xs
xsm
sm
md
lg

คุ้มไหม? ‘เช่ามอเตอร์ไซค์’ เที่ยวเชียงใหม่ อีกทางเลือกนอกจากเหมารถแดง

เผยแพร่:   โดย: กิตตินันท์ นาคทอง


ในขณะที่ ‘รถแดง’ หรือรถโดยสารไม่ประจำทางภายในตัวเมืองเชียงใหม่ กำลังถูกสังคมจับตามองเรื่องบริการ โดยเฉพาะการคิดค่าโดยสารแก่นักท่องเที่ยวแพงเกินกว่าความเป็นจริง แต่อีกด้านหนึ่งพบว่าบริการให้เช่ารถ โดยเฉพาะรถจักรยานยนต์กำลังได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น นักศึกษา และวัยทำงาน

สาเหตุที่นิยมเช่ารถจักรยานยนต์ เหตุผลหลักก็คือ ถูกกว่าเหมารถแดง จะไปแหล่งท่องเที่ยวไกลแค่ไหนก็ไปได้ ครั้นจะเช่ารถยนต์ก็มีกระบวนการที่ยุ่งยาก ทั้งต้องมีบัตรเครดิต ต้องกันวงเงินบัตรเครดิต (Pre-authorization) หลักหมื่นบาท ซึ่งกว่าจะได้คืนก็ใช้เวลายาวนาน อีกทั้งการจราจรในเมืองเชียงใหม่ติดขัดไม่แพ้กรุงเทพฯ แถมถนนก็แคบกว่า

เทียบกับรถจักรยานยนต์ ไม่ว่ารถจะติดขนาดไหนก็ตาม จะซอกซอนตรงไหนก็สะดวก

ที่สถานีขนส่งผู้โดยสารเชียงใหม่แห่งที่ 2 (อาเขต) เราจะพบกับร้านเช่ารถจักรยานยนต์ไม่น้อยกว่า 4-5 แห่ง รอรับลูกค้าที่ลงมาจากรถทัวร์ เปิดให้บริการตั้งแต่เช้าจรดค่ำ นอกจากนี้เรายังจะได้พบกับร้านเช่ารถจักรยานยนต์ตามแหล่งที่พักของชาวต่างชาติอย่างถนนท่าแพ รวมทั้งถนนสายหลักอย่างถนนห้วยแก้ว

ค่าเช่ารถจักรยานยนต์ที่เชียงใหม่ เกียร์ธรรมดาเริ่มต้นที่ 200 บาทต่อวัน เกียร์ออโต้เริ่มต้นที่ 250 บาทต่อวัน ถูกกว่าแพงกว่าไม่ต่างกันมากนัก แต่ถ้าเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยม เช่น ฮอนด้า ซูเมอร์ เอ็กซ์, ยามาฮ่า สกู๊ปปี้ ไอ, ฮอนด้าคลิก 125 ราคาจะอยู่ที่ 300 บาทต่อวัน ยิ่งเป็นรุ่นใหญ่ นอกจากค่าเช่าจะสูงหลักพันบาทต่อวันแล้ว ยังต้องวางเงินมัดจำไม่น้อยกว่า 4-5 พันบาท

ร้านเช่ารถจักรยานยนต์ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากที่สุดในเมืองเชียงใหม่ คือ “ร้านบิ๊กกี้” (Bikky) มีอยู่ 4 สาขา นอกจากที่ขนส่งอาเขตแล้ว ยังมีสาขากาดสวนแก้ว สาขาถนนห้วยแก้ว และสนามบินเชียงใหม่ เรียกได้ว่าจับลูกค้าทั้งทางรถทัวร์และเครื่องบิน ข้อดีของร้านนี้ก็คือ ถ้าไม่ใช่รถรุ่นใหญ่จะไม่มีค่ามัดจำ

คราวที่แล้วมากับเพื่อนก็เคยเช่ารถจักรยานยนต์จากร้านนี้ มาคราวนี้พบว่ามีนักท่องเที่ยวจำนวนมากรอคิวรับรถไม่น้อยกว่าสิบคิว ต้องรอให้ลูกค้าที่เช่ามาเมื่อวันก่อนหน้า ถึงกำหนดนำมาส่งคืน ก่อนจะให้ลูกค้ารับรถตามลำดับ อีกทั้งในช่วงฤดูท่องเที่ยวทางร้านไม่รับจอง หลายคนทนรอไม่ไหวออกไปหาร้านอื่นก็มี

กระทั่งเราเจออยู่ร้านหนึ่งละแวกขนส่งอาเขต มีรถจักรยานยนต์ให้เลือกราว 10 รุ่น สนนราคา 250-300 บาทต่อวัน แต่ต้องจ่ายค่ามัดจำ 1,000 บาท และเก็บบัตรประชาชนเอาไว้ จะได้รับคืนเมื่อนำรถจักรยานยนต์มาคืนเรียบร้อยแล้ว

แม้ค่ามัดจำที่สูงหลายคนฟังแล้วอาจถอดใจ แต่สำหรับเราเห็นว่า ในเวลานี้ไม่มีทางเลือก ต้องทำเวลาไปที่อื่น จึงตัดสินใจเช่าร้านนี้

การเช่ารถจักรยานยนต์แต่ละร้าน มีวิธีที่ไม่ต่างกันก็คือ แจ้งกับทางร้านว่า ขอเช่ารถจักรยานยนต์ เลือกรุ่นที่ต้องการ นำบัตรประชาชนมาให้พนักงาน จากนั้นกรอกเอกสาร ชำระเงิน แล้วให้เราเลือกรถตามสีที่ต้องการ เลือกหมวกกันน็อกทั้งผู้ขับขี่และผู้ซ้อนฟรี จากนั้นพนักงานจะตรวจสภาพรถ ถ่ายรูปผู้เช่าพร้อมกับรถไว้เป็นหลักฐานก่อนส่งมอบต่อไป

แม้บัตรประชาชนจะถูกทางร้านเก็บไว้ แต่เรายังสามารถใช้ใบขับขี่ หรือหนังสือเดินทางแทนไปพลางๆ ก่อนก็ได้

ที่สำคัญ ต้องพกใบขับขี่รถจักรยานยนต์ตลอดเวลา เนื่องจากตำรวจจราจรที่เชียงใหม่ มักจะตั้งด่านและถามหาใบขับขี่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะตัวเมืองรอบใน ถามเพื่อนที่เคยไปเชียงใหม่แล้วไปเช่ารถที่นั่นเล่าว่า เดินทางมาเชียงใหม่ ลืมหยิบใบขับขี่มาด้วย ออกไปนอกเมืองไม่มีด่าน มาเจอด่านในเมือง เสียค่าปรับไป 200 บาท ใบเสร็จอยู่ได้ 3 วัน

เป็นที่น่าสังเกตว่า ตลอด 2 วัน 1 คืนที่เช่ารถจักรยานยนต์มา เราได้ไปเที่ยวไกลจากตัวเมืองเชียงใหม่ได้มากขึ้น อาทิ จุดสูงสุดในสยาม อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ 104 กิโลเมตร ปกติต้องขึ้นรถสองแถวสีเหลือง สายเชียงใหม่-จอมทอง แล้วต่อรถขึ้นดอยอินทนนท์ แต่เราใช้เวลาจากเชียงใหม่ถึงที่นี่เพียงแค่ 2 ชั่วโมงครึ่ง

หรือถ้าอยู่ใกล้ตัวเมืองเชียงใหม่ พระธาตุดอยสุเทพ เราสามารถไปได้แบบไม่ติดเวลา อย่างครั้งนี้เรารีบขึ้นไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่นั่น จากนั้นไปเที่ยวชมพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ เปิดให้เข้าชมเวลา 08.30 น. ช่วงเวลานั้นนักท่องเที่ยวมีน้อย แถมอากาศเย็นสบาย เดินเที่ยวชมได้เรื่อยๆ

ส่วนแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอื่นๆ ก็มีอย่างเช่น วัดพระธาตุดอยคำ ที่มีชื่อเสียงเรื่องหลวงพ่อทันใจ หรือจะเป็นอ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า ทะเลสาบขนาดใหญ่และขุนเขาจากดอยสุเทพตระหง่านอยู่ตรงหน้า ซึ่งถ้าเทียบกับเหมารถแดงแล้วคงจะเสียเงินเป็นพันบาท บางแห่งนักท่องเที่ยวอย่างเราก็ไปด้วยตัวเองไม่เป็น ถ้าไม่มีรถส่วนตัว

เป็นที่น่าสังเกตว่า ทางร้านให้น้ำมันมาเต็มถัง แต่เราทยอยเติมน้ำมันเพื่อรักษาระดับให้เต็มถังไปเรื่อยๆ มากบ้างน้อยบ้าง สรุปแล้วตลอด 2 วัน 1 คืนที่ขับขี่รถจักรยานยนต์เที่ยวเชียงใหม่ ระยะทางรวมกันราว 300-400 กิโลเมตร เราหมดค่าน้ำมันไปเพียงแค่สองร้อยกว่าบาทเท่านั้น พอหารกับราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 ก็ตกประมาณ 8-9 ลิตร

เทียบกับรถแดงไปพระธาตุดอยสุเทพ ถ้าเหมาคันคิดเที่ยวละ 400 บาท ไป-กลับ 800 บาท ถ้าไปแบบธรรมดาต้องรอผู้โดยสารครบ 10 คนรถถึงจะออก จากดอยสุเทพไปพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ คิดอีก 40 บาทต่อเที่ยว ไปบ้านม้งดอยปุยคิดอีก 600 บาทต่อเที่ยว ไปขุนช่างเคี่ยนคิดอีก 200 บาทต่อเที่ยว

แต่จะหมดเปลืองก็ค่าเข้าชมสถานที่ เช่น อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ค่าเข้าชมคนละ 50 บาท บวกยานพาหนะ 20 บาท, พระธาตุดอยสุเทพ ถ้าจะขึ้นรถรางไฟฟ้า (Cable Car) คนละ 20 บาท, พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ ค่าเข้าชมคนละ 20 บาท, อ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า ค่าบำรุงสถานที่คนละ 20 บาท ไม่นับรวมค่ากิน ค่าอยู่แบบจิปาถะ

เราถามเพื่อนว่า ขับขี่รถจักรยานยนต์ที่เชียงใหม่ มีอะไรที่ต้องระวังเป็นพิเศษไหม เพื่อนก็ตอบว่าไม่มี เว้นเสียแต่ว่าต้องระมัดระวังในบางเส้นทาง เช่น ทางขึ้นพระธาตุดอยสุเทพ หรือทางขึ้นดอยอินทนนท์ ต้องเจอกับทางขึ้นลาดชันและทางโค้งที่คดเคี้ยว แต่ถ้าเคยขับขี่เส้นทางแนวนี้มาแล้วก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด

การเช่ารถจักรยานยนต์เที่ยวเชียงใหม่ เมื่อเทียบกับเหมารถแดงไปยังที่ต่างๆ แม้จะถือว่าคุ้มก็จริง แต่นอกจากต้องเติมน้ำมันเองแล้ว ยังต้องใช้ความระมัดระวังเมื่อขับขี่ออกนอกเมือง รวมทั้งมารยาทการขับรถในเมืองเชียงใหม่ ยิ่งมาเจอนักท่องเที่ยวบางชาติ ที่ขับรถแบบไม่เคารพกฎจราจรแล้ว ก็ต้องยิ่งเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น

สิ่งสำคัญที่ควรรู้ก่อนที่จะเช่ารถจักรยานยนต์เที่ยวเชียงใหม่ คือ ต้องศึกษาเส้นทางไว้ล่วงหน้า เพราะในตัวเมืองเชียงใหม่ บางแห่งเดินรถทางเดียว (วันเวย์) ต้องขับอ้อมก็มี บางเส้นทางอย่างถนนช้างม่อยตัดใหม่ก็ทำเป็นแบบเลนฝรั่ง คือ รถสวนทางอยู่ทางซ้าย หรือถนนวงแหวนรอบ 3 ช่วงถนนเชียงใหม่-ลำพูน จู่ๆ ลอดอุโมงค์โดยไม่เชื่อมอะไรเลยก็มี

ถือเป็นอีกทางเลือกสำหรับนักท่องเที่ยวที่จะไปเชียงใหม่ สิ่งสำคัญก็คือไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ต้องรักษากฎจราจรเหมือนขับขี่ที่กรุงเทพฯ และอย่าลืมสวมหมวกกันน็อกทุกครั้ง

---

คำแนะนำเมื่อเช่ารถจักรยานยนต์เที่ยวเชียงใหม่

- ควรเลือกรุ่นที่ขับขี่แล้ว ผู้ขับขี่รู้สึกสบาย เพราะต้องไปเที่ยวระยะทางที่ไกลๆ ทั้งวัน
- บางร้านอาจไม่มีค่ามัดจำรถ แต่ยังมีบางร้านที่ขอเก็บค่ามัดจำ นอกจากจะต้องเตรียมค่าเช่ารถจักรยานยนต์แล้ว ควรเตรียมเงินมัดจำมาด้วยอย่างน้อย 1,000 บาท
- ควรตรวจสอบสภาพรถจักรยานยนต์ร่วมกับพนักงานร้าน ว่ามีรอยตำหนิตรงไหน ก่อนนไออกจากร้าน เราอาจจะถ่ายรูปเก็บเป็นหลักฐานเอาไว้เลยก็ได้ เพื่อยืนยันกับพนักงานเวลาส่งคืนรถ
- ควรดูเงื่อนไขของทางร้าน ทั้งการให้ยืมและส่งคืนรถ บางร้านระยะเวลาเช่ารถคิดเป็น 24 ชั่วโมง เช่น เช่าเวลา 09.00 น. ต้องเอามาคืนภายในเวลา 09.00 น. วันสุดท้าย
- อย่าลืมหยิบหมวกกันน็อก ทางร้านให้ยืมฟรีเมื่อเช่ารถกับทางร้าน
- เวลาส่งคืนรถ ควรดูเวลาเปิด-ปิดของร้านให้ดีเพื่อไม่ให้เสียเที่ยว
- อย่าลืมเติมน้ำมันให้เต็มถังก่อนส่งคืนรถ ไม่อย่างนั้นจะเสียค่าปรับ
- บางร้านส่งคืนรถจักรยานยนต์นอกสถานที่ได้ แต่อาจจะมีค่าบริการเพิ่ม
กำลังโหลดความคิดเห็น