ช่วงนี้คนที่ใช้มือถือระบบเติมเงินต้องประสบปัญหา เติมเงินไปแล้ว ไม่กี่วันต่อมายอดเงินกลับหมดเกลี้ยง โดยเฉพาะในหมู่ผู้สูงอายุ วัยกลางคน รวมทั้งคนที่ไม่รู้เท่าทันเทคโนโลยีและกลลวงจากมิจฉาชีพต่างๆ
ปัญหานี้สืบเนื่องมาจากเทคโนโลยีโทรศัพท์มือถือที่เปลี่ยนไป ทุกวันนี้ก็เปลี่ยนจากแบบปุ่มกด มาเป็นสมาร์ทโฟน มีลูกหลานซื้อให้พ่อแม่หรือญาติผู้ใหญ่ เพื่อหวังที่จะได้ใช้ของดีๆ ถ่ายรูป ถ่ายวีดีโอได้ เล่นเฟซบุ๊ก เล่นไลน์ ส่งภาพสวัสดีตอนเช้า
คนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะใช้มือถือระบบเติมเงิน เนื่องจากควบคุมค่าใช้จ่ายได้ พ่อแม่หรือญาติผู้ใหญ่อาจจะเติมเงินตามร้านค้า หรือถือสบายหน่อยก็มีลูกหลานช่วยเติมเงินให้ เดี๋ยวนี้เติมผ่านแอปพลิเคชั่นธนาคารหรืออี-วอลเลทก็ได้
ยิ่งค่ายมือถืออย่างดีแทค ให้ลูกค้ารายเดือน เติมเงินให้ลูกค้าดีแทคเติมเงินได้แล้ว โดยหักจากหมายเลขรายเดือน บวกค่าบริการ 2 บาท พอตัดรอบบิลค่อยไปจ่าย เปรียบเหมือนบัตรเครดิต ที่เอาเงินอนาคตมาใช้ก่อน
ถือว่าสะดวก แต่ก็อย่าใช้บ่อยเกินไป ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวบิลมาจะเกิดอาการช็อกเอา!
ปัญหาที่ยอดเงินในมือถือเติมเงิน ถูกหักบริการ SMS ที่ถูกคิดเงิน (ขอเรียกสั้นๆ ว่า SMS กินเงินละกัน ง่ายดี) ทั้งที่ไม่ได้สมัคร ยังตามมาหลอกหลอนทุกผู้ทุกคนในสังคมไทย
ไม่เว้นแม้กระทั่งครอบครัวของผู้เขียนเอง
วันหนึ่ง ที่บ้านซึ่งเป็นวัยผู้สูงอายุ บอกให้เราช่วยเติมเงินมือถือให้หน่อย เพราะตอนนี้ยอดเงินหมดแล้ว เราก็นึกเอะใจ เพราะเพิ่งจะเติมเงินไปไม่ถึงเดือน แถมจำนวนที่เติมก็ไม่ใช่น้อยๆ ด้วย
ถ้าเป็นเพราะคิดค่าใช้อินเตอร์เน็ตก็ไม่ใช่ เพราะแพ็คเกจที่ใช้ความเร็วไม่จำกัด 64 Kbps. เท่านั้น และส่วนใหญ่จะใช้ไว-ไฟที่บ้าน มีออกไปใช้นอกบ้านในบางครั้ง ข้อที่ว่าคิดค่าใช้อินเตอร์เน็ตตามปริมาณที่ใช้ก็ตัดทิ้งไป
เหลืออยู่ข้อเดียว คือ ถูกหักเงินค่าบริการ SMS กินเงิน เลยตัดสินใจโทรศัพท์ไปที่ *137 ซึ่งเป็นบริการของ กสทช. ร่วมกับค่ายมือถือ โดยกด 2 “ยกเลิกบริการ SMS ที่สมัครและถูกคิดเงิน” แล้วกด 1 เพื่อยืนยัน
ไม่กี่นาทีต่อมา SMS แจ้งเตือนว่า “ระบบได้ยกเลิกบริการ ... เรียบร้อยแล้ว”
ถามที่บ้าน ยืนยันว่าไม่เคยกดสมัครใช้บริการใดๆ บางทีกดออกจากโปรแกรมมันก็ไม่ออก ต้องกดอะไรสักอย่างถึงจะออก ฟังอย่างนี้พออนุมานได้ว่า เมื่อคลิกลิงค์เนื้อหาข่าว หรือวีดีโอคลิปแล้ว พอกดออกน่าจะเจอกลลวงให้สมัครบริการเข้าไป
ลักษณะอาจจะมีสองส่วน คือ คนทำเว็บเพจจงใจ กับ คนทำเว็บไม่จงใจ แต่เกิดจากโปรแกรมโฆษณาที่เป็น Affiliate Program แล้วคนลงโฆษณากลับเป็นพวกใช้กลลวงเพื่อล่อให้คนเข้ามาคลิก โดยไม่รู้ว่าเป็นการสมัครบริการ
อีกกรณีหนึ่ง ก่อนหน้านี้นั่งรถวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ให้ไปส่งที่ห้างฯ แถวบ้าน ลุงคนขับถามว่า “ที่ห้างฯ มีศูนย์เอไอเอสไหม” ก็ตอบไปว่ามี บอกว่าอยู่ชั้นไหนกันไป
ลุงบอกว่า จะให้ที่ศูนย์เอไอเอสช่วยดูให้หน่อย เดี๋ยวนี้มือถือเป็นอะไรไม่รู้ เติมเงินไป 2-3 วัน ยอดเงินก็หมดแล้ว เป็นแบบนี้บ่อยครั้งมาก ถามว่าสมัครอะไรไว้หรือเปล่า ลุงก็ตอบว่า “ไม่รู้” คิดในใจว่าสงสัยจะเจอ SMS กินเงินแน่ๆ
เราจึงบอกกับลุงคนขับว่า “เดี๋ยวผมช่วยดูให้ ลุงหยิบมือถือมาให้ผมดูหน่อย”
หลังจากมอเตอร์ไซค์มาถึงหน้าห้างฯ ลุงก็เปิดเบาะมอเตอร์ไซค์ หยิบมือถือส่งมาให้ พร้อมกับบอกว่า “เนี่ย ต้องปิดมือถือ ไม่รู้ว่าจะถูกหักเงินอะไรอีก” เมื่อเปิดเครื่องแล้ว เรากด *137 โดยพลัน ทำตามระบบตอบรับอัตโนมัติ
ปรากฎว่าหลังวางสาย SMS แจ้งเตือนว่า ยกเลิกบริการ SMS ส่ง MV ใหม่ของค่ายเพลงแห่งหนึ่งเรียบร้อยแล้ว ซึ่งก็ไม่รู้ว่าค่าบริการเท่าไหร่ แต่จากที่ฟังลุงคนขับเล่าให้ฟัง ก็น่าจะเยอะพอสมควร
เราส่งมือถือคืนให้ลุงคนขับ แล้วบอกว่า “ลุงโดน SMS คิดเงิน ผมยกเลิกให้เรียบร้อยแล้วล่ะ”
ลุงคนขับยืนยันว่า ไม่เคยสมัครบริการใดๆ เลย ส่วนใหญ่มีไว้รับสายเวลามีคนติดต่อจ้างงานเท่านั้น เนื่องจากลุงคนขับเป็นช่างไฟด้วย ก่อนที่จะขอบคุณแล้วต่างคนต่างแยกย้ายกันไป
อาจเรียกได้ว่า SMS กินเงิน เป็นปัญหาใกล้ตัวที่หลายคนประสบพบเจอ แม้ต่อให้เจ้าของเครื่องไม่ได้สมัครก็ตาม อาจเรียกได้ว่าเป็นอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เป็นภัยเงียบที่ทำให้เสียเงินแก่บริษัทที่ทำธุรกิจไม่ซื่อสัตย์ไปฟรีๆ
"กลุ่มบริษัทมิจฉาชีพ" เหล่านี้ ใช้หลากหลายวิธีเพื่อหลอกล่อเหยื่อให้ได้ ยิ่งทุกวันนี้ผู้คนเสพติดโซเชียล อาจจะอาศัยเทคโนโลยีจากการทำเว็บเพจหรือโปรแกรมโฆษณา หลอกล่อให้คนกดเข้าไปดูแล้วกลายเป็นการสมัครบริการโดยไม่รู้ตัว
แม้ กสทช. จะแก้ปัญหาด้วยการให้ค่ายมือถือใหญ่ทั้ง 3 แห่ง จัดทำบริการ *137 ให้ประชาชนยกเลิก SMS ที่ถูกคิดเงินได้ง่ายๆ แต่ก็เป็นเพียงแค่การแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ไม่อาจหยุดยั้งไปที่ต้นตอของปัญหาได้
แถมยอดเงินที่ถูกหักไปแล้ว แม้จะยกเลิกไปก็ไม่ได้เงินคืน ทั้งๆ ที่เราไม่ได้คิดที่จะสมัครด้วยซ้ำ
อีกทั้งกฎหมายไม่สามารถเอาผิดไปถึงผู้บงการตัวจริงได้ ทำให้กลุ่มบริษัทมิจฉาชีพเหล่านี้ยังได้ใจ ก่อความเดือดร้อนแก่ผู้ใช้มือถือไม่มีวันจบสิ้น ขณะที่ค่ายมือถือส่วนใหญ่ต่างได้รับประโยชน์จากส่วนแบ่งรายได้ ก็เอาหูไปนาเอาตาไปไร่
หากคิดจำนวนผู้ใช้มือถือ 93.61 ล้านราย สมมติว่าเอาแค่ 10 ล้านราย ถูก SMS กินเงินครั้งละ 5.35 บาท ก็ได้เงินไป 53.5 ล้านบาทแล้ว และหากก่อเหตุกับผู้ใช้มือถือ 20-30 ล้านราย คิดดูว่ารายได้จะมากมายมหาศาลขนาดไหน
ในเมื่อหน่วยงานรัฐช่วยอะไรไม่ได้ เราก็ต้องดูแลตัวเอง ช่วงนี้หากสังเกตว่าทำไมเติมเงินแล้วยอดเงินลดลงผิดปกติ ก็ต้องคอยกด *137 เพื่อยกเลิกบริการ ซึ่งก็คงไม่ได้ยกเลิกแบบถอนรากถอนโคน เชื่อว่าเดี๋ยวก็มีเข้ามาใหม่
เลวร้ายไปกว่านั้น หากมือถือที่ใช้เป็นระบบรายเดือน เราจะไม่สามารถล่วงรู้ได้เลยว่า มีใครหลอกให้เบอร์ของเราไปสมัคร SMS ที่ถูกคิดเงิน กว่าจะรู้ตัวก็ต่อเมื่อใบแจ้งค่าบริการมาถึง
ยิ่งเราดูแต่ยอดที่ต้องชำระ แต่ไม่ดูรายละเอียดเลยว่า ในรอบบิลที่ผ่านมาเราใช้อะไรไปบ้าง นอกจากแพ็คเกจรายเดือน ยิ่งทำให้มิจฉาชีพเหล่านี้ ยังคงคิดเงินบวกค่าบริการรายเดือนของเราอย่างไม่รู้จักจบสิ้น
แม้จะมีค่ายดีแทคออกแพ็คเกจรายเดือน “จ่ายแล้วจบ” สำหรับลูกค้าย้ายค่ายเบอร์เดิม นอกจากใช้งานได้เฉพาะการโทรออก และ ส่งข้อความ ไปยังเบอร์ในประเทศเท่านั้นแล้ว ยังทำการบล็อกบริการเสริม SMS ทุกกรณี
เราอยากเห็นค่ายมือถือทุกค่าย มีทางเลือกให้ลูกค้าบล็อกบริการเสริม SMS ทุกกรณี ที่ไม่ใช่เฉพาะลูกค้ารายเดือน และลูกค้าย่ายค่ายเบอร์เดิมเท่านั้น แต่ลูกค้าทุกคน ทุกระบบ มีสิทธิ์ที่จะใช้บริการบล็อกบริการเสริมเหล่านี้ได้อีกด้วย
จะสมัครบริการเสริม SMS ก็ต่อเมื่อมีระบบยืนยันตัวตนว่า เราต้องการสมัครบริการเสริมนั้นๆ จริง ไม่ใช่แค่กด SMS หรือรหัส USSD เท่านั้น ต้องมีเจ้าหน้าที่โทรศัพท์ยืนยัน เพราะถือเป็นธุรกรรมที่มีความเสี่ยง ไม่ต่างจากการช้อปปิ้งออนไลน์
ทุกวันนี้เรายังไม่เห็นความจริงใจของค่ายมือถือทุกค่าย ที่จะแก้ปัญหาเหล่านี้ จะรอให้ กสทช. แก้ปัญหา SMS ที่ถูกคิดเงินอย่างยั่งยืน นอกจากต้องคอยกด *137 เมื่อสงสัยว่าจะถูกคิดเงินเท่านั้น ก็คงจะมองไม่เห็นหนทาง
ประชาชนอย่างเราคงต้องดูแลตัวเอง ใครที่มีพ่อมีแม่ มีญาติผู้ใหญ่ แนะนำให้กด *137 แล้วกด ยกเลิกบริการ SMS ข่าว ดูดวง ที่สมัครและถูกคิดเงิน เสียแต่ตอนนี้ และกดเป็นประจำ
อาจจะทุกสัปดาห์ หรือถ้ายังไหวก็กดทุกวันก็ได้ คิดเสียว่าเหมือนการสแกนไวรัสในคอมพิวเตอร์
ต่อให้ระบบจะแจ้งว่า หมายเลขของท่านไม่มีบริการ SMS ที่สมัครและถูกคิดเงิน ก็ถือว่าไม่น่าไว้วางใจ ยังคงต้องคอยกดยกเลิกต่อไป จนกว่า กสทช. และค่ายมือถือจะมีมาตรการที่ยั่งยืนกว่านี้
สังคมยุคนี้ อ่อนแอก็แพ้ไป คนที่เข้มแข็งเท่านั้นคือผู้อยู่รอด
