กิตตินันท์ นาคทอง Facebook.com/kittinanlive
นับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2562 เป็นต้นไป เครื่องดื่มที่ผสมน้ำตาล น้ำอัดลม กาแฟกระป๋อง เครื่องดื่มชูกำลัง ชาเขียว ฯลฯ จะได้รับผลกระทบ หลังกรมสรรพสามิตเดินหน้าเก็บ “ภาษีความหวาน” ตามกฎหมายใหม่
โดยจะคิดตามอัตรามีหน่วยเป็นกรัม ต่อ 100 มิลลิลิตร เริ่มต้นที่ 10-14 กรัม จากเดิมเสีย 50 สตางค์ต่อลิตร ขึ้นเป็น 1 บาทต่อลิตร, 14-18 กรัม จากเดิมเสีย 1 บาทต่อลิตร ขึ้นเป็น 3 บาทต่อลิตร และมากกว่า 18 กรัม ขึ้นเป็น 5 บาทต่อลิตร
ยิ่งเครื่องดื่มชนิดไหนความหวานสูง ยิ่งต้องจ่ายภาษีมาก
ทำให้บรรดาผู้ผลิตเครื่องดื่ม เริ่มทยอยปรับสูตรการผลิต โดยลดน้ำตาลลง หรือเพิ่มรสชาติใหม่ในหมู่เครื่องดื่มที่ใช้สารให้ความหวานอย่าง แอสปาร์แตม, แอซีซัลเฟมโพแทสเซียม และซูคราโลสแทนน้ำตาล เพื่อให้เสียภาษีต่ำลง
ส่วนผู้ผลิตน้ำอัดลม โดยเฉพาะ โคล่า ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงสูตร เพราะเป็นตลาดใหญ่ของผู้บริโภค หากปรับสูตรเกรงว่ารสชาติจะเปลี่ยน และกระทบยอดขาย
จะมีก็แต่ผู้ผลิตบางราย อย่างเช่น บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอร์เรจ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ออกผลิตภัณฑ์ “เป๊ปซี่ แมกซ์เมสต์ ราสเบอร์รี่” ที่มีรสชาติของเบอร์รี่ผสมกับรสชาติของโคล่า และกำลังถูกบอกต่อจนร้านสะดวกซื้อบางแห่งขาดตลาด
หรือจะเป็น บริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด (มหาชน) ที่ออกผลิตภัณฑ์ “แฟนต้า แดงมะนาวโซดา” สังเกตว่าแม้ขนาดกระป๋อง 325 มิลลิลิตร จะมีปริมาณน้ำตาล 25 กรัม แต่ก็น้อยกว่าน้ำอัดลมตระกูลสีต่างๆ ที่บางสูตรน้ำตาลเยอะเสียด้วยซ้ำ
นอกจากน้ำอัดลมแล้ว กาแฟกระป๋องก็ปรับสูตรเช่นกัน เมื่อไม่นานมานี้ “เนสกาแฟ เอสเปรสโซ โรสต์” หรือที่เรียกว่า “เนสกาแฟกระป๋องเขียว” ของบริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด เพิ่งปรับสูตรและวางจำหน่ายเมื่อไม่นานมานี้เอง
ที่สำคัญ ยังได้ตราสัญลักษณ์ “เครื่องดื่มทางเลือกสุขภาพ” ให้การรับรองโดย หน่วยรับรองสัญลักษณ์โภชนาการ ทางเลือกสุขภาพ สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล
ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนมีนาคม 2560 ก็เคยส่ง “เนสกาแฟ แบล็คไอซ์” ซึ่งได้รับตราสัญลักษณ์เครื่องดื่มทางเลือกสุขภาพไปก่อนหน้านี้ ชูจุดเด่นของกาแฟดำ น้ำตาลน้อย รสชาติเข้ม และให้พลังงานเพียง 50 กิโลแคลอรี
ความแตกต่างของเนสกาแฟกระป๋องเขียว ระหว่างสูตรเดิมกับสูตรใหม่ก็คือ ของเดิมให้พลังงงาน 80 กิโลแคลอรี ลดลงเหลือ 70 กิโลแคลอรี น้ำตาลจากเดิม 13 กรัม ลดลงเหลือ 11 กรัม แต่โซเดียมเพิ่มจาก 115 มิลลิกรัม เป็น 120 มิลลิกรัม
ก่อนหน้านี้ บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) วางตลาดกาแฟกระป๋อง “เอ็มเพรสโซ ดับเบิล ช็อต” ไปเมื่อเดือนมีนาคม 2561 มีให้เลือก 2 รสชาติ คือ เอสเปรสโซ แถบสีเขียว และ โรบัสต้า แถบสีแดง
ได้รับตราสัญลักษณ์ “เครื่องดื่มทางเลือกสุขภาพ” มาตั้งแต่วางตลาด
โดยพบว่า มีปริมาณน้ำตาลแทบจะน้อยกว่ายี่ห้ออื่น สูตรเอสเปรสโซ มีน้ำตาล 9 กรัม และสูตรโรบัสต้า มีน้ำตาล 10 กรัม แต่ให้พลังงาน 60 กิโลแคลอรีเหมือนกัน
นอกจากนี้ “กาแฟกระป๋องเบอร์ดี้” ของบริษัท อายิโนะโมะโต๊ะเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ก็เริ่มมีการปรับสูตรเช่นกัน แม้จะยังไม่มีตราสัญลักษณ์ “เครื่องดื่มทางเลือกสุขภาพ” เหมือนสองยี่ห้อข้างต้น
โดยพบว่าได้เริ่มวางจำหน่ายกาแฟขายดีอันดับต้นๆ “เบอร์ดี้ โรบัสต้า ไอซ์ คอฟฟี่” หรือที่เรียกว่า “เบอร์ดี้กระป๋องแดง” สูตรใหม่ ให้พลังงาน 60 กิโลแคลอรี น้ำตาลเหลือเพียง 9 กรัม แต่ปริมาณโซเดียมมากถึง 190 มิลลิกรัม
ขณะที่ “เบอร์ดี้ เอสเปรสโซ ไอซ์ คอฟฟี่” แพ็คเกจใหม่ ก็กำลังอยู่ในระหว่างการผลิตและจะทยอยวางจำหน่ายเช่นกัน ถือเป็นการปรับสูตรเพื่อรองรับภาษีน้ำตาลที่กำลังจะมาถึงในอนาคตอันใกล้
อย่างไรก็ตาม การเลือกซื้อกาแฟมักจะคำนึงถึงเรื่องปริมาณคาเฟอีนมากกว่า เพราะกลุ่มเป้าหมายคือผู้ใช้แรงงาน รวมทั้งหนุ่มสาวออฟฟิศที่ต้องการเครื่องดื่มให้ความสดชื่นระหว่างทำงาน
แม้น้ำตาลจะน้อยลง แต่ถ้าคาเฟอีนสูง ดื่มมากเกินไปก็อาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้