xs
xsm
sm
md
lg

ไม่ได้ตาฝาด! ซื้อกองทุนรวม 1 บาท ออมทองคำ 10 บาท

เผยแพร่:   โดย: กิตตินันท์ นาคทอง


กิตตินันท์ นาคทอง Facebook.com/kittinanlive

สมัยก่อนเวลาจะลงทุนอะไรสักอย่าง จำเป็นต้องมีเงินก้อนเพื่อเปิดบัญชีซื้อ-ขาย แต่ด้วยช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ที่พัฒนาขึ้น ให้นักลงทุนรุ่นใหม่สามารถจัดการได้ด้วยตัวเอง ทำให้การลงทุนในยุคนี้มีค่าธรรมเนียมที่ถูกลง

เช่น บริษัทหลักทรัพย์บางแห่ง ใช้กลยุทธ์เปิดพอร์ตหุ้นแบบ Cash Balance เพียง 0 บาท และไม่คิดค่าธรรมเนียมนายหน้า (คอมมิชชั่น) ขั้นต่ำต่อวัน คิดเฉพาะจากการซื้อขายตามจริง เพื่อจูงใจให้นักลงทุนหน้าใหม่เข้ามาซื้อ-ขาย

ล่าสุด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ ได้เปิดให้ซื้อขาย กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ เซ็ท อินเด็กซ์ ฟันด์ (ชนิดช่องทางอิเล็กทรอนิกส์) หรือ SCBSET ประเภท E-Class ผ่านแอปพลิเคชัน SCBAM Fund Click

รวมทั้งแอปพลิเคชัน SCB Easy ธนาคารไทยพาณิชย์ ที่มีผู้ใช้งานกว่า 9 ล้านราย ก่อนหน้านี้สามารถเปิดบัญชีกองทุนได้ โดยไม่ต้องส่งเอกสารใดๆ และยังสามารถทำธุรกรรมซื้อ-ขายคืนกองทุนรวมได้ในแอปฯ เดียว

คราวนี้ประกาศ “ยกเว้นค่าธรรมเนียม” ทั้งค่าธรรมเนียมการจัดการ (Management Fee) 0.7% ของมูลค่าหน่วยลงทุน และค่าธรรมเนียมการซื้อ (Front-end Fee) สำหรับหน่วยลงทุนชนิดช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ (E-Class)

ที่ช็อกวงการก็คือ มูลค่าสั่งซื้อขั้นต่ำครั้งแรก 1 บาท ครั้งถัดไป 1 บาทเท่านั้น!

จากเมื่อก่อน ถ้าจะลงทุนในกองทุนรวมสักแห่ง ต้องมีเงินสั่งซื้อขั้นต่ำครั้งแรก ต่ำสุด 5,000 บาท ก่อนที่จะลดลงมาเป็น 1,000 บาท และต่ำสุดในตลาดกองทุนรวม 500 บาท ส่วนใหญ่เป็นกองทุนรวมตลาดเงิน เช่น T-CASH หรือ K-MONEY

ทราบมาว่า ณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ไทยพาณิชย์ บอกกับสื่อฉบับหนึ่งว่า เหตุผลที่ออกผลิตภัณฑ์นี้ ไม่ได้จะตัดราคาค่าธรรมเนียมการจัดการในอุตสาหกรรม เพราะกองทุนรวมนี้ไม่ได้ซ้ำซ้อนกับใคร

เพียงแต่ว่าจะเชิญชวนลูกค้า ทั้งนักลงทุนรายย่อย รวมทั้งนักลงทุนหน้าใหม่ ที่ไม่ได้เป็นลูกค้าของธนาคารไทยพาณิชย์เข้ามาลงทุน ตั้งเป้าเพิ่มลูกค้าที่ลงทุนต่อเนื่องกับ บลจ.ไทยพาณิชย์ จาก 4 แสนบัญชี ให้ได้ 1.5 ล้านรายภายใน 3 ปี

SCBSET เป็นกองทุนเดียวในประเทศไทย ที่ลงทุนเลียนแบบดัชนีหุ้นไทย (SET Index) เน้นเข้าใจง่าย เลียนแบบดัชนี ใช้เงินลงทุนไม่มาก ไม่ต้องรอให้รวยก่อนแล้วมาลงทุน เป็นบันไดขั้นแรกของการจัดสรรเงินลงทุน

เมื่อมูลค่าสั่งซื้อขั้นต่ำถูกพอๆ กับลูกอม จึงตัดสินใจทดลองซื้อกองทุนรวม SCBSET สักครั้ง ผ่าน SCB Easy โดยเข้าไปที่เมนู “การลงทุน” เลือก “กองทุนรวม” เมื่อเปิดบัญชีกองทุนเอาไว้แล้วก็เข้าไปที่ “ซื้อ” แล้วเลือกกองทุน

ปรากฎว่าเมื่อพิมพ์ SCBSET จะกลายเป็น กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ เซ็ท อินเด็กซ์ ฟันด์ (ชนิดสะสมมูลค่า) ซึ่งเป็นคนละชนิดกัน แถมกำหนดให้สั่งซื้อขั้นต่ำครั้งแรก 1,000 บาท

สุดท้ายจึงพบว่า ถ้าจะซื้อกองทุนรวมชนิดนี้ ต้องพิมพ์คำว่า “SETE” หรือ “เซ็ท อินเด็กซ์ ฟันด์ (ชนิดช่องทางอิเล็กทรอนิกส์)” จึงจะซื้อขายกองทุนขั้นต่ำ 1 บาทได้ โดยอี-สลิปจะระบุว่า “ไม่ขอรับหนังสือรับรองสิทธิ”

กองทุน SETE เป็นกองทุนรวมตราสารทุน ประเภทกองทุนรวมดัชนี (Index Fund) มีนโยบายลงทุนในหุ้นจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นหลัก ไม่มีการลงทุนในต่างประเทศ มีความเสี่ยงระดับ 6 (เสี่ยงปานกลางค่อนข้างสูง)

ถ้าทำแบบประเมินความเสี่ยงระดับ 5 ลงมา เวลาซื้อขายจะมีข้อความเตือน “คุณได้รับทราบว่า กองทุนนี้มีระดับความเสี่ยงสูงกว่าระดับความเสี่ยงที่ท่านสามารถลงทุนได้ ท่านได้ยืนยันลงทุนในกองทุนนี้ซึ่งเป็นการตัดสินใจของท่านเอง”

เมื่อซื้อขายสำเร็จ เงินถูกหักออกจากบัญชีแล้ว จะอยู่ในสถานะ “รอจัดสรรวันนี้” และเมื่อดำเนินการจัดสรรกองทุนแล้ว จะแสดงผลบนพอร์ตการลงทุนในวันทำการถัดไป

สำหรับการขายคืน ให้เข้าไปที่เมนู “ขาย” ซึ่งในหนังสือชี้ชวนระบุระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน ภายใน 4 วันทำการหลังจากทำรายการขายคืน (แต่โดยทั่วไปจะได้รับเงินภายใน 2 วันทำการซื้อขายหน่วยลงทุนนับจากวันทำรายการขายคืน)

แต่อย่าเพิ่งรีบร้อนไป ... กองทุนรวม ไม่ได้อยู่ภายใต้ความคุ้มครองของสถาบันคุ้มครองเงินฝาก แต่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงาน ก.ล.ต. จึงมีความเสี่ยงจากการลงทุน ผู้ลงทุนอาจไม่ได้รับเงินลงทุนคืนเต็มจำนวน

ถ้าคิดจะลงทุนเพื่อลองศึกษาผลตอบแทน มูลค่าสั่งซื้อขั้นต่ำครั้งแรก 1 บาท ไม่น่าจะทำให้เจ็บตัวมากนัก แต่ขอย้ำว่าการลงทุนในกองทุนรวม “ไม่ใช่การฝากเงิน”

การลงทุนอีกอย่างหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมก็คือ “ออมทองคำ” เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่า จากเมื่อก่อน คนทั่วไปที่ไม่ได้มีฐานะ หรือร่ำรวยเป็นเศรษฐี มีโอกาสซื้อทองรูปพรรณเพียงไม่กี่ครั้งในชีวิต

ปัจจุบัน มีร้านทองรายใหญ่บางแห่ง เปิดโอกาสให้ลูกค้าเข้าโปรแกรมออมทองคำ โดยฝากเงินไว้กับร้านทองเพื่อคำนวณตีเป็นมูลค่าทองคำ เมื่อสะสมน้ำหนักครบตามที่กำหนด บวกค่าพรีเมียม ก็รับทองคำแท่งของจริงที่ร้านทองได้เลย

ที่ผ่านมา การออมทองคำตามร้านทองรายใหญ่ มักจะซื้อทองในโปรแกรมออมทองคำ ขั้นต่ำอยู่ที่ 1,000 บาทต่อครั้ง แต่พบว่ามี “สตาร์ทอัพ” รายหนึ่งสัญชาติมาเลเซีย กำลังจะเปิดตัวในไทยเร็วๆ นี้

ที่น่าตกใจ คือ สามารถฝากเงินขั้นต่ำเพื่อซื้อทองได้ เพียง 10 บาทเท่านั้น!

สตาร์ทอัพรายนี้ ก่อตั้งในมาเลเซียเมื่อปี 2558 โดยต้องการให้สามารถซื้อ-ขายทองคำตามหลักศาสนาอิสลาม และให้ทุกคนสามารถเข้าถึงการออมด้วยทองคำได้ ปัจจุบันมีลูกค้าราว 16,000 ราย

ในปีนี้ สตาร์ทอัพรายนี้ได้เข้ามาทำการตลาดในไทย และเริ่มให้ดาวน์โหลดแอปฯ สำหรับบุคคลที่มีสัญชาติไทยเมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2562 ที่ผ่านมา มีขั้นตอนสมัครคือกรอกข้อมูล ถ่ายรูปบัตรประชาชน และเซลฟี่ใบหน้าตัวเองเพื่อยืนยันตัวตน

เมื่อบัญชีได้รับอนุมัติ จะต้องฝากเงินเพื่อซื้อทอง โดยช่องทางชำระเงินมีให้เลือกระหว่าง “โอนจากธนาคาร” โดยไม่เสียค่าธรรมเนียม แต่ต้องส่งหลักฐานการฝากเงินผ่านอีเมล และใช้เวลาตรวจสอบรายการที่ช้าอย่างน้อย 1 วันทำการ

อีกอย่างหนึ่ง คือ “iBanking” มีให้บริการ 4 ธนาคาร คิดค่าธรรมเนียมขึ้นอยู่กับการฝากเงิน เช่น ฝากเงินเพื่อออมทอง 10 บาท จะเสียค่าธรรมเนียม 41 สตางค์ เท่ากับต้องจ่ายไป 10.41 บาทต่อครั้ง

เมื่อโอนเงินเพื่อซื้อทอง และได้รับการยืนยันแล้ว จะนำไปคำนวณเพื่อสะสมยอดทองคำเป็นจำนวนกรัม โดยมีทศนิยม 3 หลัก และเมื่อสะสมครบตามต้องการก็ทำรายการถอนออกเป็นทองคำ หรือขายคืนเป็นเงินก็ได้

สำหรับค่าธรรมเนียมนั้น สตาร์ทอัพรายนี้จะคิดค่าการจัดการดูแลทองคำ 2% ต่อปี ซึ่งจะคำนวณจากมูลค่าและระยะเวลาออมทองคำเป็นรายวัน คิดค่าบริการเป็นรายเดือน

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป็นเพียงการทดลองแล้วนำมาเล่าสู่กันฟังเท่านั้น เพราะยังมีความไม่ชัดเจนหลายอย่าง โดยเฉพาะกฎหมายและหน่วยงานที่กำกับดูแล อีกทั้งยังไม่ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการแก่สาธารณชน จึงขอสงวนชื่อสตาร์ทอัพรายนี้ไว้ก่อน

เพียงแต่ที่เขียนลงไปนั้น จะแสดงให้เห็นว่า เมื่อฟินเทคสร้างช่องทางการลงทุน เปิดโอกาสให้คนที่มีเงินจำนวนน้อยๆ 1 บาท หรือ 10 บาทก็ลงทุนได้ หากผลตอบรับดี ก็คงกระทบไปถึงสถาบันการเงินที่ต้องปรับตัวอีกครั้งในยุค Digital Disruption แบบไม่มีที่สิ้นสุด
กำลังโหลดความคิดเห็น