กิตตินันท์ นาคทอง Facebook.com/kittinanlive
หลังจากที่กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศว่าจะมีอากาศหนาวเย็นบริเวณประเทศไทยตอนบน และคลื่นลมแรงบริเวณอ่าวไทย ระบุว่าอุณหภูมิจะลดลงต่ำที่สุด ก็ทำเอาคนกรุงเทพฯ รอคอยที่จะใส่เสื้อกันหนาวออกจากบ้าน
แต่สำหรับภาคเหนือตอนบน เช่น แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ฯลฯ พวกเขาจะพบกับอากาศหนาวถึงหนาวจัด ยิ่งถ้าเป็นยอดดอยและยอดภูมีอากาศหนาวจัดและมีน้ำค้างแข็ง ก็ขอฝากดูแลสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นลงด้วย
ปกติแล้วในช่วงฤดูหนาว ภาคเหนือจะได้รับมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนแผ่ลงมา เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนไปเชียงใหม่ แม้ตอนเช้าอากาศเย็นลงก็จริง แต่ช่วง 9 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น ถ้าอยู่กลางแจ้งก็อากาศร้อนจัดได้เหมือนกัน
การได้ลาพักร้อนไปเชียงใหม่ ไม่มีอะไรดีไปกว่าสัมผัสลมหนาว พร้อมกับใช้ชีวิตชิลๆ แม้จะไม่ถึงขั้นสโลว์ไลฟ์ก็ตาม แต่แค่ได้มองไปยังดอยสุเทพทางทิศตะวันตก ก็เหมือนได้หลีกหนีความวุ่นวายจากกรุงเทพฯ ไปแล้ว
กว่า 10 ปีที่ผ่านมา มีโอกาสไปเยือนเชียงใหม่อย่างน้อยปีละครั้ง แต่กิจกรรมที่ยังไม่เคยไปก็คือ “แช่น้ำพุร้อนเพื่อสุขภาพ” ที่เชียงใหม่มีน้ำพุร้อนให้เลือกราว 3-4 แห่ง
แต่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คงจะเป็น “น้ำพุร้อนสันกำแพง”
ครั้งหนึ่งเคยชมรายการ “เช็กอินถิ่นเหนือ” ทางยูทูปของสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยภาคเหนือ (NBT North) หมายเลข 11 พิธีกรพาไปยังน้ำพุร้อนสันกำแพง เห็นกิจกรรมทั้งแช่ไข่ไก่ อาบน้ำแร่แล้ว เกิดความรู้สึก “อยากไป” ขึ้นมา
โปรแกรมลาพักร้อนไปเชียงใหม่ล่าสุด กาหัวปฏิทินเอาไว้เลยว่า ต้องไปเยือนน้ำพุร้อนสันกำแพงให้ได้
น้ำพุร้อนสันกำแพง ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ไม่ไกล ประมาณ 37 กิโลเมตร จะใช้เส้นทางเชียงใหม่-สันกำแพง จากถนนเจริญเมืองที่แยกหนองประทีป หรือเส้นทางเชียงใหม่-แม่ออน (สันกำแพงสายใหม่) จากถนนมหิดลที่แยกดอนจั่นก็ได้
แต่ถ้าไม่มีรถส่วนตัว ก็มีรถสองแถวสีเหลืองสายเชียงใหม่-น้ำพุร้อน จอดอยู่ริมแม่น้ำปิง หน้าตลาดต้นลำไย ล่าสุดมีรถตู้สายเชียงใหม่-แม่ออน-น้ำพุร้อนสันกำแพง ต่อไปยังแม่กำปองได้ แต่ต้องจองล่วงหน้าเพราะรถจะเต็มช่วงฤดูหนาว
เราใช้เวลาจากตัวเมืองเชียงใหม่ไม่ถึง 1 ชั่วโมง ตามเส้นทางเชียงใหม่-สันกำแพง-แม่ออน กระทั่งมีป้ายบอกทางระบุว่า “น้ำพุร้อนสันกำแพง” อยู่ซ้ายมือ ก็เลี้ยวรถไปตามถนนคอนกรีตอย่างดี เพียง 2.5 กิโลเมตรก็ถึงแล้ว
น้ำพุร้อนสันกำแพง ไม่ได้อยู่ใน อ.สันกำแพง แต่อยู่ที่ อ.แม่ออน เดิมเป็นกิ่งอำเภอ แยกจากอำเภอสันกำแพงต่างหาก เมื่อก่อนเป็นบ่อน้ำพุร้อนธรรมดา ชาวบ้านใช้ต้มผักที่เก็บจากป่าและรักษาโรคผิวหนังเป็นหลัก
อุณหภูมิของน้ำพุร้อนสันกำแพง 105 องศาเซลเซียส พุ่งสูงจากใต้ดินราว 10 เมตร มีแร่ธาตุทั้งฟลูออไรด์ ไนเตรท และซัลเฟต นอกจากจะทำให้โลหิตไหลเวียนได้ดีขึ้นแล้ว ยังบำรุงผิวพรรณ รักษาอาการจากโรคผิวหนังอีกด้วย
ชาวบ้านที่นี่รวมกลุ่มกันในนาม “กิจการน้ำพุร้อนสันกำแพง ตามโครงการพระราชดำริ” โดยมีการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมทุนกับสหกรณ์การเกษตรหมู่บ้านสหกรณ์สันกำแพง เพื่อสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับคนในชุมชน
ก่อนจะเข้าไปด้านใน ต้องซื้อบัตรผ่านประตูก่อน ราคาคนไทย ผู้ใหญ่คิดคนละ 40 บาท เด็กคนละ 20 บาท ส่วนชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่คิดคนละ 100 บาท เด็กคนละ 50 บาท เปิดตั้งแต่ 07.00-19.00 น.
เมื่อเข้าไปด้านในจะพบกับศูนย์จำหน่ายสินค้าชุมชนตำบลบ้านสหกรณ์ มีทั้งหมด 8 ร้านค้า จาก 8 หมู่บ้าน แต่ละร้านจะเอาอะไรมาขายขึ้นอยู่กับพ่อหลวง (ผู้ใหญ่บ้าน) ประชุมชาวบ้าน โดยส่วนมากจะเป็นของที่ระลึกและผลิตผลจากชุมชน
ที่นี่จะมีกิจกรรมท่องเที่ยวที่หลากหลาย นอกจากการอาบน้ำแร่ แช่น้ำร้อนแล้ว ยังมีบริการอื่นๆ เช่น บริการนวดเท้า นวดตัว บริการจุดกางเต็นท์ บริการที่พักตั้งแต่บ้านพักนอนได้ 2 คน ไปจนถึงเรือนรับรอง พักได้สูงสุด 6 คน ฟรีสระว่ายน้ำแร่
แต่กิจกรรมยอดนิยม สำหรับผู้มาเยือนแบบเช้าไปเย็นกลับ เมื่อเดินเข้าไปด้านในสุดจะพบกับน้ำพุร้อนที่พุ่งสูงถึง 10 เมตร อุณหภูมิ 105 องศาเซลเซียส ถ่ายรูปได้แต่อย่าเข้าใกล้น้ำพุร้อน เพราะอันตรายมาก
บริเวณใกล้กันก็จะเป็นบ่อน้ำร้อนสำหรับแช่ไข่ต้ม ที่นี่จะมีไข่ไก่ใส่ชะลอมราคาไม่แพง มีให้เลือกระหว่างไข่ไก่ 3 ฟอง 20 บาท กับไข่นกกระทา 40 บาท มีซอสปรุงรสบริการฟรีโดยกดจากถังซอสปรุงรสใส่ถ้วยน้ำจิ้ม
วิธีต้มไข่ ให้นำชะลอมไข่มาแขวนที่บ่อน้ำร้อน แล้วจับเวลาขึ้นอยู่กับความสุกตามต้องการ อยากได้ไข่ลวกต้ม 3 นาที ไข่ยางมะตูมต้ม 5-6 นาที แต่ถ้าอยากให้ไข่แดงและไข่ขาวสุกให้ต้ม 10-15 นาที ไม่แนะนำให้นานกว่านี้เพราะจะแข็ง ไม่อร่อย
หลังจากต้มเสร็จ ให้ล้างน้ำปกติที่อ่างล้างไข่ จะช่วยให้ปอกเปลือกไข่ได้ง่าย ก่อนปอกเปลือกรับประทาน รสชาติไข่ต้มของที่นี่ไม่ต่างจากไข่ต้มที่เรารับประทานทั่วไป มีกลิ่นฉุนคล้ายกำมะถันเล็กน้อย ซึ่งไม่เป็นอันตราย
อันที่จริงถ้าใครจะทานไข่ลวก แนะนำให้นำแก้วกับช้อนชามาเอง และซื้อพริกไทยกับซอสปรุงรสขวดเล็กมาเองจะดีกว่า เพราะที่นี่ไม่มีพริกไทย ส่วนซอสปรุงรสในถังที่นี่ รสชาติอาจจะไม่ถูกปากสำหรับเรา
กิจกรรมต่อมาที่ได้รับความนิยมก็คือ การเอาเท้ามาแช่น้ำอุ่น ที่นี่จะมีลำรางน้ำอุ่นเล็กๆ ไหลลงมา ก่อนจะระบายอุณหภูมิลงมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ 45-50 องศาเซลเซียสลงมา โดยจะมีป้ายบอกอุณหภูมิของน้ำให้เลือกแช่ตามความชอบ
ตรงจุดนี้เปิดให้นั่งเอาเท้าแช่น้ำอุ่นได้ฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย อีกทั้งมีซุ้มสำหรับกันแดด กันฝน ส่วนคนที่นำรถวีลแชร์มา ได้ปรับระดับทางเดินให้สามารถเข็นรถได้โดยสะดวก แต่คนทั่วไปเดินได้สบายๆ อยู่แล้ว
กิจกรรมที่ถือว่าไม่มาไม่ได้ก็คือ “แช่น้ำแร่อุ่นๆ” เพื่อสุขภาพ ที่นี่มีบริการอาบน้ำแร่หลากหลาย ทั้งห้องแช่น้ำแร่ ห้องอาบน้ำแร่ รวมทั้งสระอาบน้ำแร่หลายรูปแบบให้เลือก เสียค่าใช้จ่ายต่างหากในอัตราค่าบริการที่แตกต่างกันไป
แต่ที่แนะนำก็คือ “ห้องอาบน้ำแร่” ซึ่งแยกห้องให้เป็นส่วนตัว มีทั้งโซนชายและหญิง สนนราคาคนละ 65 บาทต่อครั้ง ถ้าใครไม่มีผ้านุ่งเช็ดตัว มีบริการให้เช่าผืนละ 20 บาท แต่แนะนำให้เตรียมมาเองจะประหยัดกว่า
ห้องอาบน้ำแร่ด้านในจะถูกแบ่งออกเป็นห้องเล็กๆ ประกอบด้วยอ่างอาบน้ำ มี “ก๊อกสีแดง” สำหรับน้ำร้อน และ “ก๊อกสีน้ำเงิน” สำหรับน้ำอุณหภูมิปกติ (ไม่ใช่น้ำเย็น)
อย่าเข้าใจผิดว่าก๊อกสีน้ำเงินคือน้ำเย็น เพราะบางฤดูอาจจะไม่เย็นอย่างที่คิด
ด้านบนจะมีฝักบัวสำหรับล้างตัว พร้อมกับที่แขวนเสื้อผ้า ผ้านุ่งเช็ดตัว ออกไปนอกห้องจะมีที่นั่งพักและพัดลมขนาดใหญ่ สำหรับนั่งพักหลังแช่น้ำแร่เสร็จ ด้านในสุดจะเป็นห้องสุขาและก๊อกน้ำสำหรับล้างมือ
วิธีการอาบน้ำแร่ก็คือ เริ่มจากผสมน้ำอุณหภูมิปกติที่ก๊อกสีน้ำเงิน ให้ได้เกินครึ่งอ่างเสียก่อน หลังจากนั้นค่อยเปิดน้ำร้อน (ก๊อกสีแดง) ผสมกัน เอามือแช่น้ำให้ได้ความอุ่นตามที่ต้องการ จากนั้นล็อกห้อง แก้ผ้า แล้วแช่อ่างได้เลย
การแช่น้ำแร่ให้ได้ผลดีจะอยู่ที่ประมาณ 15-20 นาที เราอาจจะแช่ครั้งหนึ่ง แล้วนุ่งผ้าไปนั่งตากพัดลมด้านนอกให้เหงื่อออกจนหมด จากนั้นจึงผสมน้ำแล้วแช่อีกรอบหนึ่งก็ได้ อาจจะสังเกตจากมือที่เริ่มเปื่อย ส่งสัญญาณว่าร่างกายพอแล้ว
หลังแช่น้ำแร่เสร็จอย่าเพิ่งรีบสวมเสื้อผ้า ให้นุ่งผ้าออกมานั่งตากพัดลมไปก่อน จนกว่าเหงื่อจะออกจนหมด เมื่อตัวแห้งแล้ว เข้าไปล้างตัวด้วยฝักบัวที่เตรียมไว้ให้ด้านบนอ่างอาบน้ำ ก่อนที่จะเช็ดตัวแล้วสวมเสื้อผ้าเดินออกไป
ที่นี่มีข้อห้ามอย่างหนึ่งก็คือ ห้ามน้ำแชมพู สบู่ หรือสครับทุกชนิด เข้าไปในห้องแช่น้ำแร่ ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคความดันโลหิตสูง ไม่ควรแช่เกิน 10 นาที ส่วนคนที่ดื่มสุราและของมึนเมา ควรงดการแช่น้ำแร่
นอกจากนี้ ยังมีห้องแช่น้ำแร่รวมกลุ่มละไม่เกิน 10 คน เหมาะสำหรับคนที่มาเป็นกลุ่มเพื่อน สนนราคาชั่วโมงละ 500 บาท ส่วนใครที่จะตักอาบอย่างเดียว ยังมีห้องตักอาบน้ำแร่ แยกห้องเป็นส่วนตัว คนละ 20 บาทเท่านั้น
รวมทั้งมีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ คิดราคาผู้ใหญ่ 55 บาท เด็ก 35 บาท มีสระเด็กขนาดใหญ่ชั่วโมงละ 10 บาท เหมาะสำหรับคนที่จะอาบน้ำแร่รวมกัน แต่ไม่อยากเสียเงินเช่าห้องแช่น้ำแร่ต่างหาก ก็มาใช้บริการกันได้
ปัจจุบันน้ำพุร้อนสันกำแพง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม ผลจากบริเวณใกล้เคียงมีแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งใหม่อย่าง “แม่กำปอง” หมู่บ้านที่โอบล้อมด้วยภูเขา กลายเป็นแลนด์มาร์คยอดฮิต ที่ผู้คนนิยมไปสัมผัสชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์
ที่น่าดีใจก็คือ ฤดูหนาวปีนี้มีนักท่องเที่ยวให้ความสนใจมาเที่ยวน้ำพุร้อนสันกำแพงจำนวนมาก วันธรรมดามีผู้มาเยือน 1,000-2,000 คน ยิ่งถ้าเป็นวันหยุดมีนักท่องเที่ยวมากถึง 3,000-4,000 คนเลยทีเดียว
แต่จากที่ได้มาเยือน แนะนำให้มาวันธรรมดาดีที่สุด เพราะดูแล้วไม่วุ่นวายนัก และไม่จำเป็นต้องมาในช่วงฤดูหนาว เพราะปัจจุบันกิจการน้ำพุร้อนสันกำแพง ได้พัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกให้สามารถท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี
ด้วยสถานที่ท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ ไม่ไกลจากตัวเมือง มีรถประจำทางเข้าถึง สามารถเดินทางแบบเช้าไป-เย็นกลับที่พักในตัวเมืองได้ น้ำพุร้อนสันกำแพงจึงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือก เมื่อมีโอกาสมาเยือนเชียงใหม่ครั้งต่อไป