นับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2560 ที่ผ่านมา ประชาชนผู้มีรายได้น้อย 70 จังหวัดทั่วประเทศ ได้มีโอกาสนำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และค่าใช้จ่ายในครัวเรือนอย่างคึกคัก
โดยสามารถนำบัตรไปซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคในร้านธงฟ้าประชารัฐ 200-300 บาทต่อเดือน ส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม 45 บาททุก 3 เดือน รวมทั้งฟรีค่าโดยสารรถ บขส. 500 บาทต่อเดือน และค่าโดยสารรถไฟ 500 บาทต่อเดือน
ย้ำว่า ร้านค้าธงฟ้าประชารัฐที่ใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้ ต้องมี “เครื่องรับชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์” ภาษาชาวบ้านคือ “เครื่องรูดบัตร” (EDC) ซึ่งธนาคารกรุงไทยรับผิดชอบติดตั้ง และร้านค้าเสียค่าธรรมเนียม 100 บาทต่อเดือน
ส่วนคนกรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร นครปฐม และพระนครศรีอยุธยา จะได้รับบัตรวันที่ 17 ตุลาคม 2560 โดยจะเพิ่มค่าโดยสารรถ ขสมก. (ระบบอี-ทิคเก็ต) และรถไฟฟ้า (อนาคต) 500 บาทต่อคนต่อเดือน
อย่างไรก็ตาม แม้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยกว่า 11.67 ล้านคนจะได้มีโอกาสใช้จ่ายผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซื้อสินค้าที่จำเป็น ทั้งข้าวสาร น้ำมันพืช ไข่ไก่ สบู่ ยาสีฟัน ผงซักฟอก บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง น้ำตาลทราย ฯลฯ
หากเกินวงเงินก็จ่ายส่วนต่างเป็นเงินสด จะรูดไม่ได้ก็เฉพาะสุราและบุหรี่เท่านั้น
แต่ก็พบว่า มีร้านค้าธงฟ้าประชารัฐบางราย อาศัยช่องโหว่ของนโยบายนี้ ให้ประชาชนรูดวงเงินในบัตรแล้วรับเป็นเงินสด โดยไม่มีการซื้อสินค้าจริง ซึ่งพบแล้วที่ จ.มหาสารคามเป็นแห่งแรก
กรมบัญชีกลางย้ำว่า ถ้าพบร้านค้าทำผิดจริง ก็จะปลดออกจากโครงการ ไม่ให้เป็นร้านค้าธงฟ้าประชารัฐอีก และจะยึดคืนเครื่องรูดบัตรด้วย
นอกจากนี้ยังพบว่า ร้านค้าธงฟ้าประชารัฐที่ไม่มีเครื่องรูดบัตร เพราะกำลังรอติดตั้งซึ่งตามขั้นตอนยุ่งยากมาก กลับใช้วิธีติดป้ายหน้าร้าน บอกว่า “พร้อมรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ”
แต่ให้ประชาชนเอาสินค้าไปก่อนแล้วยึดบัตรเอาไว้
พฤติกรรมไม่ต่างจาก “แก๊งกู้เงินนอกระบบ” ที่ให้กู้ยืมเงินร้อยละ 20 ต่อเดือน (240% ต่อปี) โดยใช้วิธียึดบัตรเอทีเอ็มและสมุดบัญชีของพนักงานโรงงาน พอเงินเดือนหรือค่าแรงออก ก็จะหักดอกเบี้ยแล้วโอนเงินส่วนที่เหลือไปให้ผู้กู้
พบที่ จ.ลำปาง มีร้านค้ายึดบัตรสวัสดิการกว่า 1,000 บัตร และ จ.กำแพงเพชรอีก 500 บัตร ตอนนี้คลังจังหวัดและพาณิชย์จังหวัดก็วิ่งวุ่นไปเอาบัตรจากร้านค้าคืนมาได้แล้ว และเตรียมเอาผิดกับร้านค้าดังกล่าว
หลายคนคงสงสัยว่า ร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ ทำไมไม่มีโมเดิร์นเทรด เช่น เทสโก้ โลตัส, บิ๊กซี ซุเปอร์เซ็นเตอร์, ท็อปส์ ของกลุ่มเซ็นทรัล หรือแม้กระทั่งเซเว่นอีเลฟเว่น ของ ซีพี ออลล์ เข้าร่วมโครงการ ทั้งๆ ที่มีเครื่องรูดบัตรอยู่แล้ว
มีแต่ห้างท้องถิ่น ห้างภูธรเท่านั้นที่รับบัตร ซึ่งหากมองโลกในแง่ดี ที่ผ่านมาห้างเหล่านี้ถูกโมเดิร์นเทรดแย่งลูกค้าไปเยอะ เพราะสโตร์กว้างกว่า แอร์เย็นกว่า แต่ก็มีชาวบ้านบางส่วนยังอุดหนุนเพราะสินค้าบางรายการ ราคาถูกกว่า
ประชาชนบางจังหวัด อย่างเช่น อ.สทิงพระ จ.สงขลา บอกว่า ร้านค้าที่มีเครื่องรูดบัตรอำเภอละ 1 แห่ง ต้องเดินทางไปซื้อสินค้าไกลประมาณ 15-20 กิโลเมตร หากไม่มีรถส่วนตัวต้องโดยสารรถโดยสาร ต้องเสียค่าใช้จ่ายและเวลา
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมช.พาณิชย์ อธิบายว่า รัฐบาลมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากให้ขยายตัวและเติบโตอย่างยั่งยืน การเปิดโอกาสให้ร้านโชห่วย ร้านค้าในชุมชนเข้าร่วมเป็นร้านธงฟ้าประชารัฐ จึงตอบโจทย์ของรัฐบาลได้
หากขอความร่วมมือร้านสะดวกซื้อ รายได้ก็จะไม่ตกถึงมือร้านโชห่วยและร้านค้าชุมชนเหล่านี้
แต่หลายคนยังไม่รู้ว่า โมเดิร์นเทรดสัญชาติไทยอย่าง “ซี.เจ.เอ็กซ์เพรส” ทุกสาขา รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เงื่อนไขก็คือ ใช้สิทธิด้วยตนเอง บัตร 1 ใบ ต่อ 1 สิทธิ ใช้ซื้อสินค้าไม่จำกัดจำนวน ภายในวงเงินในบัตรตามรายได้ของผู้มีสิทธิ
ได้แก่ รายได้เกินกว่า 30,000 บาท/ปี วงเงิน 200 บาท/คน/เดือน และผู้มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท/ปี วงเงิน 300 บาท/คน/เดือน โดยสามารถตรวจสอบวงเงินและยอดคงเหลือได้ที่เคาท์เตอร์แคชเชียร์ทุกสาขา
กรณีซื้อสินค้ามากกว่าวงเงินสวัสดิการที่ได้รับ ผู้มีสิทธิต้องจ่ายเพิ่มเอง สินค้าที่ไม่ร่วมรายการได้แก่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และบุหรี่
บัตรสวัสดิการแห่งรัฐเป็นสิทธิเฉพาะตัวของบุคคลที่ระบุบนหน้าบัตรเท่านั้น เว้นแต่ผู้พิการ ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยติดเตียง ที่ไม่สามารถเดินทางได้ ให้ดาวน์โหลดใบมอบฉันทะให้ผู้อื่นใช้สิทธิได้แทน
แม้หลายคนเข้าใจว่า ซี.เจ.เอ็กซ์เพรส เป็นร้านค้าโมเดิร์นเทรดของคนไทย มีคนไทยเป็นผู้ก่อตั้ง มีสาขาจำนวนมากกว่า 250 สาขา ในพื้นที่ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันตก และแบรนด์เป็นที่ติดตลาดของคนภูธร
แต่ใครจะรู้ว่า ห้างที่มีต้นกำเนิดจากพื้นที่ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ปัจจุบันมี บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) นำโดย นายเสถียร เศรษฐสิทธิ์ ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท ซื้อกิจการไปแล้วเมื่อปี 2558 หรือเมื่อ 2 ปีก่อน
ซึ่ง “คาราบาวกรุ๊ป” เป็นผู้ผลิตและจำหน่าย “เครื่องดื่มคาราบาวแดง” ที่มี “แอ๊ด คาราบาว” หรือ ยืนยง โอภากุล นักร้องและนักแต่งเพลงเพื่อชีวิต เป็นผู้ก่อตั้งและรับเป็นพรีเซ็นเตอร์เอง
ความยิ่งใหญ่ของคาราบาวแดง สังเกตได้จากลงทุน 18 ล้านปอนด์ (786 ล้านบาท) เป็นสปอนเซอร์การแข่งขันฟุตบอลลีกคัพของอังกฤษ “คาราบาว คัพ” เป็นเวลา 3 ปี จากที่ก่อนหน้านี้เป็นสปอนเซอร์ให้กับเสื้อซ้อมของสโมสรเชลซี
ผลประกอบการ บริษัท ซี.เจ.เอ็กซ์เพรส กรุ๊ป จำกัด ก็ไม่ธรรมดา ปี 2559 มีรายได้รวม 7,886 ล้านบาท กำไรสุทธิ 165.26 ล้านบาท แถมยังมีเป้าหมายลงทุน 4,000 ล้านบาท เปิดสาขา 600 แห่ง ภายในปี 2563 ก่อนเข้าตลาดหลักทรัพย์
ล่าสุด ได้ผู้บริหารใหม่เป็นชาวต่างชาติ เข้ามาร่วมงานในระดับสูงชื่อ “มิสเตอร์ร็อบ” ซึ่งอดีตเคยบริหารงานค้าปลีกรายใหญ่อย่าง “บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์” มาก่อน
แม้จะไม่ได้บอกว่า “มิสเตอร์ร็อบ” เป็นใคร แต่คาดว่าน่าจะเป็น นายร็อบ ซิสเซล อดีตผู้บริหารสูงสุดของบิ๊กซี ในยุคที่บริษัทแม่อย่าง กาสิโน กรุ๊ป จากฝรั่งเศส ยังไม่ขายกิจการให้กับเสี่ยเจริญ สิริวัฒนภักดี แห่งไทยเบฟ ผู้ผลิตเบียร์ช้าง
คำถามก็คือ เม็ดเงินรัฐบาลจำนวนมหาศาลจากวงเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐกว่า 2,334 ล้านบาทต่อเดือน (คำนวณจาก 200 บาทต่อบัตร) หรืออย่างน้อย 28,000 ล้านบาทต่อปี
ในเมื่อโมเดิร์นเทรดเจ้าอื่นอย่าง เทสโก้ โลตัส, บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์, ท็อปส์ และ เซเว่นอีเลฟเว่น ไม่ได้เข้าร่วมโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แล้วทำไมโมเดิร์นเทรดของกลุ่มคาราบาวอย่าง "ซี.เจ.เอ็กซ์เพรส" ถึงเข้าร่วมโครงการได้
แล้วจะมีปัญหาความได้เปรียบ-เสียเปรียบทางการค้าหรือไม่ เมื่อเทียบกับโมเดิร์นเทรดเจ้าอื่นที่ไม่มีโอกาสรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเหล่านี้ และไม่ได้ชิงส่วนแบ่งรายได้จากรัฐบาลกว่า 2 พันล้านบาทต่อเดือน
ที่สำคัญ ไหนบอกว่ารัฐบาลมีนโยบาย "กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก" ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง อย่างดีก็ต้องเป็น "ห้างท้องถิ่น" ที่เคยกัดฟันรอวันตายเพราะโมเดิร์นเทรด น่าจะได้ประโยชน์มากกว่ามีโมเดิร์นเทรดบางเจ้าแอบแฝง
อันที่จริง ชอบความเป็นร้าน ซี.เจ.เอ็กซ์เพรส มาตั้งแต่ผู้ก่อตั้งเป็นคนไทย ใช้กลยุทธ์แบบป่าล้อมเมืองเพื่อสู้กับโมเดิร์นเทรดหมื่นล้าน แต่พอรู้ความจริงว่ากลุ่มคาราบาวเทคโอเวอร์ไปแล้ว กลัวว่าจะกลายพันธุ์เหมือนโมเดิร์นเทรดอื่น ๆ
กลุ่มคาราบาวแดงรวยอยู่แล้ว มีรายได้เครื่องดื่มชูกำลังเป็นหมื่นล้านบาท ก็ไม่น่าจะมาเบียดเบียนร้านค้าประชารัฐที่ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากจริง ๆ สะท้อนให้เห็นว่าอะไรที่กลัดกระดุมเม็ดแรกผิด มันก็จะผิดขึ้นไปเรื่อย ๆ
ที่ตั้งคำถามไม่ได้ว่าจะกวนตีน ไม่ได้ว่าจะทำให้ประชาชนเสียประโยชน์ แค่ผมสงสัยเฉย ๆ ถ้ารัฐบาลต้องการทำให้ประชาชนลดค่าครองชีพ พร้อมกับกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากจริง ต้องไม่มีอะไรแอบแฝง แม้กระทั่งร้านธงฟ้าประชารัฐเอง
แต่ถ้าสุดท้ายถ้าจะต้องปิดตาข้างหนึ่งเพื่อให้ประชาชนได้ประโยชน์ ก็ไม่สบายใจเหมือนกัน หากต่อไปโมเดิร์นเทรดเจ้าอื่นจะขอรัฐบาลว่า อยากให้ห้างโมเดิร์นเทรดของตัวเองใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้บ้าง ... คงน่าปวดหัวพิลึก ความศักดิ์สิทธิ์ของคำพูดที่ว่า "กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก" คงจะหายไป
ไม่ได้แช่งนะ ... สุดท้าย "เศรษฐกิจฐานราก" จะตายเสียก่อน.