xs
xsm
sm
md
lg

Review : ซื้อจริงใส่จริง! “เสื้อเชิ้ตเบอร์ 5” ของ ARROW ที่เขาว่าสวมได้ไม่ต้องรีด

เผยแพร่:   โดย: กิตตินันท์ นาคทอง


รู้จัก “โครงการเสื้อผ้าเบอร์ 5” มาได้สักพักแล้ว

เป็นโครงการของ “การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย” (กฟผ.) ที่ให้ผู้ประกอบการไปผลิตเสื้อผ้าแบบไม่ต้องรีด เพื่อให้ผู้บริโภคสวมใส่ได้ทันที ลดใช้ไฟฟ้าลง ประหยัดพลังงานในชีวิตประจำวัน

ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2560 กฟผ. ไปทำเอ็มโอยูกับผู้ผลิตเสื้อผ้าชั้นนำ 22 บริษัท จัดทำเสื้อเบอร์ 5 โดยปรับปรุงเนื้อผ้าและการตัดเย็บ ก่อนจะทดลองเป็นเวลา 1 ปี เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2561 ที่ผ่านมา

แนวคิดหลักก็คือ ผลิตเสื้อผ้าที่ใส่สบายและไม่จำเป็นต้องรีดหลังจากการซัก สามารถอยู่ในห้องปรับอากาศที่มีอุณหภูมิสูงกว่า 25 องศาเซลเซียสได้โดยไม่อึดอัด

โดยมีคุณสมบัติหลักก็คือ สารเคมีและสีย้อมปลอดภัยจากสารก่อมะเร็ง และโลหะหนัก เนื้อผ้าแข็งแรง สีคงทนต่อแสงแดดและเหงื่อ ดูดซึมและถ่ายเทความร้อนได้ดี ทำให้เย็นสบายยามสวมใส่ สามารถซักแล้วใส่ได้เลยโดยไม่ต้องรีด

กฟผ. ตั้งเป้าหมายว่า จะผลิตเสื้อผ้าเบอร์ 5 ประมาณ 1.7 ล้านตัวออกสู่ตลาด ถ้ามีคนใส่พร้อมกันจะช่วยประหยัดไฟฟ้า 7 ล้านหน่วยต่อปี หรือ 28 ล้านบาทต่อปี และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 3,600 ตันต่อปี

ระยะต่อไป จะรณรงค์ขอความร่วมมือให้ทุกหน่วยงานพันธมิตรตัดเย็บเสื้อผ้าเบอร์ 5 เป็นเครื่องแบบ รวมถึงจัดทำชุดนักเรียน นักศึกษา ด้วยผ้าเบอร์ 5 และปรับปรุงประสิทธิภาพกางเกงและกระโปรงเพื่อติดฉลากเบอร์ 5 อีกด้วย

ปัจจุบัน มีเสื้อผ้าที่ได้รับเครื่องหมายเบอร์ 5 จำนวน 19 แบรนด์ ได้แก่ ALPHA, ARROW, ASAVA, BSC COOL, EQUINOX, F5, GOLDEN, GOODSTART, GUY LAROCHE, HART SPORT WEAR, I-TEX, MEETANA FOREVER, MOS, PACIFIC KNITTING FACTORY, PASAYA, RACE, TTP, VIZ และ WACOAL BLOUSE รวม 88 รุ่น ส่วนใหญ่จะเป็นเสื้อเชิ้ต

บางยี่ห้อเริ่มที่จะจำหน่ายในท้องตลาดกันบ้างแล้ว แต่ราคายังถือว่าสูงอยู่

เมื่อหลายเดือนก่อน ไปเดินเล่นงานแสดงสินค้า “สหกรุ๊ปแฟร์” ที่ไบเทค บางนา เห็นเสื้อเบอร์ 5 อยู่แบรนด์หนึ่ง ก็ลองไปจับเนื้อผ้าดูก่อนจะถามพนักงาน พบว่าราคาอยู่ที่ประมาณ 1,100-1,400 บาท เลยไม่กล้าควักระเป๋าสตางค์ซื้อ

กระทั่งวันหนึ่ง ลองเปิดเว็บช้อปปิ้งออนไลน์แห่งหนึ่ง ปรากฎว่ามี เสื้อเชิ้ตประหยัดไฟเบอร์ 5 ของ ARROW ลดราคาจากปกติ 1,490 บาท เหลือเพียง 990 บาท แต่มีให้เลือกเพียง 2 สี คือ สีฟ้า และสีขาว

ด้วยความที่ราคาไม่ถึงพัน ก็เลยตัดสินใจซื้อมาลองใส่ดู เคล็ดลับเวลาช้อปออนไลน์ก็คือ นอกจากจะพยายามซื้อสินค้าในช่วงลดราคาแล้ว จะพยายามหาคูปองส่วนลดจากพาร์ทเนอร์ต่างๆ เพื่อให้ลดราคาลงไปอีก

ในที่สุดก็ได้เสื้อเชิ้ต ARROW ตัวนี้มา เป็นรุ่น AZ746BUMX7S แบบ SMART ได้รับฉลากเบอร์ 5 โดยวัดความเรียบของผ้า (SA) มากกว่าหรือเท่ากับ 4.0 และ ความเรียบของตะเข็บ (SS) มากกว่าหรือเท่ากับ 4.0

ดูจากภายนอกก็ไม่ต่างไปจากเสื้อเชิ้ต ARROW ทั่วไป เนื้อผ้าจับดูแล้วมีความรู้สึกไม่บาง มีความหนาอยู่บ้าง หลังได้รับเสื้อเชิ้ตแล้ว ก็ให้ที่บ้านเอาไปซัก แล้วก็รีดก่อนจะสวมใส่ไปทำงานตามปกติ

ที่บ้านซึ่งจะรีดผ้าให้เป็นประจำ บอกว่า เสื้อเชิ้ตตัวนี้รีดง่ายกว่าเดิม ใช้เวลาไม่นานนัก เทียบกับเสื้อเชิ้ตตัวที่ผ่านมา เวลารีดต้องคอยพยายามทำให้เรียบในแต่ละส่วน จึงต้องใช้เวลานานกว่า

มาถึงนาทีฉุกเฉิน ... เมื่อถึงคราวต้องรีบออกไปทำงานกะทันหัน และที่บ้านยังไม่ได้รีดเสื้อเชิ้ตให้ เราตัดสินใจสวมเสื้อเชิ้ตเบอร์ 5 โดยที่ยังไม่ได้รีด ส่วนกางเกงเป็นยีนส์สีดำ ถ้าไมรีดก็ยังพอเนียนๆ ได้

เวลาทำงานผ่านไปสักระยะ ตัดสินใจเรียกเพื่อนร่วมงานให้มาช่วยดู พบว่ามองจากภายนอก ยังแสดงให้เห็นว่าไม่ได้รีดมาจากบ้านอยู่บ้าง แต่ยังมีส่วนคอเสื้อ ปกเสื้อ และบริเวณไหล่ที่ยังคงความเรียบอยู่บ้าง

อาจเป็นเพราะปกติเวลาซักเสื้อผ้า จะซักด้วยเครื่องซักผ้าเป็นหลัก ทำให้สภาพออกมามีรอยยับอยู่บ้าง ถ้าซักมือแบบไม่ต้องขยี้ แช่น้ำยาปรับผ้านุ่ม ล้างน้ำแล้วตากให้แห้ง สภาพน่าจะออกมาดีกว่านี้

ส่วนกางเกงที่จะใส่กับเสื้อเชิ้ต ในยามที่ไม่ได้รีดเสื้อผ้า ถ้าไม่เป็นทางการอาจจะใส่คู่กับกางเกงยีนส์ กางเกงแทกติคอล (Tactical Pants) สีเข้ม หรือไม่อย่างนั้นก็กางเกงสแลคทรงกระบอก แบบไม่มีจีบหน้าก็ยังพอไหว

ที่น่าคิดก็คือ แม้จะชูคอนเซ็ปต์ว่าเป็นเสื้อยืดประหยัดไฟ ใส่ได้ไม่ต้องรีด แต่เมื่อราคาขายหลักพันบาท ถ้าเป็นผู้มีรายได้น้อย อาจจะมองว่าแพงเกินไปสำหรับพวกเขา น่าเป็นห่วงว่าอาจจะไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร

เพราะตามห้างฯ โมเดิร์นเทรด เสื้อเชิ้ตธรรมดา ราคาประมาณ 299-499 บาท ถ้าตามแหล่งค้าผ้า เช่น บางลำภู พาหุรัด หรือที่เคยซื้อ อย่างหน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหง เสื้อเชิ้ตผ้าเนื้อหนาขึ้นมาหน่อยราคาจะอยู่ที่ 370 บาท

ยิ่งถ้าเป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวสำหรับนิสิต นักศึกษา ราคาก็ไม่ถึง 200 บาท ทั้งที่คนกลุ่มนี้ควรจะได้รับการส่งเสริมให้ใส่เสื้อประหยัดไฟเบอร์ 5 ด้วยซ้ำ เพราะซักง่าย รีดง่าย ใส่ง่าย เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนที่อยู่หอพักประจำ

ถ้าจะนำเสื้อผ้าเบอร์ 5 ตีตลาดกลุ่มคนเหล่านี้ ควรที่จะขายในราคาที่แพงกว่าเสื้อเชิ้ตตามท้องตลาดเพียงเล็กน้อย และสร้างความแตกต่างเพื่อให้ผู้บริโภคเห็นว่าคุ้มค่าพอที่จะเสียเงินไป

แต่ไม่ใช่แพงกว่ากันหลายเท่าตัวจนถูกมองข้าม

โดยส่วนตัวมีหลักคิดอยู่ว่า ถ้าเสื้อผ้าราคาแพงไม่ลด หรือลดได้แค่เล็กน้อย จะมองข้ามทันที แต่คิดไว้ก่อนเลยว่าเราอยากซื้ออะไร อยากได้อะไ รอจังหวะช่วงลดราคาก่อน มีเงินพอช้อปปิ้งแบบไม่เดือดร้อนแล้วค่อยซื้อ

อย่างแบรนด์ ARROW ก็เป็นของเครือสหพัฒน์ ลองไปโฉบๆ ตามงานสหกรุ๊ปแฟร์ ซึ่งจะจัดขึ้นปีละครั้งก็ได้ หรือไม่ก็ตามห้างสรรพสินค้า จัดโปรโมชั่นลดราคา ถ้าสตางค์พร้อมแล้วไม่เดือดร้อนตัวเราเองค่อยช้อป

แต่สำหรับช้อปปิ้งออนไลน์ จะพยายามเปรียบเทียบเว็บต่างๆ ว่าราคาของเว็บไหนถูกที่สุด แล้วดูว่าจะใช้คูปองจากพาร์ทเนอร์ เช่น บัตรเครดิต ค่ายมือถือ ฯลฯ มาผสมกันเพื่อให้จ่ายได้น้อยลงได้หรือไม่ ถึงจะตัดสินใจซื้อ

ถามถึงราคาเมื่อเทียบกับความคุ้มค่า ในความรู้สึกส่วนตัว เนื่องจากแบรนด์ ARROW เป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียง ราคาจึงเทียบไม่ได้กับเสื้อเชิ้ตที่มีอยู่ในท้องตลาด หรือตามห้างโมเดิร์นเทรด ยิ่งเป็นเสื้อเชิ้ตนักศึกษายิ่งเทียบกันไม่ได้อีก

แต่จากประสิทธิภาพในการรีด และสวมใส่ตลอดวัน ถือว่า “ให้ผ่าน” เพราะข้อดีก็คือรีดง่าย และแม้จะไม่ได้รีด ก็ยังคงความเนี้ยบในบางจุด พอออกไปไหนมาไหนได้แบบไม่น่าเกลียดนัก

เสียดายอย่างหนึ่ง ที่ขายในช้อปปิ้งออนไลน์ตัวเลือกมีแค่ “สีขาว” กับ “สีฟ้า” ซึ่งถือว่าน้อยเกินไป

ถ้าในอนาคตจะทยอยออกสีอื่นๆ เช่น สีชมพู สีเหลือง สีเทา ฯลฯ พร้อมกับราคาที่ลดลง เพื่อเป็นทางเลือกจูงใจแก่ผู้บริโภคก็คงจะดีกว่านี้
กำลังโหลดความคิดเห็น