14 เมษายน 2560, 23.30 น.
ณ สถานีเดินรถนครชัยแอร์ ถนนกำแพงเพชร 2
เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ระหว่างที่นั่งรถไปธุระแถบภาคอีสาน เพื่อนร่วมรุ่นที่อยู่กาฬสินธุ์ชักชวนไปเล่นสงกรานต์ที่ถนนข้าวเหนียว ด้วยความที่เราไม่เคยเล่นสงกรานต์ที่นั่น จึงเกิดความสนใจขึ้นมา
แต่เมื่อรู้อยู่แล้วว่า สงกรานต์แบบนี้คงหารถออกจากกรุงเทพฯ ยาก เลยซื้อตั๋วรถเมล์นครชัยแอร์ผ่านเว็บไซต์มาล่วงหน้า 1 เดือน เราได้รอบ 23.30 น. ไปถึงขอนแก่นประมาณเช้ามืด
ด้วยความที่วันหยุดมักจะไม่ตรงกับชาวบ้านเขา กว่าจะได้หยุดพัก คนอื่นก็เล่นสงกรานต์สนุกสนานกันไปแล้ว 2 วัน การเดินทางในครั้งนี้จึงดูเหมือนว่าเป็นการไปแบบไม่มีแบบแผน (อีกแล้ว)
ตอนนั้นด้วยความที่เป็นไข้หวัดอยู่ หลังรถออกจากสถานีเดินรถนครชัยแอร์ (ไม่เข้าหมอชิต) แล้ว ได้แต่หลับตลอดทาง กระทั่งเวลาประมาณตีสี่ รถเข้าเขต อ.พล จ.ขอนแก่น
แม้ของแจกทั้งขนมปังไส้กรอก ถั่วลันเตารสปลาหมึก น้ำผลไม้ น้ำเปล่าอีกขวด พอจะประทังความหิวลงได้ แต่ก็ดูเหมือนว่าอาการป่วย ทำให้ลิ้นยังเป็นลิ้นจระเข้ คือทานอะไรไม่รู้สึกถึงรสชาติว่ามันอร่อยหรือไม่
15 เมษายน 2560, 05.15 น.
ตีห้าเศษ รถเข้าไปส่งสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดขอนแก่น (บขส.3) ซึ่งช่วงเช้ามืด รถจะไปส่งผู้โดยสารต่อที่สถานีขนส่งรถประจำทางปรับอากาศในตัวเมือง จากปกติถ้าหลังเจ็ดโมงเช้าจะให้ขึ้นรถตู้ชัทเทิลบัสฟรี
ด้วยความง่วงนอนจากฤทธิ์ยาแก้หวัด และคิดว่ากว่าที่เพื่อนจะมาจากกาฬสินธุ์คงอีกนาน จึงให้มอเตอร์ไซค์รับจ้างที่อยู่หน้าสถานีขนส่งหาที่พักชั่วคราว บอกว่าไม่ต้องแพงมากก็ได้
ที่สุดแล้วมอเตอร์ไซค์รับจ้างก็มาพมาส่งโรงแรมไม้แห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก พนักงานโรงแรมเข้ามาต้อนรับ เราบอกกับเขาว่า เอาห้องพัดลม 3 ชั่วโมง สนนราคา 140 บาท นึกในใจว่าสภาพคงดูไม่จืดนัก
แม่บ้านพาไปยังห้องพัก สภาพก็คือเป็นห้องพักเก่าทรุดโทรมไปตามกาลเวลา ผ้าปูที่นอนและหมอนเหมือนผ่านสมรภูมิรบมานาน กระจกบางส่วนแตกหักหายไป ผนังไม้ถูกทุบพังเสียหายบางส่วน มีพัดลมตัวเล็กๆ เปิดไว้ให้ดูต่างหน้า
แต่ก็ยังดีกว่าเมื่อคราวไปที่ อ.แม่สอด จ.ตาก อันนั้นเจอม่านรูดแบบอุบาทว์มาก นอกจากสภาพห้อง ผ้าปูที่นอนจะโทรมกว่านั้นแล้ว ยังมีซากถุงยางอนามัยใช้แล้ว ทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้า ทุกวันนี้ยังผวาไม่หาย
ตอนนั้นในใจคิดว่า ร้อยสี่สิบได้ห้องพักแค่นี้แหละ อย่าคิดมาก แต่เพราะสภาพห้องแบบนั้นคงจะหลับลำบาก จึงทำได้เพียงแค่นอนเฉยๆ ชาร์จแบตมือถือ พร้อมกับรอให้เพื่อนตื่น ทักแชทไปถามว่าโรงแรมที่เราจะพักนี่โรงแรมไหน
เจ็ดโมงเช้า เราออกจากโรงแรมหนึ่ง ไปยังอีกโรงแรมหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้กับสถานที่จัดงานถนนข้าวเหนียว นับว่ายังโชคดีที่โรงแรมนี้เออรี่เช็กอินตั้งแต่ตีห้า และห้องพักยังไม่เต็ม จึงได้ห้องพักตั้งแต่ก่อนเจ็ดโมงครึ่ง
ช่วงนั้นทำอะไรไม่ได้มากนอกจากกินยา แล้วนอนหลับยาวๆ เพราะฤทธิ์ยาแก้หวัดบวกกับอากาศร้อนจัด จะให้ออกไปเพ่นพ่านที่ไหนคงไม่สนุกหรอก คิดว่าพักผ่อนเยอะๆ จะได้หายป่วยไวๆ
15 เมษายน 2560, 15.20 น.
เพื่อนจากกาฬสินธุ์มาถึงขอนแก่นตั้งแต่เที่ยง พร้อมแบกเป้ขนาดใหญ่มาด้วย เราตัดสินใจว่าแดดร้อนแบบนี้ พักผ่อนไปก่อน แล้วบ่ายแก่ๆ ค่อยออกไปหาข้าวกินแล้วเล่นน้ำสงกรานต์
เราออกจากห้องพักด้วยชุดลำลอง พร้อมสะพายกระเป๋ากันน้ำที่เพิ่งซื้อมาหมาดๆ ไม่อยากบอกว่ายี่ห้ออะไร แต่เป็นกระเป๋าที่ทำจากพีวีซีทาร์โพลีน ขนาด 6 ลิตร ผลิตในประเทศไทย ด้วยราคาไม่ถึง 500 บาท
สงกรานต์ถนนข้าวเหนียวจะเริ่มปิดถนนศรีจันทร์ ตั้งแต่แยกถนนหน้าเมือง ไปจนถึงแยกประตูเมืองขอนแก่น (แยกเซ็นทรัล) รวมระยะทาง 1.1 กิโลเมตร เวทีใหญ่จะอยู่ที่ข้างศาลหลักเมืองขอนแก่น
แต่ความสนุกจะอยู่ที่เวทีย่อย ที่บริษัทห้างร้านจะจัดมินิคอนเสิร์ต พร้อมกับสาดน้ำจากสายยางให้ได้เต้นกันอย่างสนุกสนาน สำหรับผู้สูงวัย ยังมีเวทีย้อนยุคให้ได้รำวงกันที่ด้านหน้าสำนักงานเทศบาลนครขอนแก่น
ส่วนเวทีใหญ่ ไฮไลท์จะอยู่ที่การเล่นคลื่นมนุษย์เพื่อบันทึกสถิติโลกในช่วงค่ำ ปีที่แล้ว (2559) สถิติอยู่ที่เกือบ 8 หมื่นคน ทราบมาว่าคราวนี้สถิติอยู่ที่ 1.3 แสนคน ทำลายสถิติเดิมที่เคยทำไว้ลงได้ ซึ่งรวม 3 วันมีจำนวน 3.7 แสนคน
ผู้จัดงานระบุว่า การเล่นคลื่นมนุษย์ในปีนี้แบ่งออกเป็น 3 ตอน ปีนี้ใช้ชื่อว่า “คลื่นมนุษย์สุดรางคู่” ซึ่งหมายถึงริมทางรถไฟสายชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น ที่กำลังก่อสร้างเป็นรถไฟทางคู่
ส่วนสงกรานต์ปีหน้า (2561) ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะเป็น “คลื่นมนุษย์สุดประตูเมือง” ซึ่งจะขยายพื้นที่ยาวออกไปอีกเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว แล้วในปี 2562 จะเป็น “คลื่นมนุษย์สุดถนนมิตรภาพ” เชื่อว่าจะมีนักท่องเที่ยวมาร่วมงานทุกปี
ความพิเศษของสงกรานต์ถนนข้าวเหนียวอีกอย่างหนึ่งก็คือ พยายามให้เป็นพื้นที่สงกรานต์ปลอดเหล้า ปลอดแอลกอฮอล์ หากใครถือกระป๋องเหล้าเบียร์ เจ้าหน้าที่ตรงจุดตรวจจะขอความร่วมมือ ห้ามนำเข้าไปในพื้นที่จัดงาน
การดื่มสุราในช่วงสงกรานต์เป็นสิ่งที่ห้ามกันได้ยาก ถัดออกมาจากพื้นที่จัดงานเล็กน้อย ลานข้างศูนย์การค้าชื่อดัง บริษัทเบียร์แห่งหนึ่งตั้งเวทีมินิคอนเสิร์ต พร้อมกับปาร์ตี้โฟมใกล้ๆ กัน โดยที่มีเพียงรางรถไฟกั้นอยู่เท่านั้น
ขณะที่ถัดลงมาจากพื้นที่จัดงาน ไปทางสถานีรถไฟขอนแก่น บริษัทเบียร์อีกแห่งหนึ่ง ก็ตั้งเวทีมินิคอนเสิร์ตที่ย่านสถานบันเทิงชื่อดังในเมืองขอนแก่น แน่นอนว่าระหว่างพื้นที่ทั้งสามโซนก็ไปมาหาสู่กันได้อยู่แล้ว
การที่จังหวัดขอนแก่นให้ความสำคัญกับพื้นที่เล่นน้ำสงกรานต์ปลอดแอลกอฮอล์ แม้จะห้ามคนที่ดื่มแล้วไม่ให้เข้ามาในงานได้ยาก แต่ก็ยังคัดกรองคนที่ยังมีสติสัมปชัญญะเหลืออยู่ ไม่เมาจนเรื้อนเข้ามาเล่นน้ำในพื้นที่ตรงจุดนั้นได้
เป็นสิ่งที่น่าชื่นชม และน่าจะเป็นแบบอย่างในพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศ
สงกรานต์ถนนข้าวเหนียวคืนสุดท้ายจบลงที่คอนเสิร์ต “ป้าง-นครินทร์ กิ่งศักดิ์” ปัจจุบันมีเพลงฮิต “คนมีเสน่ห์” ซึ่งแฟนคลับในขอนแก่นถือว่าเยอะ หนึ่งในนั้นคือพี่สาวเพื่อน ถึงขนาดสกรีนเสื้อเป็นพิเศษเพื่องานนี้โดยเฉพาะ
สามทุ่มตรง หลังคอนเสิร์ตเวทีใหญ่จบลง เวทีย่อยอื่นๆ ของสปอนเซอร์แต่ละรายเริ่มปิดเวที แต่วัยรุ่นขอนแก่นยังคงเล่นน้ำสงกรานต์บริเวณรอบนอกสถานีที่จัดงานตลอดคืน เสมือนสั่งลาประเพณีสาดน้ำปีละครั้ง
เสียดายที่อาการป่วยเป็นไข้หวัดยังไม่หายดี จำต้องกลับโรงแรมที่พักก่อน ไม่ได้อยู่ร่วมเล่นน้ำสงกรานต์กับคนไม่รู้จัก แต่ก็คิดว่าหากมีโอกาสคงได้มาเล่นสงกรานต์กันที่นี่อีก
16 เมษายน 2560, 09.00 น.
เดินเท้าออกจากโรงแรมที่พัก ไปยังสถานีขนส่งผู้โดยสารขอนแก่น (บขส.1) เป้าหมายต่อไปในวันหยุดยาวแบบนี้ คือการไปเยี่ยมเพื่อนสมัยมัธยมฯ ปัจจุบันเธอเป็นนายตัวเอง ทำกิจการโฮมสเตย์เล็กๆ ที่ อ.เชียงคาน จ.เลย
เราขึ้นรถ ป.2 ของอีสานทัวร์ สายขอนแก่น - เมืองเลย รถออกทุกครึ่งชั่วโมง ค่าโดยสาร 125 บาท ทีแรกออกจากขอนแก่น ผู้คนเต็มทกที่นั่ง กระทั่งระหว่างทางมีผู้โดยสารที่เป็น “ตั๋วยืน” เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
เพื่อนโทรศัพท์มาถามว่า ถึงไหนแล้ว พอตอบกลับไปว่า อยู่ตรงไหนสักอย่างแต่ยังไม่ถึงชุมแพ ปลายสายจึงบอกว่า “โอ๊ย ... อีกนาน หลับไปเถอะแก ชาติหนึ่งกว่าจะถึง”
11.10 น. รถเข้ามาแวะรับส่งผู้โดยสารที่สถานีขนส่งผู้โดยสารชุมแพ จ.ขอนแก่น ที่นั่นเป็นจุดเชื่อมต่อรถประจำทางสายที่มาจากทางพิษณุโลก ไปยังภาคอีสาน กับสายที่มาจากทางสีคิ้ว ชัยภูมิ ไปยัง จ.เลย และ เชียงคาน
ออกจากชุมแพ ใช้เส้นทางถนนมลิวัลย์ เข้าเขตอุทยานแห่งชาติภูผาม่าน รถจะค่อยๆ ขึ้นภูเขา กระทั่งเลยผานกเค้าก็เข้าเขต อ.ภูกระดึง จ.เลย ซึ่งปกติคนที่จะไปเที่ยวภูกระดึงจะลงรถที่ร้านข้าวแกงเจ๊กิมเพื่อขึ้นรถรับจ้าง
แต่สำหรับรถของอีสานทัวร์ รถก็จะเข้าไปยังที่พักผู้โดยสารในตัวอำเภอภูกระดึง ห่างจากวงเวียนภูกระดึงประมาณ 300 เมตร มองเห็นภูกระดึงอยู่ไกลๆ แล้วก็นึกถึงปีที่แล้วที่ได้พิชิตภูกระดึงกับเพื่อนด้วยกัน
เพื่อนถามว่า “อยากไปปีนภูกระดึงอีกไหม?” ก็ได้แต่ส่วยหน้า เพราะร่างกายไม่พร้อมจริงๆ
จากภูกระดึง รถจะแวะรับส่งผู้โดยสารที่ บขส. วังสะพุง ก่อนที่จะไปจอดที่ บขส. เมืองเลย เวลา 13.40 น. สิริรวมแล้วใช้เวลาเดินทางจากขอนแก่นถึงเมืองเลย 4 ชั่วโมงครึ่ง สิ่งแรกที่ทำก่อนเดินทางต่อก็คือหาข้าวกิน
ระหว่างรอรถสองแถวเพื่อมุ่งหน้าไปยังเชียงคาน เพื่อนโทรศัพท์มาอีกครั้ง แนะว่าให้ไปถามรถนครชัยขนส่ง ว่าจะมีรถเข้าไปเชียงคานกี่โมง เพราะใช้เวลาน้อยกว่า แต่ตอนนั้นด้วยความที่อากาศร้อนจึงตอบปฏิเสธไป
รถสองแถวออกจาก บขส. เมืองเลยเวลา 15.00 น. เศษ ค่อยๆ มุ่งหน้าไปยังเชียงคานอย่างช้าๆ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ถึงสามแยกเชียงคานเวลา 16.35 น. ค่าโดยสารคนละ 35 บาท
16 เมษายน 2560, 16.40 น.
มาถึง “บ้านบุปผาจันทน์” โฮมสเตย์ของเพื่อน บนถนนชายโขง ระหว่างซอย 7-8 หลังวัดศรีคุณเมือง จริงๆ ปีที่แล้วก็มาเยือนที่นี่หลังมาเยือนภูกระดึง กลับมาคราวนี้ยังคงเรียบง่ายเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
จุดเริ่มต้นมาจาก “แข” เพื่อนสมัยมัธยมฯ บ้านพักอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนมากนัก ช่วงเย็นหลังเลิกเรียนมักจะไปนั่งที่ซุ้มขายเครื่องดื่ม (เรียกว่าซุ้มโค้ก) ที่คุณแม่ขายอยู่เป็นประจำ ตั้งแต่ ม.1 ยัน ม.3 ก่อนย้ายไปเรียนแผนการเรียนอื่น
หลังจบการศึกษามัธยมฯ แขก็ไปเรียนต่อปริญญาตรี หลักสูตรนิติศาสตร์คู่ขนานวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยนเรศวร จ.พิษณุโลก มา 5 ปี
กระทั่งย่าทวดมอบมรดกบ้านไม้และที่ดิน 60 ตารางวา ซึ่งอยู่ติดกัน หลังคุณพ่อเกษียณอายุงาน ก็เลยย้ายครอบครัวจากสมุทรสาคร กลับมาอยู่ที่เชียงคาน จึงปรับปรุงมาเป็นโฮมสเตย์ 6 ห้อง เปิดให้บริการมานานกว่า 5 ปี
แม้เธอจะทำงานไม่ตรงกับสายที่เรียน แต่ก็ถือว่าเธอเป็นนายตัวเองได้อย่างเต็มตัว ทำหน้าที่จัดการทุกอย่างในบ้านพัก ตั้งแต่ซื้อของเข้าบ้าน รับแขก แม้กระทั่งทำความสะอาดร่วมกับคุณพ่อคุณแม่ล้วนๆ
แขลงมาต้อนรับพร้อมกับคุณพ่อและคุณแม่ แต่ระหว่างนั้นมีลูกค้ามาเข้าพักพอดี เราจึงให้แขดูแลลูกค้าไปก่อน คราวนี้ห้องพักอยู่ชั้นบน แม้จะห่างจากระเบียงริมน้ำ แต่ลมจากทิศใต้พัดเย็นพอให้ชื่นใจ
จุดเด่นของโฮมสเตย์ของแขก็คือ ระเบียงริมน้ำที่ชั้น 2 จะเห็นโค้งน้ำแม่น้ำโขงทางทิศตะวันตกแบบไม่มีอะไรบดบังสายตา ถือเป็นจุดชมตะวันตกดินที่สวยงามแห่งหนึ่ง
ส่วนสิ่งอำนวยความสะดวกแต่ละห้อง มีเตียงเดี่ยวพักได้ 2 คน มีทีวีให้ดู มีเครื่องปรับอากาศหรือพัดลม ห้องน้ำมีเครื่องทำน้ำอุ่น สิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานเหมือนที่พักทั่วไป
แม้การมาเยือนเชียงคานในครั้งนี้จะรู้สึกผิดเวลา เพราะที่เชียงคานเล่นสงกรานต์วันสุดท้ายไปเมื่อวานนี้ วันนี้ถนนคนเดินจึงเงียบเหงา แต่ก็ไม่ซบเซา เพราะมีผู้คนมาเดินเที่ยวอยู่บ้าง แม้ร้านค้าส่วนหนึ่งจะปิดให้บริการก็ตาม
กระทบไปถึงการหาของกิน เพื่อนขับรถพาไปร้านต่างๆ แต่ละแห่งหยุดขายกันหมด ตั้งใจจะไปกินลาบเป็ด ตชด. ร้านก็ปิด ตำด๊องแด๊งก็ปิด สุดท้ายจบลงที่หมูกระทะ ร้าน ส. เนื้อย่างเกาหลี เลยวัดศรีคุณเมืองมาเล็กน้อยแทน
เมื่อพูดถึงเชียงคาน สิ่งที่ผู้คนคาดหวังในการมาเยือนที่นี่ก็คือ ความเงียบสงบ ด้วยวิถีชีวิตเรียบง่าย พร้อมกับธรรมชาติท้องน้ำแม่น้ำโขง แต่พักหลังๆ จากความเงียบสงบ ถูกแทนที่ด้วยความคึกคักของร้านรวงต่างๆ
แต่ ... การมาเยือนเชียงคานในวันที่นักท่องเที่ยวทยอยกลับหลังวันสงกรานต์ผ่านไป ความรู้สึกเงียบเหงาจึงเป็นความสงบที่หาได้ยากในเชียงคาน คืนนั้นจบลงด้วยการกินดื่มที่มินิบาร์เล็กๆ ริมแม่น้ำโขงก่อนเข้านอน
คิดว่า การได้มาเจอเพื่อนสมัยมัธยมฯ มานั่งเมาท์มอยกัน ตามประสาคนแก่ระลึกความหลัง ทั้งๆ ที่อายุแค่สามสิบก็ดีเท่าไหร่แล้ว ...
(อ่านต่อฉบับหน้า)
ขอขอบคุณ : บ้านบุปผาจันทน์ โดย คุณนภัทร ชูสีสม 224 หมู่ 1 ถนนชายโขง ต.เชียงคาน อ.เชียงคาน จ.เลย โทร. 08-5181-1877