xs
xsm
sm
md
lg

ท่านขอให้ใครลดราวาศอก?

เผยแพร่:   โดย: พระบาท นามเมือง


เรื่องของแหวนเพชรวิเศษ และนาฬิกาอภินิหาริย์ของ “พี่ป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ นั้นไม่จางหายจากกระแสสังคมได้ง่ายๆ เสียแล้ว

คำชี้แจงที่ไม่ได้มาจากปากเจ้าตัว แต่มาจากทาง “ทีมงาน” ให้ข่าวออกมา สรุปสั้นๆ ได้ว่า “แหวนแม่ให้มา นาฬิกายืมเพื่อนมาใส่”

ยิ่งเหมือนการสาดเชื้อเพลิงลงไป ต่อไฟเลี้ยงกระแสการล้อเลียนเรื่องแหวนและนาฬิกาที่เป็นไวรัลในโลกโซเชียลนั้นมี “วัตถุดิบ” ในการเอาไปเล่นได้มากขึ้น

ในความรู้สึกของวิญญูชนแล้ว ข้ออ้างที่ว่าแหวนเป็นของแม่ให้มา นาฬิกานั้นเพื่อนให้ยืมมาใส่นั้น เป็นข้ออ้างหรือข้อแก้ตัวที่ฟังไม่ค่อยขึ้นเท่าไรนัก

ประการที่หนึ่ง คือ ข้อแก้ตัวนี้มา “ช้า” เกินไป เพราะสังคมตั้งคำถามไปแล้วเกือบหนึ่งอาทิตย์ ถึงจะมีคนสนิทหรือทีมงานมากระมิดกระเมี้ยนตอบ

เพราะถ้าข้อเท็จจริงเป็นไปเช่นนั้นแล้ว ทำไม “เจ้าตัว” ถึงไม่เปิดเผยหรือตอบเรื่องนี้กันตั้งแต่ต้น เมื่อมีคนสังเกตและตั้งคำถามกันเสียตั้งแต่ทีแรก เหตุใดต้องรอเป็นสัปดาห์ ให้กระแสความสงสัยไม่ไว้ใจนั้นลุกลามบานปลายไปก่อน เหตุผลค่อยตามมา

แล้วจะไม่ให้ประชาชนเข้าใจว่า เพิ่งสรุปธงคิดเหตุผลกันทีหลังได้อย่างไร

ประการที่สอง ข้ออ้างที่ว่า เพื่อนให้ยืมนาฬิกาหรูราคาหลักล้านมานั้น หากเป็นจริง “เพื่อน” คนที่ว่านั้นเป็นใคร ทำไมจึง “ใจป้ำ” เอาของมีราคาขนาดนั้นมาให้หยิบยืมกันใส่ง่ายๆ

ถ้าเพื่อนที่ว่านี้เป็น “นักธุรกิจ” หรือ “มหาเศรษฐี” แล้ว เขาคือใคร มีความสนิทสนมอะไร หรือมีประโยชน์เกี่ยวข้องอย่างไร จึงให้ท่านยืมนาฬิการาคาเท่ารถเบนซ์มาใส่ได้

หรือถ้าเพื่อนท่านนั้นเป็นเพื่อนร่วมอาชีพเดียวกับท่าน เขาร่ำรวยมาจากไหน มั่งมีมาได้อย่างไร ในการทำอาชีพรับราชการที่ต่อให้มีค่าตอบแทนสูงหรือเงินประจำตำแหน่งอย่างไร ก็ไม่น่ามีเงินเหลือเฟือถึงกับมีนาฬิการาคาหลักล้านให้เพื่อนยืมใส่เล่นได้

เรียกว่าคำตอบที่อุตส่าห์คิดกันมาว่าน่าจะไม่มีปัญหาทางกฎหมาย ไม่ได้ทำให้ประชาชนรู้สึกดีหรือได้คำตอบขึ้นมาเลย

ซ้ำยังทำให้เกิดการขุดคุ้ยซ้ำ โดยสำนักข่าวออนไลน์แห่งหนึ่ง ถึงขนาดเอารูปภาพของท่านผู้นั้น มาไล่เลียงตรวจสอบว่า ในการไปออกงานหรือปรากฏตัวแต่ละครั้ง ท่านใส่นาฬิกายี่ห้ออะไร

ซึ่งก็ได้พบความจริงว่า ไม่ใช่เฉพาะริชาร์ด มิลล์ เรือนที่เป็นปัญหาเท่านั้น ยังปรากฏนาฬิกายี่ห้อเดียวกันนั้นคนละรุ่น ปรากฏในภาพของท่านอีกหนึ่งครั้ง นอกนั้นก็เป็นนาฬิกาหรูหราราคาแพงอีกหลายเรือน เช่นโรเล็กซ์ที่คนทั่วไปรู้จักกันดี

สรุปว่า นาฬิกาหรูทั้งหมดนั้นยืมเพื่อนมาทั้งสิ้น? ท่านมีเพื่อนเป็นคลังนาฬิกาหรูแถมใจดีเป็นแม่น้ำ ให้ท่านไปเปิดตู้เลือกหามาใส่ได้ตามชอบใจ?

เรียกว่าเป็นเรื่อง “ขว้างงูไม่พ้นคอ” แท้ๆ

อย่างไรก็ตาม สำหรับเรื่องของ “ท่านผู้นั้น” ในที่สุดก็คงจะต้องปล่อยผ่านไป เหมือนเรื่องอื่นๆ ที่ผ่านมานั่นแหละ เพราะประชาชนคงไปทำอะไรไม่ได้ หน่วยงานที่ทำหน้าที่ตรวจสอบอย่าง ป.ป.ช.ก็แบะท่าออกมาแบบกั๊ก ๆ เหมือนว่าจะ “ไม่ตรวจสอบ” หรือ “ตรวจสอบไม่ได้” ซึ่งนี่ก็เป็นเรื่องที่คาดหมายได้เช่นกัน

แต่ที่ทำให้ประชาชนรู้สึก “สิ้นหวัง” ก็คือ “ท่าที” ของท่านนายกฯ “ลุงตู่” ที่ยังออกมาปกป้อง “พี่ใหญ่” แบบสุดลิ่มทิ่มประตู อย่างชัดเจนในท่าทีว่า “พี่ข้าใครอย่าแตะ” และท่านทั้งสองคงอยู่กันไปชั่วฟ้าดินสลาย หรือใครคนใดคนหนึ่งตายจากกันไป หรือเบื่อลงจากอำนาจไปเองเท่านั้นแหละ

การออกมาขอให้สื่อมวลชน “ลดราวาศอก” ไม่ให้ไปจับจ้องไม่ไว้วางใจ “พี่ใหญ่” ของท่านั้น คือท่าทีที่ชัดเจนเช่นว่า

รวมถึงการออกปากว่า ถ้าไม่มี “พี่ใหญ่” ท่านจะ “ดุ” หรือใช้อำนาจหนักมือกว่านี้

ซึ่งก็ออกจะเป็นเรื่องที่ทำให้ประชาชน “ขำกันไม่ออก” เพราะวันเดียวกันนั้นเอง ที่ท่านให้ความเห็นเรื่องของเน็ตไอดอลคนหนึ่ง ที่กระทำความผิดเรื่องมีบุหรี่ไฟฟ้าไว้ในครอบครองจนถูกตำรวจจับ และมาร้องโวยวายต่อสื่อโซเชียลว่า ตำรวจทำรุนแรงเกินกว่าเหตุ

ในเรื่องดังกล่าว ท่านให้ความเห็นว่า เรื่องนี้ต้องยึดตามกฎหมาย ปล่อยผ่านมาไม่ได้ เพราะกฎหมายเล็กๆ ถ้าละเลย ก็จะไปละเมิดกฎหมายเรื่องใหญ่ๆ ได้

นี่แหละครับ คำตอบสำหรับเรื่องของ “ประชาชน” ถ้าทำผิดกฎหมาย ท่านให้เคร่งครัด หยวนไม่ได้ ปล่อยผ่านไม่ได้ แต่ถ้าเรื่องข้อสงสัยของพรรคพวก หรือคนที่ท่านเคารพนับถือ ซึ่งเป็นเรื่องการตรวจสอบความสุจริตชอบธรรมในการดำรงตำแหน่งทางการเมือง ท่านกลับขอให้ “ลดราวาศอก”

หรือจะตลกร้ายเข้าไปอีก เมื่อย้อนกลับไปว่า เมื่อวันเสาร์ที่แล้ว ท่านเพิ่งจะไปประกาศเจตนารมณ์ในการต่อต้านการทุจริต เนื่องในวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล ว่าจะไม่ทนต่อการทุจริต ขออย่าให้คนไทยยอมรับได้กับการ “โกง”

หากจะกล่าวไป ในตอนนี้ ยังไม่มีใครสักคนเขาหาว่า “พี่ใหญ่” ของท่าน “โกง” หรือทุจริตประพฤติมิชอบอะไรทั้งสิ้น เพียงแต่มองว่าเป็นเรื่อง “ไม่ปกติ” สำหรับคนที่มีรายได้จากตำแหน่งหน้าที่ราชการอย่างท่านที่จะมีทรัพย์สินราคาแพงมากมายมาเวียนสวมใส่อย่างเปิดเผยต่อสาธารณชน

เมื่อมันไม่ปกติอย่างนั้น สังคมจึงต้องการ “คำตอบ” ที่รับฟังได้ ว่าทรัพย์สินนั้นได้มาอย่างไร

การบอกให้ “ลดราวาศอก” ของท่านนายกฯ นั้น มีความหมายอย่างไร ให้คนเลิกสงสัย ทำเป็นรู้ไม่เห็น อย่าตั้งคำถามหรือ

ปัญหาเรื่อง “นาฬิกา” ของ “พี่ใหญ่” นี้ ไม่ใช่มีแต่สื่อมวลชนฝ่ายที่เป็นปฏิปักษ์หรือจองกฐินหาเรื่องรัฐบาล หรือ คสช.เท่านั้นที่ตั้งคำถาม แต่เป็นประชาชนทั้งทุกสี ทุกฝ่าย อย่างที่ถ้าท่านหรือทีมงานเหลือบตาเข้าไปดูในโลกโซเชียลเสียหน่อย ก็คงจะต้องยอมรับความจริงว่านี่ไม่ใช่เฉพาะเรื่องของคนที่ไม่ชอบทหารหรือชังรัฐบาลเสียแล้ว

ต้องย้ำอีกครั้ง เหมือนที่เคยย้ำเสมอว่า สิ่งที่ทำให้ท่านมีอำนาจพิเศษปกครองบ้านเมืองอยู่ในขณะนี้ นอกจากอำนาจจากอาวุธแล้ว ยังมีความไว้วางใจในลักษณะของฉันทามติของประชาชนโอบอุ้มอยู่ด้วย

ความมั่นใจและความไว้วางใจของประชาชนนี้เอง ที่ท่านกำลังสลัดทิ้งไปทุกวันๆ ด้วยท่าทีของท่าน ด้วยความย่ามใจ ความเชื่อมั่นแบบผิดๆ หรือความเกรงอกเกรงใจที่ไม่ถูกเรื่อง

ความมั่นใจและความไว้วางใจของประชาชนที่ลดลงเรื่อยๆ ในทุกๆ วัน โดยที่ท่านก็หานำพาไม่ ว่าในที่สุดแล้วมันก็จะหมดไป

การ “ลดราวาศอก” ของประชาชน ในที่สุด ก็จะกลายเป็นเรื่องที่ผู้คนที่คอยสนับสนุนท่าน “ชักมือ” ออกมาจากการโอบอุ้มพวกท่าน ทีละมือ ทีละมือ จนถึงวันหนึ่ง ที่ไม่มี “มือ” ของประชาชนสักคนเดียวที่สนับสนุนอุ้มชูพวกท่าน

ที่เมื่อถึงตอนนั้นแล้ว อย่าว่าแต่เรื่องของการ “ไปต่อ” หลังเลือกตั้งเลย เอาเป็นว่ารัฐบาลและตัวท่านเอง อาจจะสูญสิ้นความชอบธรรมจากประชาชน จนอาจจะ “จบเร็ว” กว่าที่ตั้งใจไว้ก็ได้
กำลังโหลดความคิดเห็น