xs
xsm
sm
md
lg

งานไม่ง่ายของพลังประชารัฐ

เผยแพร่:   โดย: พระบาท นามเมือง


นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มสามมิตร มุ้งใต้ปีกของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เคยมั่นใจใน “กลไก” ของรัฐธรรมนูญ ถึงขนาดกล้าประกาศว่า “รัฐธรรมนูญฉบับนี้ดีไซน์มาเพื่อพวกเรา” ที่หมายถึงพรรค พปชร.

เช่นเดียวกับที่ทนายวันชัย สอนศิริ ออกมาเปิดเผยว่า เป็นเจ้าของความคิดให้ ส.ว. 250 เสียง สามารถออกเสียงเลือกนายกรัฐมนตรีได้ และ ส.ว.ชุดแรกนั้น มาจากการ “หยิบ” ของ คสช.ซึ่งเป็นนัยกลายๆ ว่า เสียงทั้ง 250 นี้ “พร้อมเท” ให้ตัวหัวหน้า คสช. หากท่านประสงค์จะนั่งบนเก้าอี้ตัวนี้ต่อไป

แน่นอนว่า โดยกลไกทางการเมือง และกลไกของรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ซึ่งยังมีอีกยิบย่อยมากมายนั้น ก็ต้องยอมรับว่า พรรคพลังประชารัฐมีความได้เปรียบสูงสุดในทางคณิตศาสตร์การเมือง

และรวมถึงการที่รัฐบาล คสช.ไม่ถือว่าเป็น “รัฐบาลรักษาการ” ดังนั้น จึงสามารถทำอะไรก็ได้อย่างรัฐบาลที่มีอำนาจเต็ม ไม่ต้องถูกจำกัดการใช้อำนาจไว้เช่นเดียวกับรัฐบาลชั่วคราวที่มาจากการเลือกตั้งในระบบปกติ

ซ้ำมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 ก็ยังคงอยู่ในมือของหัวหน้า คสช. และจะเป็นเช่นนั้นไปจนกระทั่งสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ใหม่ภายหลังการเลือกตั้ง

เรียกว่า ได้เปรียบจนไม่รู้จะพูดว่าอย่างไรดีอีกแล้ว

แต่กระนั้น “ความได้เปรียบ” ดังกล่าว หากใช้พร่ำเพรื่อ หรือย่ามใจ ก็อาจจะเป็นช่องว่างช่องโหว่ หรือกลับกลายเป็นจุดอ่อนไป

เพราะความ “ได้เปรียบ” และ “พฤติกรรมเอาเปรียบ” ทางการเมืองหลายต่อหลายเรื่อง ที่กระทำลงไป ก็เป็นการบ่มเพาะ “ศัตรู” ทางการเมืองขึ้นมา อย่างที่ไม่เผาผีกัน หรือถึงจะยอม “ลงโลง” รวมกันได้ ก็อาจจะเรียกราคาแพงแน่ๆ

รวมถึงความรู้สึกของผู้คนที่ยังมีใจเป็นกลางๆ ที่เริ่มรู้สึกว่า “พรรคแนวร่วมรัฐบาล” นี้ ทำอะไร “น่าเกลียด” มากขึ้นทุกที

เช่นการแจกเงิน 500 บาท (และที่จะตามมาอีกมาก) เข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ก็เป็นเรื่องที่ถูกตั้งคำถามอย่างมาก แม้แต่คนที่ไม่ใช่ฝ่ายที่เป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐบาลมาก่อน ก็ยังรู้สึกว่าเรื่องนี้น่าเกลียดเกินไป

รวมถึงคลิปที่มีผู้ร้องเรียนว่า มีการให้ชาวบ้านต้องสมัครเป็นสมาชิกพรรค พปชร. ก่อน จึงจะได้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เรื่องนี้คงจะต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงกันต่อไป

ทั้งนี้ การใช้อำนาจที่แล้วๆ มา ของตัวหัวหน้า คสช.ซึ่งอาจจะเป็นแคนดิเดตว่าที่นายกฯ นั้น ก็ได้ก่อศัตรูไว้มากมายมิใช่น้อย

ศัตรูที่น่ากลัวที่สุด คือ “คนกันเอง”

อย่างเช่น นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. และปัจจุบันเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ก็เป็นคนหนึ่งซึ่งเคยถูกปลดออกจากตำแหน่งกลางอากาศ ที่เชื่อว่าเพราะวิพากษ์วิจารณ์กฎหมายเลือกตั้ง และกระทบชิ่งมาถึงรัฐบาลและหัวหน้า คสช.

ตอนนี้ นายสมชัย เลยกลายเป็น “หัวหอก” ที่คอยจับผิดพรรค พปชร. และกระบวนการทำงานของ กกต.ไปเลย

เรื่องโต๊ะจีน 650 ล้าน ของพรรคดังกล่าว ว่ามีหน่วยงานของราชการออกมาซื้อโต๊ะด้วย ซึ่งน่าจะผิดกฎหมาย ก็มาจากการเปิดโปงของนายสมชัย

และก็เป็นหมากเด็ด ที่ทิ่มแทงให้พรรคที่เหมือนถือความได้เปรียบไว้เต็มมือ ให้เซๆ แซ่ดๆ ไปได้

เป๋ จนแม้แต่ “เจ้าตัว” ยังออกมาปรามว่า อย่าเพิ่งประกาศชื่อตนเร็วนัก ยังไม่ได้ตอบรับใครเป็นทางการ ว่างั้นเถอะ

แต่ที่ถือว่าเป็น “หมัด” หนักที่สุดที่จ้วงเข้าใส่ตัวว่าที่นายกฯ หน้าเดิม ก็คือข้อกล่าวหาทั้ง 8 ข้อ เหตุผลที่ “ลุงตู่” ไม่ควรได้นั่งเก้าอี้นายกฯ ต่อไป ของ “คน (เคย) รักกัน” อีกคนหนึ่ง ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งในรัฐบาลด้วย คือ “หม่อมอุ๋ย” ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกฯ สมัยแรกนั่นเอง

หากกล่าวกันตรงๆ ข้อกล่าวหาหลายข้อ ก็เป็นเรื่องจุกจิกหยุมหยิม

แต่เรื่องสำคัญที่เหมือนเป็นการตีเข้าขนดหาง ก็คือข้อกล่าวหาว่า มีการเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มธุรกิจทุนใหญ่หลายต่อหลายเรื่อง มีการเอา “คน” จากกลุ่มทุนเข้ามานั่งในตำแหน่งสำคัญๆ

และเรื่องที่สะเทือนที่สุด ก็คือ ข้อกล่าวหาว่า นายกฯ และหัวหน้า คสช.จะแอบจัดตั้งบรรษัทน้ำมันแห่งชาติเป็นผู้ถือสิทธิ์ในทรัพยากรปิโตรเลียมทุกชนิดของประเทศแบบผูกขาด ซึ่งถ้าก่อตั้งได้จริงตามร่างกฎหมาย ที่ภายหลังได้มีการแก้ไขถอนออกไปแล้วนั้น ก็จะเป็นบรรษัทใหญ่ยักษ์ที่มีมูลค่ามหาศาล เป็นบ่อผลประโยชน์ขนาดมหึมา ที่ผู้มีอำนาจจะเปิดให้ใครเข้ามาตักตวงก็ได้

ข้อกล่าวหาของ “หม่อมอุ๋ย” ทั้งสองประเด็นนี้จึงค่อนข้างร้ายแรงมากทีเดียว โดยเฉพาะกับรัฐบาลที่แทบไม่เหลือจุดแข็งอะไรเลย นอกจากอ้างเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน

จนหลายคนคิดว่า อย่างน้อยยอมกับผู้นำที่บริหารประเทศไม่เก่ง ขาดวิสัยทัศน์ แต่ก็ยังซื่อสัตย์ ก็น่าจะดีกว่ามีผู้นำที่ฉลาดแต่หาประโยชน์ใส่ตัว

เรื่องมันจะตลกร้ายไปเลยว่า ในที่สุดเราอาจจะได้ตัวเลือกที่ 3 คือ ทั้งไม่มีวิสัยทัศน์ บริหารไม่เก่ง ซ้ำยังมีผลประโยชน์ทับซ้อนมีวาระซ่อนเงื่อน

นี่แค่เริ่มยกต้นๆ ของ “สังเวียนการเมือง” แบบเต็มตัวเท่านั้น ยังโดนอาวุธกันขนาดนี้

รับรองได้เลยว่า ความได้เปรียบทั้งหลายของพรรคพลังประชารัฐ และหัวหน้า คสช. ต่อให้มีแค่ไหน ก็จะต้องโดนจับตา โดนตรวจสอบ แบบพลาดมาทีก็เจ็บหนักแน่นอน.
กำลังโหลดความคิดเห็น