วริษฐ์ ลิ้มทองกุล
ระหว่างทริป International Visitor Leadership Program (IVLP) ในหัวข้อ การบริหารข้อเท็จจริงในยุคสื่อดิจิทัล --- โครงการสำหรับประเทศไทย (MANAGING FACTS IN THE AGE OF DIGITAL MEDIA—A PROJECT FOR THAILAND) จัดโดยกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ผมกับพี่ ๆ น้อง ๆ สื่อมวลชนไทยมีโอกาสได้แวะไปที่เมืองคลีฟแลนด์ ในมลรัฐโอไฮโอ ทางตอนกลางของสหรัฐฯ
บอกตามตรง ถ้าทางกระทรวงต่างประเทศ สหรัฐฯ ไม่ได้จัดโปรแกรม ชีวิตนี้ผมคงไม่ได้มาเมืองนี้แน่ ๆ สิ่งที่ผมรู้จักเกี่ยวกับชื่อ “คลีฟแลนด์” ก็มีเพียงแค่ทีมบาสเกตบอล อย่างคลีฟแลนด์ คาวาเลียร์ อดีตแชมป์เอ็นบีเอในฤดูกาล 2016 และทีมอเมริกันฟุตบอลคือ คลีฟแลนด์ บราวน์ ส่วนเรื่องอื่น ๆ นั้นยอมรับว่าแทบจะบอดใบ้เลยทีเดียว
เมื่อค้นข้อมูลคร่าว ๆ และฟังจากคำบอกเล่าของไกด์ท้องถิ่น “คลีฟแลนด์” ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของทะเลสาบอิรี ในอดีตเมืองคลีฟแลนด์เคยมีประชากรมากถึงเกือบหนึ่งล้านคน และเคยติดอันดับ ท้อป 5 ของเมืองที่มีประชากรมากที่สุดของสหรัฐฯ ด้วยอุตสาหกรรมเหล็กที่เฟื่องฟู
ช่วงปลายศตวรรษที่ 19 จอห์น ดี. ร็อกกีเฟลเลอร์ มหาเศรษฐีนักธุรกิจอเมริกันผู้ก่อตั้งบริษัทสแตนดาร์ด ออยล์ และมูลนิธิร็อกกีเฟลเลอร์ ผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็นชาวอเมริกันที่ร่ำรวยที่สุดในช่วงประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของสหรัฐฯ ก่อตั้งบริษัทสแตนดาร์ด ออยล์ ขึ้นที่คลีฟแลนด์
ในช่วงต้นศตรรษที่ 20 คลีฟแลนด์กลายเป็นศูนย์กลางของการขนส่ง การค้า การคมนาคม และอุตสาหกรรมการผลิตหลายอย่าง อาทิ รถยนต์ ด้วยเหตุนี้คลีฟแลนด์จึงกลายเป็นเมืองร่ำรวยและมีมหาเศรษฐีนักธุรกิจเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก
ที่น่าสนใจ และน่าเอาเป็นเยี่ยงอย่างมาก ๆ ก็คือ เหล่ามหาเศรษฐีชาวคลีฟแลนด์นั้นมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และให้การสนับสนุนด้านกิจการสาธารณะในทุกด้าน จนทำให้คลีฟแลนด์กลายเป็นเมืองศิลปวัฒนธรรมที่เลื่องชื่อที่สุดเมืองหนึ่งของสหรัฐอเมริกา มีวงออเคสตราที่ติดอันดับต้น ๆ ของโลก รวมไปถึงเป็นแหล่งสะสมงานศิลปะจากทั่วโลก ซึ่งถูกจัดแสดงอยู่ ณ พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งคลีฟแลนด์ (Cleveland Museum of Art หรือ CMA) ที่ผมกำลังจะกล่าวถึงนี้ด้วย
พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งคลีฟแลนด์ ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1913 ด้วยเงินบริจาคของนักธุรกิจอุตสาหกรรม 3 คนนาม Hinman Hurlbut, John Huntington และ Horace Kelley พิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่บริเวณตอนใต้ของสวน Wade Park ย่าน University Circle โดยสวนแห่งนี้ก็ได้รับการบริจาคที่ดินโดย Jeptha H. Wade มหาเศรษฐีชาวอเมริกันอีกผู้หนึ่งตั้งแต่ปี ค.ศ.1881 โดยอาคารของพิพิธภัณฑ์ถือเป็นจุดไฮไลท์ของสวนแห่งนี้เลยทีเดียว
ปัจจุบัน พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งคลีฟแลนด์ สะสมงานศิลปะจากทั่วโลกเอาไว้กว่า 45,000 ชิ้นจากทั่วโลก และมีชื่อเสียงอย่างยิ่งในคอลเลคชันศิลปะจากทวีปเอเชียและอียิปต์ นอกจากนี้ยังสะสมงานของศิลปินระดับโลกเอาไว้เพียบ ยกตัวอย่างที่คนไทยรู้จักกันในวงกว้างเช่น โมเน่, แวนโก๊ะ, ปิกัสโซ, ดาลี ฯลฯ
ในด้านเงินทุนพิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีเงินทุนมากถึง 750 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มากที่สุดเป็นอันดับ 4 ในหมู่พิพิธภัณฑ์ศิลปะทั่วสหรัฐฯ และมีงบประมาณในการซื้อ/ประมูลงานศิลปะชิ้นใหม่ ๆ มากถึงปีละ 13 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 425 ล้านบาท)
แม้ทุกวันนี้เศรษฐกิจของเมืองเมืองคลีฟแลนด์จะถดถอยไปจากช่วงกลางศตวรรษที่ 20 มากพอสมควร ด้วยการเปลี่ยนแปลงทางภาวะเศรษฐกิจและการเคลื่อนย้ายฐานการผลิตของอุตสาหกรรม (แต่เมืองนี้ก็ยังมีชื่ออยู่ในเรื่อง โรงพยาบาลที่ยอดเยี่ยม ความล้ำหน้าทางด้านเทคโนโลยีชีวภาพ และสถาบันการศึกษาชื่อดัง) ทำให้ปัจจุบันจำนวนประชากรในเมืองคลีฟแลนด์ลดเหลือเพียงไม่ถึง 4 แสนคน แต่ชาวคลีฟแลนด์ต่างก็สามารถยืดอกภาคภูมิใจว่าในเมืองของพวกเขามีพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่สะสมงานระดับสุดยอดไว้ไม่แพ้เมืองใดในโลก
ที่สำคัญพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เปิดให้ทุกคนเข้าชมได้ฟรี โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ตามแนวคิดของตระกูล Wade ที่เคยกล่าวเอาไว้ว่า “สถานที่แห่งนี้จะดำรงอยู่เพื่อประโยชน์สุขของผู้คน ตลอดไป (for the benefit of all people, forever)”
วันนี้ผมขอพาไปชมบางส่วนของสุดยอดผลงานศิลปะที่ได้ชื่อว่าเป็นมรดกร่วมกันของมนุษยชาติ