ตอนนี้มีธนาคารชั้นนำอยู่ 8 แห่ง กำลังแข่งขันบริการชำระเงินด้วยคิวอาร์โค้ด (QR Code Payment) อย่างคึกคัก หลังธนาคารแห่งประเทศไทยไฟเขียวให้บริการแก่ลูกค้าทั่วไป เพราะผ่านการทดสอบระบบเรียบร้อยแล้ว
ธนาคารเหล่านี้ประกอบด้วย ธนาคารกสิกรไทย ไทยพาณิชย์ กรุงไทย กรุงเทพ และ ออมสิน ได้รับอนุญาตเป็นกลุ่มแรก ตามมาด้วยธนาคารกรุงศรีอยุธยา ทหารไทย (TMB) และ ธนชาต เป็นกลุ่มถัดมา
พูดถึงบริการชำระด้วยคิวอาร์โค้ดนั้น ต่อยอดมาจาก บริการพร้อมเพย์ (PromptPay) ลูกค้าที่มีมือถือ และมีแอปฯ ของธนาคารเหล่านี้ หยิบมาสแกนคิวอาร์โค้ดจากร้านค้า เพื่อจ่ายแทนเงินสดได้ทันที
ว่ากันว่า เหมาะสำหรับร้านค้าที่จ่ายเงินแบบไม่ซับซ้อน เช่น ร้านอาหาร ร้านค้าขนาดกลาง ขนาดเล็ก ตลาดสด รถแท็กซี่ มอเตอร์ไซค์รับจ้าง ซึ่งเงินจะหักจากบัญชีของลูกค้าที่ผูกกับแอปพลิเคชั่นของธนาคารนั้น ๆ
ที่เห็นเป็นเรื่องเป็นราวในยุคนี้ก็คือ ธนาคารไทยพาณิชย์ ที่หยิบสัญลักษณ์ “นางกวัก” ที่หมายถึงกวักลูกค้าเรียกเข้าร้าน สื่อว่าขอให้ทำมาค้าขึ้น มาใช้เป็นแคมเปญที่มีชื่อว่า “แม่มณี”
ล้ำยิ่งกว่า คือ ไปจับมือกับ เดอะมอลล์ กรุ๊ป ร่วมติดตั้งระบบชำระเงินดิจิทัล ทั้งเครื่องชำระเงินด้วยตัวเอง (Self Check-Out Kiosk) ที่แผนกกรูเมต์ มาร์เก็ต
อีกทั้ง ให้ร้านค้าบริเวณเทคโฮม ฟู้ดคอร์ท และ ฟู้ดฮอลล์ กว่า 500 ร้านค้า ติดตั้งแทบเลต พร้อมแอปพลิเคชันของธนาคาร เพื่อรับเงินโอนจากลูกค้า ที่จ่ายค่าอาหารผ่านคิวอาร์โค้ดได้ทันที
จริง ๆ แล้ว เครื่องชำระเงินด้วยตัวเอง ไม่ใช่เรื่องใหม่ในแวดวงค้าปลีก เพราะเทสโก้ โลตัส เคยนำมาใช้เมื่อปี 2557 ก่อนที่กลุ่มเซ็นทรัลจะนำมาใช้ในท็อปส์ มาร์เก็ต และ เซ็นทรัล ฟู้ดฮอลล์ 6 สาขาไปเมื่อปีที่แล้ว
แต่ของเดอะมอลล์กรุ๊ปจะแตกต่างกว่าตรงที่ รับเฉพาะบัตรเครดิต บัตรเดบิต และคิวอาร์โค้ดเท่านั้น ไม่รับเงินสด ที่เป็นเช่นนี้เพราะต้องการสร้างประสบการณ์ช้อปปิ้งรูปแบบใหม่ โดยใช้สังคมไร้เงินสด (Cashless Society) นำหน้า
เทคโนโลยีเหล่านี้ เดอะมอลล์กรุ๊ป มาใช้เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2560 ที่ผ่านมา ที่กรูเมต์ มาร์เก็ต และศูนย์อาหารในห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ สยามพารากอน เอ็มโพเรียม และ เอ็มควอเทียร์
ด้วยความอยากรู้ว่ามันเป็นยังไง จึงขอนำเงินในบัญชี (ที่มีอยู่น้อยนิด) มาลองพิสูจน์
เริ่มจาก “เครื่องชำระเงินด้วยตัวเอง” ในกรูเมต์ มาร์เก็ต จะประกอบด้วย หน้าจอคอมพิวเตอร์แบบทัชสกรีนพร้อมช่องสแกนสินค้า และช่องรับใบเสร็จ ด้านข้างจะมีเครื่องรูดบัตร EDC และจะมีถุงพลาสติก พร้อมพนักงานดูแลอยู่
ขั้นตอนก็คือ ถ้ามีบัตรสมาชิกเอ็มการ์ด ให้ใส่เบอร์มือถือลงไป จากนั้นนำสินค้าสแกนบาร์โค้ดทีละรายการ พนักงานจะนำสินค้าใส่ถุงให้ เมื่อสแกนสินค้าครบแล้ว ก็เลือกวิธีชำระเงิน
หากเลือกชำระด้วยคิวอาร์โค้ด ให้เตรียมหยิบมือถือ เปิดแอปพลิเคชันธนาคาร แล้วสแกนคิวอาร์โค้ดที่ปรากฎบนจอ แล้วชำระเงินได้ทันทีโดยไม่ต้องใส่ยอดเงิน จากนั้นไม่กี่วินาทีระบบจะแสดงผลทำรายการสำเร็จ
ลูกค้าที่จะชำระผ่านช่องบริการนี้ จะจำกัดสินค้าไม่เกิน 10 ชิ้น ถ้ามีมากกว่านั้นและต้องการจ่ายด้วยคิวอาร์โค้ด คงต้องเข้าแคชเชียร์ปกติ
ข้อดีของเครื่องชำระเงินด้วยตัวเองก็คือ ไม่ต้องใช้เงินสด ไม่ต้องรอเงินทอน อีกอย่างหนึ่ง เปลี่ยนหน้าที่พนักงานจากคอยรับเงินลูกค้า มาบริการนำสินค้าใส่ถุงแทน เสมือนเป็นหูเป็นตาแทน รปภ. และพนักงานแผนกแอลพี ไปในตัว
แต่ข้อเสียก็คือ ตัวเครื่องขึ้นอยู่กับการประมวลผล ต้องใช้สัญญาณอินเตอร์เน็ต สาขาไหนลูกค้าใช้ไม่เยอะ อย่างเช่น เดอะมอลล์ บางแค ก็จะเร็วหน่อย
แต่สาขาไหนลูกค้าเยอะ อินเตอร์เน็ตช้า ก็อาจมีปัญหาได้
ทราบว่าเนื่องจากเครื่องนี้ยังใหม่ บางสาขาก็พบปัญหา ลูกค้าใช้เครื่องไม่ค่อยเป็น ยิงบาร์โค้ดสินค้าไม่เข้าบางตัว
คอมเมนต์จากบางเว็บไซต์ก็บอกว่า บางสาขาพบลูกค้าถูกหักเงินจากบัญชีไปแล้ว แต่ระบบไม่ทำงาน ทางห้างฯ ต้องโทร. มาโอนเงินคืนให้ที่หลัง
นึกถึงช่วงที่ผู้คนแห่แหนกันไปใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐจำนวนมาก นอกจากเครื่องรูดบัตรมีเครื่องเดียวแล้ว ปรากฎว่าอินเทอร์เน็ตบางพื้นที่สัญญาณไม่เสถียร ไม่แรงพอ เครื่องจึงอ่านข้อมูลล่าช้า การใช้บัตรเลยเกิดปัญหา
ไม่อยากจะบอกว่า อินเตอร์เน็ต 3G หรือ 4G แทบทุกค่าย เวลาใช้งานจริงจัง ไม่เป็นไปตามโฆษณา คือพูดภาษาชาวบ้าน ที่ไหนๆ ก็ห่วยเหมือนกัน แต่ที่ยอมใช้ก็เพราะติดสัญญาทาส หรือไม่มีทางเลือก
มากันที่ ศูนย์อาหาร หรือ ฟู้ดฮอลล์ เดี๋ยวนี้กลุ่มเดอะมอลล์เริ่มเก็บค่ามัดจำบัตรศูนย์อาหารแล้ว หากแลก 100 บาท จะได้เงินในบัตรเพียงแค่ 90 บาทเท่านั้น ส่วนอีก 10 บาทจะได้รับคืนก็ต่อเมื่อนำบัตรมาคืน
แม้จะไม่ได้ชี้แจงเหตุผล แต่ลองถามเพื่อนก็สันนิษฐานว่า ที่ผ่านมาลูกค้าใช้บัตรไปเกือบหมดแล้ว มักไม่ยอมนำมาแลกคืนเพราะยุ่งยาก อีกทั้งทางห้างฯ เสียค่าใช้จ่ายในการพิมพ์บัตรใหม่ทดแทนจำนวนมาก
ถ้าเป็นสาขาในเขตกรุงเทพฯ ก่อนหน้านี้ก็ติดตั้งเครื่องอ่านบัตรแรบบิทไปตั้งแต่ปี 2558 ให้ลูกค้านำบัตรแรบบิท หรือบัตรรถไฟฟ้าบีทีเอส จ่ายค่าอาหารแทนบัตรศูนย์อาหารได้ทันทีโดยไม่ต้องแลกบัตร
นึกสงสัยว่า ร้านค้าในศูนย์อาหารจ่ายผ่านคิวอาร์โค้ดได้จริงหรือ เลยถามร้านขายข้าวมันไก่ ก็ตอบว่าจ่ายได้
เมื่อสั่งอาหารไป ก็สังเกตเห็นพนักงานจิ้มแทบเลตที่วางอยู่ต่างหาก ก่อนที่จะหันจอแทบเลตมาให้สแกนคิวอาร์โค้ด
สแกนเสร็จปุ๊บ หน้าจอระบุ “ทำรายการเรียบร้อย” ปั๊บ ร้านค้าได้รับเงินเท่านั้นเท่านี้ เป็นอันเสร็จสิ้น แทบเลตร้านค้าก็จะได้รับข้อความแจ้งเตือนว่ามีเงินเข้าบัญชี
แม่ค้าก็สับไก่ทอดโปะข้าว ตักน้ำซุปใส่ถ้วยมาให้ เหมือนศูนย์อาหารตามปกติ
นึกสงสัยว่าเขาใช้แอปพลิเคชันอะไรทำรายการ ลองสืบค้นดู ปรากฏว่าธนาคารไทยพาณิชย์ ใช้แอปพลิเคชัน Merchant mPOS ที่พัฒนาโดยบริษัทลูกอย่าง ดิจิทัล เวนเจอร์
โดยจะให้สมัครและใช้ได้ เฉพาะร้านค้าที่ลงทะเบียนกับธนาคารไว้แล้วเท่านั้น เพราะร้านค้าจะต้องไปเพิ่ม หรือไปลดรายการสินค้า แล้วบันทึกราคาขายผ่าน
ข้อดีของแอปพลิเคชันตัวนี้ก็คือ ตรวจสอบยอดขาย ดูสินค้าขายดี รายงานการขายรายวัน และจัดการสต็อกสินค้าได้ในตัว
แอปพลิเคชันตัวนี้ เคยนำร่องใช้ในร้านค้า ตลาดสวนจตุจักร ตามมาด้วยศูนย์อาหาร และแผนกเทคโฮมในห้างกลุ่มเดอะมอลล์ คาดว่าอาจจะนำมาใช้กับระบบชำระเงินแบบเรียลไทม์ หรือองค์กรขนาดใหญ่อื่น ๆ
ก่อนหน้านี้ในส่วนของธนาคารอื่น ก็มีแอปพลิเคชันสำหรับร้านค้าโดยเฉพาะอยู่แล้ว ส่วนใหญ่จะเพิ่มการสร้างคิวอาร์โค้ดด้วยตัวเอง แจ้งเตือนเมื่อมีเงินเข้า ดูสรุปยอดขาย หรือยอดเงินเข้าทั้งหมด
แต่สำหรับไทยพาณิชย์ ร้านค้ารายย่อยจะมีเฉพาะออกคิวอาร์โค้ดให้กับร้านค้า แล้วใช้วิธีผูกกับบริการ SCB Connect บนแอปพลิเคชันไลน์ (Line) เพื่อแจ้งเตือนเงินเข้าผ่านไลน์ของร้านค้า โดยไม่ต้องติดตั้งแอปพลิเคชั่นใหม่
อ่อ ... ขอบอกว่า SCB Connect นี่ดีจริง ๆ อยากให้ลองใช้ดู เพราะเงินเข้า เงินออก แจ้งเตือนผ่านไลน์ได้ แถมยังบริการฟรี ไม่ต้องเสียค่า SMS Alert เหมือนธนาคารอื่น
อธิบายมายืดยาวพอสมควร โดยสรุปแล้วเห็นว่า ส่วนตัวจากที่ทดลองใช้คิวอาร์โค้ดชำระเงิน ถือว่าสะดวกดีเพราะไม่ต้องใช้เงินสด ไม่ต้องใช้บัตรเครดิต หรือบัตรเดบิตรูด ลดขั้นตอนการควักกระเป๋าสตางค์ลงได้ในระดับหนึ่ง
แต่สิ่งที่น่ากังวล ณ วันนี้ไม่ใช่เรื่องความปลอดภัย แต่เป็นความมั่นใจในการทำธุรกรรม
ยิ่งระบบอินเตอร์เน็ต 4G ทุกเครือข่ายยังไม่เสถียร โดยเฉพาะในจุดที่มีผู้ใช้งานหนาแน่น กลัวว่าการทำรายการอาจล่มกลางคัน
จากประสบการณ์ส่วนตัว เคยรูดบัตรกับร้านค้าที่ใช้จ่ายเป็นประจำ วันหนึ่งรูดบัตรไปแล้ว เครื่องรูดบัตรกลับไม่ตอบสนอง ทั้งที่สถานะบัตรก็ยังปกติ ผลก็คือต้องจ่ายด้วยเงินสดแทน นับจากนั้นก็ไม่กล้ารูดบัตรไปสักพักหนึ่ง
อีกอย่างหนึ่ง แม้ธนาคารจะเปิดตัวคิวอาร์โค้ดอย่างคึกคัก แต่อุปสรรคสำคัญที่ยังก้าวสู่สังคมไร้เงินสดไม่ได้ก็คือ คนไทยยังคงนิยมใช้เงินสดจับจ่าย ทำให้การชำระเงินด้วยคิวอาร์โค้ดถูกมองข้ามเหมือนบัตรเดบิต
คงเป็นเพราะบ้านเราไม่ได้เป็นสังคมไร้เงินสดทั้งหมด ถ้าใช้เงินสดยังนำเงินทอน หรือเศษเงินไปใช้จ่ายอย่างอื่น เช่น ค่ารถเมล์ ค่ามอเตอร์ไซค์รับจ้าง หรือซื้อน้ำอัดลมสักกระป๋องก็ยังได้
เทียบกับหักจากบัญชี เศษไม่ถึง 100 บาท ถอนเป็นเงินสดไม่ได้ ถ้าตู้เอทีเอ็มธนาคารไหนถอนออกเป็นแบงก์ 20 ได้ ป่านนี้คนคงรอต่อคิวทุกสิ้นเดือน เพราะถอนเงินไปซื้อมาม่ามากิน
อีกอย่างหนึ่ง ในฐานะมนุษย์เงินเดือน เศรษฐกิจแบบนี้คงไม่มีอารมณ์จับจ่าย ทุกคนก็อยากจะมีเงินสด หรือเงินในบัญชี ติดตัวไว้ใช้อุ่นใจกันทั้งนั้น การจะนำเงินในบัญชีไปจับจ่ายผ่านคิวอาร์โค้ดทุกวันนี้ดูจะเป็นเรื่องที่ไกลตัว
ไม่นับรวมคำถามที่ว่า ถ้าจะใช้คิวอาร์โค้ดจ่ายเงิน “ขั้นต่ำเท่าไหร่” เพราะทุกวันนี้หลายร้านค้าจะรูดบัตรยังคิดขั้นต่ำ 200-300 ยัน 500-1,000 บาทอยู่เลย แม้ธนาคารจะอ้างว่า ลดค่าธรรมเนียมร้านค้า ถ้าลูกค้ารูดบัตรเดบิตแล้วก็ตาม
การใช้คิวอาร์โค้ดชำระเงินถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี แต่ทำอย่างไรที่จะเข้าสู่สังคมไร้เงินสดอย่างแท้จริง ก็ต้อนย้อนไปสู่กระตุ้นการใช้จ่ายอยู่ดี ขึ้นอยู่กับธนาคารและห้างร้านต่าง ๆ ว่าจะออกโปรโมชั่นจูงใจลูกค้าให้มาใช้คิวอาร์โค้ดอย่างไร
แต่ก็เชื่อว่านับตั้งแต่ปีหน้า การชำระเงินผ่านระบบคิวอาร์จะค่อย ๆ พัฒนาให้มีเสถียรภาพ ให้สามารถรองรับบัตรเครดิตได้ นอกจากบัญชีธนาคาร หรือสามารถจ่ายบิลได้ รวมทั้งเชื่อว่าน่าจะมีลูกเล่นใหม่ ๆ ให้ตื่นเต้นมากกว่านี้