xs
xsm
sm
md
lg

“สนามจริง” ของ “นายกฯ ตู่”

เผยแพร่:   โดย: พระบาท นามเมือง

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
การเปิดสภาครั้งแรกผ่านพ้นไปแล้ว พร้อมกับขั้นตอนแรก คือการลงมติสรรหาประธานวุฒิสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่ถือเป็นประธานรัฐสภาด้วย

กรณีของวุฒิสภาที่มาจากการสรรหาแต่งตั้งของ คสช.นั้นไม่สู้จะมีปัญหาอะไรแต่ความสนุกนั้นบังเกิดขึ้นในการเลือกตัวประธานสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

ทำให้เราได้เห็นว่า นี่แหละกลับไปสู่โหมดการต่อสู้ทางการเมืองแบบจริงจังแล้ว

เกมการเมืองนั้นเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่การยื้อยุดกันว่า จะให้นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกฯ จากพรรคอนาคตใหม่ กล่าวคำรับทราบคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญที่สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ที่ออกมาเมื่อวันพฤหัสฯ อยู่หรือไม่

ซึ่งก็เกิดความอลหม่านกันพอหอมปากหอมคอ ก่อนที่ “ไพร่หมื่นล้าน” จะก้มหัวคารวะ ก่อนอำลาจากสภาไป

ส่วนวาระที่สองนั้น ก็เป็นความงุนงงของคอการเมือง เมื่อทางฝ่ายพรรคพลังประชารัฐ อยู่ดีๆ ก็ออกมา “แบไต๋” ขอมติที่ประชุมให้เลื่อนการลงมติเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรออกไปก่อน

ที่ทำให้งงกัน ก็เพราะว่า ที่เปิดสภามานี้ ก็มีวาระสำคัญเพียงวาระเดียว คือการเลือกหาตัวผู้ที่จะมาเป็นประธานสภา และรองประธานสภาผู้แทนราษฎร
แถมยังไปเช่าห้องประชุมของบริษัท TOT เสียค่าเช่าวันละหลักล้าน แล้วอยู่ดีๆ จะมาขอเลื่อนกันโดยไม่มีเหตุผล

ซึ่งเอาเข้าจริง สาเหตุซึ่งเป็นที่รู้กันคือ ฝ่าย พปชร.นั้น “ยังไม่ลงตัว” ในการต่อรองเรื่องการเข้าร่วมรัฐบาล และการจัดสรรปันตำแหน่งเก้าอี้ต่างๆ ในรัฐบาล

เกม “เลื่อนหรือไม่เลื่อน” นี้ยื้อกันไปจนลงมติ ซึ่งผลมติออกมา ปรากฏว่าฝ่ายที่ไม่ให้เลื่อนชนะไปด้วยคะแนนเสียงฉิวเฉียด คือ 248 ต่อ 246 การเลือกประธานสภาผู้แทนจึงดำเนินต่อไป

ซึ่งผลก็ได้ นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี มาเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรคนแรกตามรัฐธรรมนูญใหม่

ที่ถือว่าเป็นเกียรติยศอย่างหนึ่งของตัวคุณชวนเอง เพราะเท่ากับเขาเองนั้นเคยเป็นทั้งประมุขของฝ่ายบริหาร คือนายกรัฐมนตรี และในคราวนี้ก็เป็นประมุขของฝ่ายนิติบัญญัติ

แต่ผลของการโหวตเลือกประธานสภา ก็ทำให้แต่ละฝ่ายเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่ามี “งูเห่า” อยู่ในพรรคหรือในฝั่งฝ่ายตัวเองหรือไม่ เพราะเป็นการลงคะแนนลับ
และความสนุกก็เพิ่มขึ้นเป็นทบทวี เมื่อเกิดความ “ไม่ชัวร์” ขึ้นแล้วกับรัฐบาลที่ พปชร.กำลังพยายามจัดกันอยู่

แม้ว่าจะได้รับคำมั่นจากทางภูมิใจไทย และท่าทีโอนเอียงของพรรคประชาธิปัตย์มาแล้วว่า สนใจจะเข้าร่วมรัฐบาลด้วย เรื่องก็น่าจะจบง่าย ๆ ว่า เมื่อรวมกับพรรคที่แสดงเจตนารมณ์ก่อนหน้ามาแล้ว พปชร.ก็น่าจะตั้งรัฐบาลได้ แม้ว่าออกจะเป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำก็ตาม

แต่เรื่องก็ไม่แน่นอนขึ้นมา เมื่อมีข่าวเรื่อง “วงแตก” เกิดขึ้น เมื่อ ปชป.ที่ทำท่าเหมือนจ่อจะมาแล้วนั้น “ชักเท้าหนี” พร้อมกับปูดว่า นายกฯ ตู่เข้ามา “ทุบโต๊ะ” ขออำนาจตัดสินใจเลือกชี้ตัวรัฐมนตรีเอง

รวมทั้งเรื่องโควตารัฐมนตรีที่ไม่ค่อยลงตัวเท่าไรนัก ด้วยทางฝ่าย ส.ส.ที่ร่วมก่อตั้งพรรค พปชร.กันมาอย่างกลุ่มสามมิตรนั้น เริ่มไม่พอใจว่า มีการเอาเก้าอี้กระทรวงเกรด A เกรด B ไปประเคนให้พรรคร่วมเยอะไป เหมือนไม่เห็นหัวคนในพรรค

นอกจากนั้น ทาง ปชป.ก็ยื่นข้อเสนอในการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วย ซึ่งก็เป็นข้อหนักเรื่องหนึ่ง

เมื่อ ปชป.ทำท่าจะชักเท้าออก ทางภูมิใจไทยที่เหมือนจะชัวร์แล้ว ก็เลยออกมาพริ้วอีกรอบ

โดยอ้างว่า ถ้า ปชป.ไม่เข้าร่วม ก็เท่ากับรัฐบาล พปชร.นั้นไม่มีเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งแม้จะมีเสียง ส.ว.สนับสนุน แต่ก็จะขัดกับหลักการ

ที่ทางพรรคเคยหาเสียงกับไว้ก่อนเลือกตั้ง
ทีนี้การจัดตั้งรัฐบาลที่เหมือนน่าจะอยู่มือ ได้นายกฯ คนใหม่หน้าเดิมแล้ว ก็เลยเหมือนจะมีพลิกเกมกันได้อีก

เหตุติดขัดนั้นก็เนื่องมาจากโจทย์ยากของ พปชร.หรือถ้าพูดให้ถูกต้อง คือ เป็นโจทย์ของ “นายกฯ ตู่” ในการจัดโผ ครม.ให้ลงตัว

ข้อแรก นั่นคือ “พี่ใหญ่” คสช.คือบิ๊กป้อมและบิ๊กป๊อก จะต้องมีที่นั่งอยู่ใน ครม. และต้องได้นั่งในที่ดีๆ ระดับเกรด A ด้วย

โจทย์ข้อต่อมา คือ บรรดากลุ่มก้อนทางการเมืองสารพัดที่เที่ยวไปดูดมา จนชนะการเลือกตั้งเข้ามาจัดตั้งรัฐบาลได้นั้น ก็ต้องได้รับการ “ตอบแทน” ตามสัญญาที่คุยกันไว้ แถมดีไม่ดี ก็ต้องเป็นเก้าอี้หรือกระทรวงที่ได้สัญญาหรือตกลงกันไว้ก่อนด้วย

และสุดท้ายข้อสำคัญ คือต้องเอาใจพรรคร่วมที่มีกลุ่มก้อนขนาดใหญ่ เพราะหากไม่ได้พรรคร่วมพวกนี้ ก็จัดตั้งรัฐบาลไม่ได้

และพรรคร่วมเหล่านี้ ก็เรียกร้องเก้าอี้งามๆ กระทรวงเกรด A เกรด B ทั้งนั้น ไม่งั้นก็มีรายการกระบิดกระบวนเรียกราคากันอย่างที่เห็น

แน่นอนว่ากลุ่มที่สาม คือพรรคร่วม ก็จะไปเหยียบตาปลากันกับกลุ่มที่สอง คือกลุ่มก้อนต่างๆ ใน พปชร.ซึ่งโควตากระทรวงเกรด A เกรด B ก็มีจำกัด

ส่วนพี่ใหญ่ คสช.ทั้งสอง ก็เป็นเก้าอี้ที่ตัดไม่ได้ แตะไม่ได้

จึงมีการแบไต๋ออกมาว่า ถ้าอย่างไรก็ขอให้โหวตนายกฯ กันให้แล้วเสร็จก่อน แล้วค่อยมาจัดเก้าอี้รัฐมนตรีกันจะดีหรือไม่

ซึ่งก็คงไม่มีพรรคร่วมที่ไหนเอาด้วย เพราะเท่ากับในตอนนั้นจะกลายเป็นหมูในอวย ไม่มีอำนาจต่อรองเท่าไรแล้ว เพราะส่ง “ลุงตู่” ขึ้นไปนั่งเก้าอี้นายกฯ เรียบร้อยแล้ว

ซึ่งทางฝ่าย “ลุงตู่” และ พปชร.เองก็ยังเหลือไม้ตายอยู่สองไม้ นั่นคือ อำนาจนายกรัฐมนตรีในการยุบสภา

ซึ่งถ้าวุ่นวายกันมากนักทาง พปชร.และพรรคร่วมเท่าที่ยังเหลือกับ ส.ว. 250 คน อาจจะทะลุ่มทุ่มทุ่ย ดันพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาขึ้นนั่งเป็นนายกฯ เสียงข้างน้อยไปก่อน

เพื่อไปรอยุบสภาเลือกตั้งใหม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่มีนักการเมือง ส.ส.คนไหนจะยินดี เพราะเพิ่งเลือกตั้งกันเข้ามา ทั้งกระสุนทั้งกำลังก็หมดแล้ว แถมบางพรรคไป “ตระบัดสัตย์” กับประชาชนไว้บางเรื่อง ก็ไม่ต้องหวังกลับเข้ามาอีก

แต่ไพ่ตายที่หนักกว่าการยุบสภานั้นก็ยังมี

คือภาพที่ “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แต่งฟอร์มเต็มยศ ดอดเข้าพบ “ลุงตู่” ในตอนเช้าวันพุธที่ผ่านมา จึงอาจจะเป็นการส่งสัญญาณบางอย่างที่ชวนขวัญแขวนให้ทุกฝ่าย.


กำลังโหลดความคิดเห็น