรายได้ เศรษฐกิจในชุมชนนิ่งสนิทไม่ไหวติง

ผู้ว่าฯ ปู ก็เลยให้พัฒนาชุมชนจังหวัด ไปคุยกับพาณิชย์จังหวัด หอการค้าจังหวัด ภาคประชาชน วิสาหกิจชุมชน และโอทอปต่างๆ ทำกล่องของขวัญขึ้นมา ตั้งชื่อแบบเก๋ไก๋ว่า “ฮักยัวร์บ็อกซ์” (HUG YOUR BOX)

กล่องของขวัญดังกล่าวหน้าตาทันสมัย ข้างในเป็นกล่องสุ่ม คือเลือกไม่ได้ว่าจะใส่อะไรลงไป แต่บอกได้คำเดียวว่าเป็นสินค้าชุมชน ของดีเมืองสมุทรสาคร มีให้เลือก 3 ราคา ได้แก่ 500 บาท, 600 บาท และ 700 บาท (ค่าจัดส่ง 50 บาท)

เผอิญเดือนกรกฎาคม เป็นเดือนเกิดของเพื่อนสมัยเรียนรามคำแหงพอดี อีกทั้งตั้งใจว่าจะอุดหนุนสินค้าชุมชนด้วย ก็เลยลองสั่งกล่องของขวัญชุดเล็กสักหนึ่งชุด แต่เนื่องจากเพิ่งทำโครงการนี้เป็นครั้งแรก ก็เลยขลุกขลักไปบ้าง

ภาพจากเพื่อนที่ได้รับของขวัญ
ทราบมาว่า เจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชนจังหวัดสมุทรสาคร เป็นผู้ที่แพ็คของเอง ส่งของเอง ใช้บริการของไปรษณีย์ไทย ซึ่งปกติมีไปรษณีย์รถยนต์จอดอยู่ที่หน้าศาลากลางจังหวัด บริเวณหน้าธนาคารกรุงไทยเป็นประจำอยู่แล้ว

อีกปัญหาหนึ่งก็คือ เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 อีกทั้งติดวันหยุดนักขัตฤกษ์ บริษัทขนส่งต่างๆ ได้รับผลกระทบ ไม่เว้นแม้กระทั่งไปรษณีย์ไทย ของส่งไปวันที่ 22 ก.ค. ปรากฎว่าปลายทางติดนำจ่ายล่าช้า ถึงปลายทางเมื่อ 29 ก.ค.นี้เอง

เท่าที่ดูสินค้าในกล่องฮักยัวร์บ็อกซ์ แม้ราคาจะสูงไปบ้าง แต่ก็มีของดีเมืองสมุทรสาคร เช่น ฝรั่งอบแห้ง มะม่วงอบแห้ง กะปิเคย ชาใบขลู่ห่อใหญ่ ว่านหางจระเข้อบแห้ง พิมเสนสมุนไพรดอกไม้ สบู่น้ำผึ้ง และผ้าปิดปาก 1 ชิ้น

นอกจากจะช่วยอุดหนุนสินค้าของชุมชนแล้ว ยังส่งต่อแทนความรัก ความห่วงใยให้คนที่เรารักได้ทั่วประเทศ ใครที่สนใจสั่งซื้อได้ที่ สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดสมุทรสาคร โทร. 034-411-717 หรือเฟซบุ๊ก “OTOP Today สมุทรสาคร”

ภาพ : S-Pier 1964
อีกเรื่องหนึ่ง จากสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา แม้จะได้รับผลกระทบไปทุกหย่อมหญ้า แต่ก็ยังมีน้ำใจเกิดขึ้นหลากหลายรูปแบบ หนึ่งในนั้นคือการทำอาหารแจกจากบรรดาร้านอาหาร หรือจิตอาสาต่างๆ

แต่ปรากฎว่า ที่ผ่านมาเกิดปัญหาคนที่รับอาหารแจกเพราะเห็นว่าฟรี เมนูที่ได้มา อาจจะไม่ตรงกับสิ่งที่อยากได้ บางคนหยิบอาหารไปเกินความต้องการ แล้วกินไม่ทัน พออาหารเหลือเกิดการเน่าเสีย ต้องทิ้งไปก็มี

ก็เลยมีร้านอาหารอยู่ร้านหนึ่ง ในตัวเมืองสมุทรสาคร ชื่อว่า “ท่าเรือภัตตาคาร S-PIER 1964” ตรงท่าเรือเทศบาล ทำโครงการที่ชื่อว่า “แบ่งปันข้าวห่อ 10 บาท” จำหน่ายอาหารห่อมูลค่า 30 บาท แต่จ่ายเพียง 10 บาทเท่านั้น

สำหรับอาหารห่อต้นทุนห่อละ 30 บาท แต่จำหน่ายในราคา 10 บาท มีที่มาอยู่ 3 ส่วน ส่วนแรกมาจาก “คนรับ” คือผู้ซื้อ จ่ายเพียง 10 บาทต่อห่อ, ส่วนที่สอง มาจาก “คนทำ” คือร้านอาหาร เป็นผู้รับภาระต้นทุน 10 บาท

ส่วนที่สาม มาจาก “คนให้” คือผู้สนับสนุน สมทบทุนตามกำลัง แล้วนำมาหารด้วย 10 บาท ก็จะได้จำนวนห่อคงเหลือ และหารด้วยจำนวนที่ขาย เช่น วันละ 500 ห่อต่อวัน ก็จะประมาณได้ว่าเหลือต้นทุนพอสำหรับขายกี่วัน

ภาพ : S-Pier 1964

S-Pier 1964
เริ่มแรก ทางร้านประเดิมทดลองขายที่ 200 ห่อก่อน ต่อมามีผู้สนับสนุนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จึงขยับขยายมาเป็นวันละ 500-600 ห่อ มากที่สุดประมาณ 800 ห่อ โดยจะเปิดขายตั้งแต่ 10 โมงเช้าเป็นต้นไป ถึงเที่ยงวัน แต่ก็ขายหมดก่อนทุกที

ที่ผ่านมาได้รับการสนับสนุนหลายฝ่าย เช่น คุณประโยชน์ โสรัจจกิจ เจ้าของฟาร์มเลี้ยงปลากะพงแปลงใหญ่ ฉะเชิงเทรา สนับสนุนปลากะพงนับร้อยกิโลกรัม, คุณบรรลือศักร โสรัจจกิจ ผู้บริหารไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ ร่วมสนับสนุนเช่นกัน

ขณะที่ สโมสรไลอ้อนสาครบุรี ก็แจกน้ำสมุนไพรแจกฟรีให้คนที่มาซื้อ และยังมีอีกหลายบริษัท นำวัตถุดิบมามอบให้ รวมทั้งมีผู้ซื้อบางคน ซื้ออาหาร 1 ห่อ ให้แบงก์พันแล้วบอกว่า “ไม่ต้องทอน” เพื่อที่จะทำบุญร่วมกันก็มี

สำหรับเมนูที่จำหน่ายแต่ละวันจะไม่ซ้ำกัน เช่น ผัดกะเพรา ต้มยำ ไข่เจียว ฯลฯ แล้วแต่ทางร้านจะทำออกมา แต่คนทำอาหารเป็นถึงเชฟระดับภัตตาคาร มาช่วยปรุงอาหารในครั้งนี้

การจำหน่ายจะมีการเว้นระยะห่างตามหลัก Social Distancing จำกัดจำนวนการซื้อคนละไม่เกิน 3 ห่อ เพื่อให้ลูกค้าแต่ละคนได้ซื้ออย่างทั่วถึง เงินที่ได้ก็จะวนมาเป็นต้นทุนซื้อวัตถุดิบมาทำขายไปเรื่อยๆ จนกว่าทุนจะหมด

10 วันที่ผ่านมา นับตั้งแต่เริ่มโครงการ มีอาหารห่อสะสมตลอดโครงการมากกว่า 13,000 ห่อ จำหน่ายไปแล้วกว่า 6,000 ห่อ เหลืออีกประมาณ 6,500 ห่อ สามารถแบ่งจำหน่ายได้อีกเกือบๆ ครึ่งเดือน

ภาพ : มหาชัยข้าวผัดปู ท่าปรง
นอกจากนี้ยังมีอีกร้านหนึ่ง คือ ร้านมหาชัยข้าวผัดปู ท่าปรง ก็ได้ทำ “โครงการมหาชัยไม่ทิ้งกัน ข้าวกล่อง 10 บาท ร่วมใจสู้โควิด” จัดทำอาหารกล่อง จำหน่ายในราคาเพียงกล่องละ 10 บาทเช่นกัน

วัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือคนตกงาน คนยากจน คนพิการ ผู้สูงอายุ เปิดขายเวลา 4 โมงเย็นเป็นต้นไป วันละ 200 กล่อง จำกัดคนละไม่เกิน 2 กล่อง ต้นทุนอาหารกล่องละ 30 บาท โดยทางร้านสนับสนุน 10 บาท และผู้มีจิตศรัทธาอีก 10 บาท

สำหรับร้านไหนที่อยากจะทำโมเดลนี้บ้างก็ไม่สงวนสิทธิ์แต่อย่างใด เท่าที่ผู้เขียนลองเช็กราคากระดาษห่ออาหาร แบบเดียวกับที่ร้านข้าวมันไก่ใช้ พบว่า 1 กิโลกรัม ตกห่อละประมาณ 60 บาท ห่อข้าวได้ 200 กว่าห่อโดยประมาณ

จริงๆ ผู้เขียนชอบแนวคิดนี้ มากกว่าแนวคิดตู้ปันสุข ที่แม้จะมีป้ายติดว่า “หยิบไปแต่พอดี ถ้าท่านมีใส่ตู้แบ่งปัน” แต่ก็ไม่อาจเอาชนะคนที่ไม่รู้จักพอ เห็นว่าแจกฟรีก็ยกพรรคพวก กวาดข้าวของในตู้จนเกลี้ยง ไม่เหลือไว้ให้คนข้างหลังเลย


แต่สำหรับการแบ่งปันข้าวห่อ ผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อน้อยจะได้เห็นคุณค่ากับสิ่งที่ได้รับ ในยุคที่เศรษฐกิจฝืดเคืองจากปัญหาโควิด-19 เงิน 5 บาท 10 บาทก็มีค่า แตกต่างจากการแจกอาหารฟรี ยังต้องเจอคนที่ไม่รู้จักพอกอบโกยเบียดเบียนผู้อื่น

เงิน 10 บาทที่จ่ายไป ทางร้านก็หมุนเวียนซื้อวัตถุดิบมาทำอาหารขายอย่างต่อเนื่อง แม้ดูผิวเผินแทบจะไม่ได้อะไรก็ตาม ในช่วงที่ธุรกิจร้านอาหารได้รับผลกระทบจากคำสั่งห้ามรับประทานในร้าน แต่ก็ทำเพื่อช่วยเหลือสังคมอีกทาง

เรื่องราวที่นำมาเล่าสู่กันฟังในวันนี้ ในยามที่ผู้คนต่างสลดหดหู่กับยอดผู้ติดเชื้อโควิด และผู้เสียชีวิตรายวัน ยังไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น อย่างน้อยยังมีอีกส่วนหนึ่งในสังคม ขับเคลื่อนด้วยการให้และการแบ่งปัน

ด้วยความหวังที่ว่า ทุกคนในสังคมจะร่วมฟันฝ่าวิกฤต ที่ยากลำบากที่สุดในชีวิตไปด้วยกัน และรอดไปด้วยกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น