xs
xsm
sm
md
lg

ชายไทยกับระบบทหารเกณฑ์ และอื่นๆ

เผยแพร่:   โดย: โลกนี้มีคนอื่น


ในยุคของสังคมชอบเรื่องดราม่า ในแต่ละปีนั้น ช่วงของการเกณฑ์ทหารมักจะเป็นช่วงเวลาที่พื้นที่สื่อจะเล่นข่าวครึกโครมอยู่สองเรื่องที่เกี่ยวข้อง นั่นก็คือ “ดารากับสาวประเภทสอง” และถ้าปีไหนบังเอิญมีลูกคนดังถึงอายุเกณฑ์ก็อาจจะมีติดสอยห้อยตามอยู่บ้างขึ้นอยู่กับความสนใจของสังคมที่มีต่อบิดา มารดา หรือโคตรเหง้าศักราชของคนนั้นๆ

ซึ่งก็น่าเสียดายในเรื่องที่ว่า แทนที่จะใช้โอกาสนี้ในการทำความเข้าใจกันในเรื่องของความสัมพันธ์ของประชาชนทั่วไปกับทหาร ซึ่งจริงๆ แล้วการเกณฑ์นี้ไม่ได้เกี่ยวข้องเฉพาะแต่หมวดหมู่ของชายไทยแต่เพียงเท่านั้น แต่ยังสามารถสร้างผลเกี่ยวเนื่องไปถึงญาติโกโหติกาของชายไทย ไม่ว่าจะเป็นลูกเมียพ่อแม่ปู่ย่าตายายพี่ป้าน้าอาและอื่นๆ

ก็ต้องยอมรับกันว่า เรื่องของชายไทยเข้าไปสู่อาณาเขตของโครงสร้างทางสังคมของทหารผ่านการเกณฑ์นี้ แม้ไม่ถึงกับเป็นอะไรที่ลึกลับดำมืด แต่ก็จัดว่าอยู่ในระดับอึมครึม ไม่ได้มีการรู้จักมักคุ้นกันมากมายอะไรในแวดวงสังคมทั่วไปกับสังคมของโครงสร้างระบบทหาร ซึ่งก็แน่นอนว่าคงไม่สามารถทำให้มันโปร่งใสขนาดเดินเข้าเดินออกไปทัศนาจรในอาณาเขตทหาร เพราะเราก็คุ้นเคยกันดีอยู่กับคำว่า “เขตทหารห้ามเข้า” ทั้งนี้เรื่องของความมั่นคงของประเทศก็เป็นความจำเป็นสูงสุดที่จะต้องถือเป็นความลับระดับชาติ

แต่ไม่ว่าอย่างไร ผมว่ามันสามารถทำความรู้จักกันได้มากกว่านี้อีกระดับหนึ่ง ทหารกับประชาชนนั้นจริงๆ ก็คนกันเอง เป็นญาติ เป็นเพื่อนสนิทมิตรสหายของเราๆ ท่านๆ กันทั้งนั้น


สมัยก่อนตอนเด็กๆ ผมยังจำได้ถึงเรื่องที่มีเพื่อนคุยให้ฟัง หัวเราะกันขำฮา เพื่อนผมมันถามว่า “มึงรู้ไหม ชีวิตคนธรรมดาๆ อย่างพวกเรานั้น ทหารจะมาหาเราและมีปฏิสัมพันธ์ด้วยอยู่สองเทศกาลด้วยกัน เทศกาลแรกมีเป็นประจำทุกปี นั่นก็คือการเกณฑ์ทหาร ส่วนอีกเทศกาลนั้นนานๆ มาที แต่มีแล้วใหญ่โตครึกโครม นั่นก็คือทหารมาปฏิวัติ” เป็นเรื่องสนุกๆ ที่เด็กสมัยก่อนคุยกันนะครับ และหลังจากนั้นไม่นานเพื่อนผมคนนั้นก็เข้าไปศึกษาต่อในโรงเรียนเตรียมทหาร เข้าใจว่าเพื่อนคงอยากทำความรู้จักกับทหารให้มากกว่าปกติ ปัจจุบันนี้ไม่รู้มันยังจำได้หรือเปล่าว่าเคยพูดเล่นขำกันอย่างนั้นกับผม

และในขณะเดียวกัน ช่วงเกณฑ์ทหารก็มักจะมีข่าวทหารเกณฑ์โดนซ้อมมาให้เราเห็นบนหน้าสื่อเหมือนกัน ซึ่งเรื่องนี้ผมว่ามันไม่ใช่สาเหตุที่จะตัดสินว่าระบบทหารเกณฑ์มันไม่ดี เรื่องนี้น่าจะอยู่ที่ปัญหาของบุคลากรในส่วนงานพื้นที่นั้นๆ ซึ่งเรื่องนี้จริงๆ ความดีเลวของคนก็มีให้เห็นอยู่ในทุกแวดวง เป็นเรื่องของแต่ละส่วนที่จะต้องจัดการปัญหาของตัวเอง แต่ไม่ใช่ว่าระบบโดยรวมจะต้องถูกตัดสินไปด้วยในแง่ถูกผิด

ผมเองก็เคยคุยเล่นกับเพื่อนในช่วงเทศกาลเกณฑ์ทหาร ที่ผมว่าไว้ข้างต้นว่ามีแต่ข่าวดารากับสาวประเภทสองเต็มหน้าพื้นที่สื่อ ผมคุยกับเพื่อนเล่นขำๆ ว่า การเพ่งเล็งดาราว่าควรรับใช้ชาติด้วยการเกณฑ์ทหารนั้น ส่วนหนึ่งที่ชอบวิพากษ์วิจารณ์กันโน่นนี่ในสื่อโซเชียลมีเดียนั้น ผมว่าเราได้อิทธิพลมาบ้างไม่มากก็น้อยจากข่าวการเกณฑ์ทหารของดาราเกาหลี

ผมคุยกับเพื่อนว่า ถ้าผมเป็นค่ายหนังค่ายละคร ผมจะทำแคมเปญ “อนุรักษ์ดาราไทย” โดยเล่นกับประเด็นที่ว่า “เกาหลีใต้มันจำเป็นต้องให้ชายเกาหลีทุกสาขาอาชีพไปเป็นทหารเพราะประเทศมันมีเกาหลีเหนือกับคิมจองอึนยืนเด่นโดยท้าทายอยู่ตรงนั้น ส่วนประเทศไทยไม่มีคิมจองอึนเป็นของตัวเอง ดาราไทยจึงสามารถเก็บเอาไว้เล่นหนังได้”

ส่วนเรื่องของสาวประเภทสองนั้น ผมว่าจริงๆ แล้วต้องมองย้อนไปที่ประเด็นหลักและจุดมุ่งหมาย นั่นก็คือผมมองว่าจริงๆ แล้วทุกเพศทุกวัยสามารถรับใช้ชาติได้ในรูปแบบต่างๆ กัน ดังนั้นผมจึงคิดว่าการมองว่าสาวประเภทสองไม่สามารถเกณฑ์ทหารเพื่อเข้าสู่ระบบการนำเข้าไปรับใช้ชาตินั้นจึงอาจจะเป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง

ทหารหญิงนั้นก็มีอยู่มิใช่หรือ แล้วทำไมสาวประเภทสองจะเอาไปเป็นทหารเกณฑ์ไม่ได้...

ทั้งนี้ สาวประเภทสอง อาจจะถูกนำไปเข้าสู่รูปแบบการฝึกแบบอื่น ยกตัวอย่างเช่นอยู่ในส่วนงานเอกสาร หรืองานธุรการ ตลอดจนฝ่ายสร้างสรรค์ไอเดียอะไรต่างๆ หรือแม้แต่เวลามีงานก็อาจจะให้ช่วยเป็นออกาไนซ์จัดงาน ประสานงาน ติดต่อโน่นนี่ หรือคิดสร้างสรรค์งานในรูปแบบต่างๆ เพราะพวกเธอมักจะมีความสามารถทางนี้

ส่วนผู้ที่มีโรคประจำตัวที่ไม่ถึงขั้นหนักหนาสาหัสมากนักก็สามารถเข้าไปเป็นทหารเกณฑ์ได้เช่นกัน ก็จัดไว้ในส่วนงานที่ไม่เสี่ยงอันตรายต่อสุขภาพโดยไม่ใช่ว่ามีแค่มาตรฐาน เป็นโรคหอบหืดแล้วไม่ต้องเกณฑ์ ทั้งนี้เพราะว่าไปฝึกหนักแล้วจะอันตรายต่อร่างกายของผู้นั้น อ้าว! ก็เอาเข้าไปแต่ไม่ต้องฝึกหนักสิครับ เอาไปร่วมรับใช้ชาติอย่างอื่นที่ไม่ต้องให้เข้าเสี่ยงอันตราย

ส่วนคนที่ไม่อยากเข้าไปสู่ระบบทหารเกณฑ์จริงๆ ด้วยเหตุผลที่ว่าอยากใช้เวลาไปทำอย่างอื่น ไม่สามารถเข้าไปอยู่ยาวๆ ในอาณาเขตจำกัดของรั้วทหารได้ คนนั้นก็ควรจะต้องบริหารจัดการตั้งแต่ต้น ซึ่งมันก็มีทางเลือกไว้ เช่นถ้าคุณเรียนรด.จนถึงระดับที่เขากำหนด คุณก็ไม่ต้องเกณฑ์ทหาร เพราะการเกณฑ์ทหารนั้นก็เพื่อให้ไปทำความรู้จักกับทักษะของทหารว่าจะต้องทำอย่างไร จับอาวุธอย่างไร คิดอย่างไร ในกรอบของการปกป้องชาติ การเรียนรด.คือการเปิดโอกาสให้เข้าไปทำความรู้จักในอีกรูปแบบที่ทางทหารเข้าคิดแล้วว่าโอเค ไม่ต้องผ่านการเป็นทหารเกณฑ์อีก ซึ่งส่วนตัวผมเองก็เลือกวิธีนี้

คนเราสามารถไปรับใช้ชาติในระบบทหารได้ทุกคนแหล่ะครับ เพียงแต่อาจจะในรูปแบบต่างๆ กันไป อย่าไปเจาะจงเอาแค่ทหารเกณฑ์ไปวิ่งออกกำลังรอบสนามแล้วต่อด้วยวิดพื้น อะไรต่างๆ เหล่านี้ ผมว่าเรื่องนี้น่าจะมีการหยิบยกไปพิจารณากัน แต่ทั้งนี้ผมคิดว่าทหารเองเขาไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่บางส่วนของเราเองต่างหากที่ยังไม่เข้าใจ เราไปคิดว่าการเกณฑ์ทหารควรจะเห็นภาพของเอาทุกคน ทั้งดาราหรือลูกคนดัง ลูกไฮโซ อะไรต่ออะไรเอาไปฝึก โกนหัว วิ่งถือปืนรอบสนาม วิดพื้น ตากแดดจนตัวดำ นั่นคือการรับใช้ชาติอย่างเท่าเทียมกันของชายไทย ...ซึ่งส่วนตัวผมคิดว่ามันไม่น่าจะใช่ ผมว่าชายทุกคนสามารถรับใช้ชาติผ่านระบบทหารเกณฑ์ได้ในรูปแบบต่างๆ กัน หากทำกันภายใต้ระบบที่โปร่งใสและเป็นที่ยอมรับในหลักการและเหตุผล

ตบท้ายด้วยวันนี้ด้วยเรื่องโจ๊กของไอ้หนุ่มคนหนึ่งที่ถึงรอบเข้าเกณฑ์ทหารพอดีในปีนี้ ไอ้หนุ่มทำหน้าเศร้าเล่าให้เพื่อนฟังว่าตัวเองโดนเกณฑ์ทหาร “โดนว่ะ ขนาดไปบอกเค้าแล้วนะว่าเป็นหอบๆ ทหารเค้ายังไม่สนใจ” ไอ้เพื่อนก็สงสัย “เฮ้ย อย่างนี้ไม่ยุติธรรมนี่หว่า มีข่าวดาราเป็นหอบก็ไม่โดนเกณฑ์ แล้วทำไมมึงโดน” ไอ้หนุ่มทำหน้าเหมือนจะร้องไห้บอกเพื่อนว่า “ไม่รู้ดิ กูก็บอกไปตามจริงแหละว่า กูเป็นหอบๆ เป็นมาหลายปีแล้ว ผู้พันรู้จักมั้ย ฮิป-หอบหน่ะ ฮิป-หอบ กูพูดไปผู้พันเค้าก็ส่ายหัวบอกให้กูไปจับใบ แล้วก็ออกมาแดงแจ๋ เลยต้องไปเป็นทหารเกณฑ์ทั้งๆ ที่เป็นหอบเนี่ยแหล่ะว่ะ โย่ๆ”
กำลังโหลดความคิดเห็น