xs
xsm
sm
md
lg

เรือดำน้ำเมื่อ “พี่ใหญ่” กลายเป็น “แผลใหญ่”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: พระบาท นามเมือง

ในครั้งแรก ว่าจะเขียนต่อเรื่องของกระแสปฏิเสธประชาธิปไตยที่ปรากฏชัดขึ้นในช่วงสองสามปีหลังนี้ และแสดงออกผ่านสัญลักษณ์การต่อสู้ของหมุดเปลี่ยนแปลงการปกครองที่หายไป แต่ก็ปรากฏว่ามีเรื่อง “ร้อน” เข้ามาแทรก ที่อดจะกล่าวถึงไม่ได้

ไม่บอกก็คงรู้ว่า ได้แก่เรื่อง “เรือดำน้ำจีน” ที่อยู่ดีๆ ก็มาโผล่ขึ้นเหนือผิวน้ำอย่างเงียบเชียบหลังสงกรานต์

พวกที่เชื่อในทฤษฎีสมคบคิดที่เชื่อกันใหญ่เลยครับว่า เรื่องการขึงขังห้ามนั่งกระบะหลังที่เรียกกระแสก่นด่าในช่วงก่อนสงกรานต์ก็ดี หรือการหายไปของ “หมุดคณะราษฎร” ก็ด้วยนั้นจริงๆ เป็น “เป้าหลอก” ทั้งหมด เพื่อให้เรือดำน้ำนั้น ค่อยๆ ดำเข้า ครม.จนได้รับการอนุมัติจัดซื้อในที่สุด

จับกระแสของผู้คนตอนนี้ เรียกว่าแทบทุกเสื้อทุกสี ทุกฝ่ายทุกฝั่ง ต่างไม่เห็นด้วยกับการจัดซื้อเรือดำน้ำนี้ด้วยกันทั้งนั้น เพียงแต่จะมาแสดงออกหรือไม่แค่ไหนเท่านั้นเอง

ลองวัดจากกระแสในโลกโซเชียล หรือตามสถานีวิทยุที่เปิดสายหรือให้คนไปแสดงความเห็นผ่านทาง SMS ก็ได้

ส่วนการออกมาแสดงความคิดเห็นนั้น ถ้าเป็นฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลและ คสช. อยู่แล้วก็หนักหน่อย ส่วนฝ่ายที่ยังให้โอกาสกับรัฐบาลอยู่ ก็ใช่จะไม่รู้สึกอะไร เพียงแต่เรื่องการแสดงออกนั้นก็อีกเรื่องหนึ่ง

เท่าที่สำรวจดู แทบไม่มีใครเห็นด้วยเลยกับเรื่องการจัดซื้อเรือดำน้ำจีนรอบนี้ นอกจาก “เปลว สีเงิน” คอลัมนิสต์รุ่นเก๋า ที่เห็นประโยชน์ของการมีเรือดำน้ำว่า มีไว้สร้างภูมิคุ้มกันให้ประเทศชาติ เนื่องจากประเทศอื่นในอาเซียนเขาก็มีกัน เพื่อเอามาป้องกันเรือสินค้า และทรัพยากรทางทะเล โดยไม่ต้องไปหวังว่าซื้อมาจะต้องเอาไปใช้รบกับใครก็ได้

ความเห็นของ “เปลว สีเงิน” นี้ถ้าจะกล่าวไปก็เป็นเรื่องที่ถูกที่จริงตามนั้น เพราะการมี “อาวุธ” สงครามนั้น จริงๆ แล้วก็ไม่ได้หวังว่ามีไว้แล้วจะต้องใช้ แต่ก็เป็นเรื่องที่มีเพื่อให้รู้ว่าต้องมี

เหมือนคนที่ซื้อปืนไว้ก็คงไม่ได้หวังว่าจะเอาไปยิงใคร แต่ในเมื่อเพื่อนบ้านเรามีกันหมดคนละกระบอกสองกระบอก เราบ้านเดียวจะไม่มีแถมคนเขารู้กันทั่วว่าเราไม่มี มันก็กระไรอยู่

เพียงแต่ประเด็นเรื่อง “เรือดำน้ำ” นี้ ต้องแยกออกเป็น 3 ประเด็น

ประเด็นแรกคือ “ควรมีเรือดำน้ำหรือไม่”

ประเด็นที่สองคือ “ควรซื้อในตอนนี้หรือไม่”

ประเด็นที่สาม คือ “ความโปร่งใสในการจัดซื้อเป็นอย่างไร”

เรื่องควรมีเรือดำน้ำหรือไม่นั้น ก็มีความเห็นกันหลากหลาย ที่คิดอย่างคุณเปลวก็มี แต่ที่คิดว่าเรือดำน้ำอาจจะไม่เหมาะกับยุทธศาสตร์ของประเทศไทย เพราะอ่าวไทยนั้นตื้นเกินไปสำหรับเรือดำน้ำนั้นก็มีอยู่

ดังนั้น เรื่องควรมีเรือดำน้ำหรือไม่ จึงเป็นเรื่องที่ยังถกเถียงกันได้

ส่วนเรื่องที่ว่า ถ้าควรจะมีเรือดำน้ำ ควรจะซื้อตอนนี้หรือไม่ เรื่องนี้ทางรัฐบาลก็อาจจะตอบประชาชนได้ลำบากหน่อย

เพราะในสภาพที่ผู้คนยังรู้สึกว่าเศรษฐกิจยังไม่ดีขึ้น การทำมาหากินยังฝืดเคืองตึงตัว การเอาเงินของประเทศ (มีข่าวแว่วออกมาว่าเริ่มฝืดเริ่มลดน้อยลง) มาใช้ในเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับปากท้องของประชาชนอย่างการซื้ออาวุธราคาสามหมื่นหกพันล้าน แม้ตามจริงคงจะต้องมีการแบ่งจ่ายนั่นแหละ แต่มันก็ทำให้ประชาชนรู้สึกไม่ค่อยดีแน่ๆ

ส่วนปัญหาเรื่องความโปร่งใสในการจัดซื้อนั้น ก็เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องให้คำตอบกับประชาชน ว่าทำไมต้องซื้อเรือดำน้ำของจีนด้วย จะอ้างว่าราคาถูก คุ้มค่า ก็ต้องพิสูจน์กันให้ประชาชนทราบ

เพราะหากจะกล่าวกันตรงๆ ความมั่นใจของประชาชนเมื่อได้ยินคำว่า “เรือดำน้ำจีน” นี่ก็แอบมีอคติกันทั้งนั้น ทั้งเรื่องการกังวลเรื่องคุณภาพว่าดำแล้วจะโผล่หรือเปล่า รวมถึงความรู้สึกเชื่อมโยงว่า นับแต่การเข้ามาของรัฐบาลนี้ การจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ของรัฐรวมถึงเรื่องอื่นๆ นั้น หวยไปออกที่ “จีน” กันจนเจ้ามือแทบไม่รับแทง

แต่อะไรก็ไม่เท่า “โต้โผ” ในการซื้อเรือดำน้ำ ก็เป็น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ “พี่ใหญ่” ที่ประชาชนส่วนใหญ่จะมี “ธง” ในตัวท่านอยู่แล้วเสียด้วย

อาจกล่าวได้ว่า ท่านออกจะเป็น คสช.หรือรัฐมนตรีที่ประชาชน “ไว้วางใจ” ค่อนข้างน้อย

อาจจะด้วยบุคลิก ท่าทาง การแสดงออกของท่าน ประกอบกับ “ข่าว” ต่างๆ ของท่าน เช่นเรื่องการไปทริป “ดูงาน” ฮาวายที่ตอนนี้เรื่องก็เงียบไปแบบไม่มีใครสานต่อ แต่ความระแวงคลางแคลงใจก็ประทับแน่นลงไปในใจประชาชนแล้ว

คนส่วนหนึ่งรู้สึกตรงกันว่า ไว้ใจ วางใจ เชื่อมั่นในตัวท่านนายกฯ แต่ยังไม่ค่อยมั่นใจเท่าไรกับคนรอบข้าง ซึ่งคนรอบข้างที่ชาวบ้านแอบนึกในใจ ก็ได้แก่ “พี่ใหญ่” ท่านนี้นั่นแหละ

ก็ไม่แปลกว่า นานๆ ที (หรืออาจจะนานๆ ถี่) ก็จะมีกระแสออกมา “เขย่า” เรื่องตำแหน่งของท่านในรัฐบาลเสียทีหนึ่ง แต่ท่านก็อยู่รอดมาได้ด้วยความเป็น “พี่ใหญ่” ของ คสช.ที่ใครๆ ก็ต้องเกรงอกเกรงใจนี่เอง

แต่แล้วเรื่อง “เรือดำน้ำ” นี้ก็โผล่ขึ้นมา ส่งท่านให้ขึ้นมาเป็นเป้าใหญ่ต่อสายของประชาชนอีกครั้งหนึ่ง

ท่ามกลางกระแสของผู้คนที่พอจะวัดได้ว่าส่วนใหญ่ยังไม่อยากได้เรือดำน้ำในตอนนี้ หรือถึงอยากได้ก็อยากให้คิดให้รอบคอบเรื่องว่าจะซื้อจากที่ไหน

บ้างก็เห็นว่า เรื่องใหญ่ขนาดนี้ น่าจะให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งซึ่งจะมีขึ้นในอนาคตมาตัดสินใจน่าจะดีกว่าหรือไม่

แต่ที่ปฏิเสธได้ยาก แม้จะไม่มีใครพูดกันตรงไปตรงมาให้ชัดเจนนักก็คือ

นอกเหนือจากเรื่อง “หลักการ” แล้ว เรื่อง “ตัวบุคคล” นั้น ผู้คนเขาไม่มั่นใจตัว “เจ้าภาพ” ในการจัดซื้อเป็นสำคัญ

เมื่อไม่มั่นใจเสียแล้ว อคติก็มาเต็มเรื่องของ “เรือดำน้ำจีน” สามหมื่นกว่าล้าน ก็คงจะเป็นแผลใหญ่ของรัฐบาลเองที่ต้องหาทางปิด และเป็นแผลที่พุ่งเป้าไปยัง “พี่ใหญ่” โดยตรง

ที่ควรจะจับตาว่ากระแสการ “ปรับ” ท่านพ้น ครม.ที่เคยมีมาอย่างต่อเนื่องนั้นรอบนี้จะจุดติดได้หรือไม่.
กำลังโหลดความคิดเห็น