xs
xsm
sm
md
lg

“ผีออก” เพราะ “ของเสื่อม”

เผยแพร่:   โดย: พระบาท นามเมือง

<b>พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี</b>
การเมืองที่เคย “นิ่ง” หรืออาจจะ “แน่นิ่ง” อยู่นาน ด้วยบารมีอำนาจของ คสช.ที่เป็นเหมือนมนต์หรือยันต์สกัดบรรดา “ผีการเมือง” เอาไว้ บัดนี้เริ่มเสื่อมลงไปเรื่อย ๆ แล้ว

เหตุที่ “คาถาเสื่อม” นั้นก็มาจากการทำตัวเอง ถ้าจะพูดกันแบบไสยศาสตร์ก็เรียกว่าของเสื่อมเพราะไม่รักษาศีลหรือข้อห้าม ซึ่ง “ศีล” ของฝ่ายการเมืองที่ได้อำนาจมาด้วยวิธีพิเศษนี้ ข้อสำคัญที่สุด คือ “ความซื่อสัตย์สุจริต” ที่อาจจะไม่เต็มร้อยก็ได้ แต่อย่างน้อยก็ต้องเหนือกว่าพวก “ผี” คือบรรดานักการเมืองจากการเลือกตั้งทั้งหลาย

ข้อครหาไม่ชอบมาพากลต่างๆ ที่เป็นประเด็นมาตลอดสองปีหลัง อาจจะยังสั่นคลอนความเชื่อมั่นไม่ได้แต่ในที่สุด ฝีก็มาแตกที่เรื่องนาฬิกาอื้อฉาว

หากสิ่งที่ถือว่าทำให้ “ของเสื่อม” ที่สุด ก็เห็นจะเป็นท่าทีของท่านนายกฯ “บิ๊กตู่” ที่ออกมาปกป้องอย่างไม่สนใจกระแสสังคม หรือปัดให้เป็น “เรื่องส่วนตัว” อย่างที่ว่ากันไปแล้วนั่นแหละ

ซึ่งแม้แต่คนในรัฐบาลด้วยกัน อย่าง “หมอธี” นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเองก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ว่า ถ้าเป็นเรื่องของท่าน คงลาออกไปตั้งแต่เรือนแรกแล้ว

บ่งบอกว่า ในสายตาวิญญูชน ใครก็รู้ว่าเรื่องนี้น่าอับอาย และไม่สง่างาม การที่เอาตัวเข้าไปปกป้อง แก้แทน หรือพยายามปัดทิ้งว่าเป็นเรื่องไม่สำคัญไม่ควรให้น้ำหนักนั้น ก็ทำให้ตัวผู้ที่ออกมารับหน้านั้นเสื่อมความนับถือศรัทธาลงไป ไม่แพ้เจ้าตัวที่มีปัญหา

ดังนั้นเมื่อไม่รักษา “ศีล” ของก็ “เสื่อม” เหล่าผีการเมืองต่างๆ ก็ได้เวลาออกมากำเริบอีกครั้ง

ประกอบกับความพยายามในการ “ยื้อ” โรดแมปเลือกตั้ง ด้วยการสร้างปัญหาให้กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ที่เป็นปัญหาจนต้องตั้งกรรมาธิการร่วม อย่างไม่รู้ว่าเมื่อไรกฎหมายเลือกตั้งนี้จะออกมาใช้บังคับ เพื่อที่จะนับถอยหลังวันเลือกตั้งได้

การอ้างว่าเป็นเรื่องของฝ่าย “นิติบัญญัติ” คือฝ่าย สนช.ขัดแย้งกับ กรธ. เองนั้น เป็นข้ออ้างคนที่รู้เรื่องการเมืองบ้างอมยิ้ม เพราะรู้กันดีว่า สนช.นั้น ก็เป็นเหมือนร่างอวตารของ “ผู้มีอำนาจ” ที่แต่งตั้งพวกเขาเข้าไปนั่งเก้าอี้นั่นเอง

อยู่ดีๆ มีสัญญาณว่า การเลือกตั้งอาจจะต้องเลื่อนออกไปโดยไม่มีกำหนดนั้น ในสภาวะที่รัฐบาลหรือจะว่าไป คือตัวท่านนายกฯ ผู้คาดหมายว่าจะกลับมานั่งเก้าอี้นี้อีกครั้งหลังเลือกตั้ง กำลังซวดเซจากความไม่ไว้วางใจของประชาชน จึงถูกมองว่าเป็นการ “ต่อเวลา” เพื่อ “แก้เกม” ไปแบบหลีกเลี่ยงได้ยาก

ซ้ำการที่พบอาวุธไปป์บอมของเครือข่าย “โกตี๋” เมื่อต้นสัปดาห์ ก็เหมือนโผล่ออกมาอย่างได้เวลา ซึ่งจะใช้เป็นข้ออ้างว่าบ้านเมืองยังไม่สงบเรียบร้อย ก็ช่างเป็นมุกบรมเก่า ที่ถ้ารัฐบาลถูกทวงเรื่องเลือกตั้งทีไร ก็มีเสียงระเบิดบ้าง หรือค้นพบคลังอาวุธของผู้ก่อความไม่สงบบ้าง เป็นอย่างนี้วนไป

เรียกว่าโกตี๋ตายไปจนไม่รู้ไปเกิดเป็นอะไรแล้ว ก็ยังขุดผีของแกขึ้นมาหลอกหลอนประชาชนอยู่อีก

กลุ่มที่เรียกร้องให้มีการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นกลุ่มนักกิจกรรมต้าน คสช.กลุ่มเดิมๆ ก็ออกมาเคลื่อนไหวอีกครั้งอย่างไม่เกรงกลัว การดำเนินคดีก็อาจจะดำเนินคดีไปได้ แต่ความชอบธรรมก็ลดลง เพราะประชาชนบางคนก็เห็นด้วย

แน่นอนล่ะว่า การเลือกตั้งก็อาจจะได้นักการเมืองที่เลวร้ายฉ้อฉลกลับมา แต่ถ้ามองในอีกมุมหนึ่ง นั่นก็คือความเลวร้ายฉ้อฉลที่พอตรวจสอบได้บ้าง ภายใต้กลไกของกฎหมายต่างๆ ในขณะที่นักการเมืองที่มาจาก “อำนาจพิเศษ” เหล่านี้ ไม่สามารถตรวจสอบได้ ซ้ำยังมีอำนาจเบ็ดเสร็จทั้งในทางกฎหมายและกำลังทางทหารเป็นเครื่องมืออีกต่างหาก

แต่นั่นก็เป็นอย่างที่ทราบกันว่า บรรดานักการเมืองเอง ตอนนี้ก็บาดเจ็บเพลี่ยงพล้ำไร้หัวกันทั้งสองฝ่าย อาจจะยังไม่มีพลังเพียงพอที่จะต่อกรกับ “นักการเมืองหน้าใหม่” ผู้จะสลัดชุดฟอร์มสีเขียวออกมาลงสนามสู้ด้วยไม่ได้

อย่างไรก็ตาม เมื่อ “ผี” ตัวที่สำคัญที่สุด คือการปรากฏตัวของนายทักษิณ ชินวัตร และนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีตระกูลชิน ที่ฮ่องกงและญี่ปุ่น เมื่อไม่กี่วันก่อน

นับเป็นการ “ขยับ” เข้ามาใกล้ประเทศไทย หลังจากมีหลักฐานการปรากฏตัวที่ประเทศอังกฤษ ก็อาจจะแสดงนัยบางอย่าง

นัยบ่งบอกว่า พวกเขาไม่ต้องกลัว สามารถโผล่ออกมา “เขย่าขวัญ” ผู้มีอำนาจในเมืองไทยได้แล้วแบบเปิดเผยไม่ต้องหลบซ่อน ประกาศเลยว่าพวกเขาแน่ใจเต็มที่แล้วว่าเงื้อมมือของอำนาจรัฐไทยนั้นไม่อาจเอื้อมถึงได้แน่นอน และประเทศอื่นๆ ก็ยังยอมรับและอนุญาตให้สิทธิในการพำนักและเดินทางของพวกเขาได้อย่างเสรี

ราวกับกระบวนการขอตัวผู้ร้ายข้ามแดนของไทยนั้นไม่มีความหมาย หรือคำพิพากษาของศาลไทย ก็ไม่สามารถทำให้รัฐต่างประเทศเหล่านั้นมองคนพวกนี้ว่าเป็น “อาชญากรหนีคดี” ได้

สิ่งที่ต้องกังวลก็คือ การปรากฏตัวอีกครั้งในวงการของนายทักษิณ และนางสาวยิ่งลักษณ์นั้นจะส่งผลกระเพื่อมทางการเมืองอย่างแน่นอน ด้วยว่าคงไม่ใช่การไปเที่ยวตรุษจีนเฉยๆ แต่ต้องมีจุดมุ่งหมายทางการเมืองเพื่อส่งสัญญาณให้เครือข่ายรู้ตัวว่า ใกล้ถึงเวลาแล้วที่จะฟื้นจากหลุมขึ้นมาได้

และถ้าฝ่ายระบอบทักษิณฟื้นกลับมา ฝ่ายต่อต้านทักษิณก็คงจะลุกขึ้นมาแสดงพลังกันบ้าง แล้วความขัดแย้งยาวนานที่กดทับไว้ 3 ปีที่ผ่านมานี้ ก็จะตลบขึ้นอีกครั้ง ซึ่งเท่ากับเป็นการบอกว่า 3 ปีที่ผ่านมานั้น ไม่มีประโยชน์อะไรในเรื่องการสร้างความปรองดองนี้เลย

การที่ “ผีตัวใหญ่” สามารถออกจากโลงมาเฉิดฉายไม่อายสายตาใครได้นี้ ก็แสดงให้เห็นว่า “คาถา” ปราบโกง ปฏิรูป สร้างความปรองกอง เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน เพื่อคืนความสุขให้ประชาชน ฯลฯ ที่พร่ำท่องมาตลอด 3 ปีนี้ได้เสื่อมมนต์ขลังลงไปทุกทีแล้ว กับพฤติการณ์แบบลูบหน้าปะจมูกดังกล่าว

เรียกว่า ผีออกเพราะของเสื่อม และที่ของเสื่อมเพราะเสียศีลโดยแท้


กำลังโหลดความคิดเห็น