xs
xsm
sm
md
lg

กระบวนการสร้างผี

เผยแพร่:   โดย: โลกนี้มีคนอื่น


เมื่อคืนวันก่อนที่อากาศประเทศไทยและในกทม.กลับมาอุณหภูมิลดลงกว่าปกติอยู่สองสามวัน ผมเจอเหตุการณ์บางอย่างกลางดึกในคืนอากาศหนาว

เรื่องของเรื่องก็คือ...ผมนึกว่าผมเจอผี

วันนั้น ผมตื่นมาตอนเช้ามืด ช่วงหลังมานี้ผมจะมีนิสัยตื่นเช้ามาก ตีสามตีสี่นี่ถือเป็นปกติ วันนั้นก็ตื่นมาประมาณตีสามครึ่งเห็นจะได้ ผมก็ออกจากห้องนอนเดินไปในห้องนั่งเล่นห้องเล็กๆ ที่อยู่ชั้นบนของบ้าน ชั้นเดียวกับห้องนอน ผมจะมานั่งดูหนังฟังเพลงเล่นอินเทอร์เน็ตกินกาแฟตามปกติในห้องนี้ทุกเช้า วันนั้นกทม.หนาวมากและมีลมพัดแรงมากตามที่ทราบกันอยู่แล้วนะครับ

ผมก็เดินเข้าไปในห้อง ระหว่างที่เอื้อมมือจะกดสวิทช์ไฟ ทันใดมีเสียงเหมือนลมกรรโชกเข้ามาวูบนึง

พอได้ยินเสียงว่ามีลมวูบเข้ามา ร่างกายก็มีปฏิกิริยาตอบสนองในทันทีคือมีอาการหนาวยะเยือก

พอไฟสว่าง ผมมองไปที่กลางห้อง ผมเห็นมีกล่องพลาสติกใส่ของตกอยู่สองอัน พร้อมกับปกแผ่นเสียงที่ผมเอาแผ่นออกจากซองนั้นไปเปิดฟังและค้างอยู่ที่เครื่องเล่นแผ่นเสียง ของทั้งหมดเคยวางอยู่บนโต๊ะ ตอนนี้มันตกกระจายอยู่ที่พื้น

สถานการณ์ตอนนั้นจึงเป็นดังนี้

1.มีลมวูบเข้ามาในห้อง
2.ผมรู้สึกหนาว
3.เปิดไฟหันไปแล้วเจอของตกอยู่กับพื้น

สิ่งที่คิดตอนนั้นแว่บแรกคือ มีลมพัดเข้ามาวูบหนึ่งจนผมรู้สึกหนาว และพัดเอาของที่วางอยู่บนโต๊ะตกลงไปที่พื้น ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรนะ ลมพัดของตกนี่เป็นเรื่องปกติ แต่ด้วยความที่วันนั้นอากาศหนาวและลมพัดแรงจนเห็นต้นไม้นอกหน้าต่างบานกระจกโอนเอนไปมาค่อนข้างแรงเอาการอยู่

พอมองไปที่หน้าต่างกระจก จึงนึกขึ้นได้ว่า หน้าต่างไม่ได้เปิดสักบาน

ห้องนั้นมีหน้าต่างอยู่สองฝั่ง ตรงหน้าต่างฝั่งที่รู้สึกว่าลมวูบเข้ามาเป็นบานยาวเปิดออกไปได้โดยที่ข้างนอกเป็นระเบียง ส่วนห้องนี้มีบานประตูที่เปิดอยู่ แต่ห้องที่มาถึงประตูนั้นไม่มีหน้าต่างบานใดเปิดอยู่เช่นกัน

คำถามคือ ลมมาจากไหน

ผมก็นิ่งไปพักนึง จากนั้นแว่บแรกที่คิดเลยคือโดนผีหลอกหรือเปล่า แต่นาทีนั้น ก็ไม่รู้จะทำยังไง เลยเปิดคอม แล้วมานั่งแต่งเรื่องผีเล่าให้เพื่อนฟังเล่นขำๆ

เพื่อนๆ ก็มาเขียนอำ ฮาๆ กันไป

แต่ผมเองก็ยังคาใจอยู่นะ ว่าตกลงแล้ว ลมมันมาจากไหน

ผ่านมาสองวัน ผมก็ยังเข้ามาใช้ชีวิตในห้องนี้ทุกเช้ามืดตามปกติ เมื่อเช้าในตอนที่เดินเข้ามาให้ห้อง ก็ได้ยินเสียงเหมือนลม ฟังแล้วรู้สึกแทบไม่ผิดกับเสียงที่ได้ยินวันก่อน เพราะมันมีเสียงเหมือนอะไรกระทบกันดังแก๊กเบาๆ ในตอนท้ายเหมือนกันเป๊ะ (ซึ่งวันแรกคิดว่าเสียงของตก)

แต่วันนี้เปิดไฟเรียบร้อยแล้ว และมองไปที่นอกหน้าต่างพอดี ตรงนั้นมีไฟดวงเล็กๆ ที่เปิดทิ้งไว้ทั้งคืน แสงไฟสว่างพอที่จะเห็นแมวดำเจ้าประจำที่ชอบมานอนในสวนหลังบ้าน มันคงจะหนาวเลยย้ายที่นอนขึ้นมานอนตรงระเบียง พอผมเดินเข้าห้องมันก็กระโจนขึ้นไปบนคอมเพรสเซอร์แอร์ เพื่อจะเอาเป็นสเตปเพื่อโดดข้ามรั้วตรงระเบียง แล้วข้ามไปปีนลงต้นไม้เพื่อกลับไปสวนหลังบ้านผมอันเป็นที่สถิตประจำของมันกระมัง

สรุปคือ ลมวันนั้นมาจากไหน

1.จริงๆ วันแรกไม่มีลม เพราะหน้าต่างไม่ได้เปิด อันนี้เป็นหลักการตามวิทยาศาสตร์พื้นฐาน
2.ได้ยินเสียงแมวกระโจน แต่คิดว่าเป็นเสียงลม จึงรู้สึกว่าหนาวไปเอง เป็นปฏิกิริยาของมนุษย์ปกติที่บางครั้งเรามักจะสะกดจิตหลอกตัวเองโดยเราไม่รู้ตัว
3.ของที่ตกอยู่ที่พื้นน่าจะตกอยู่แล้วด้วยสาเหตุอื่น เช่นลมในตอนกลางวันตอนที่หน้าต่างเปิดอยู่ (คนละลมกัน) หรือผมเองไม่ก็หลานตัวเล็กของผมที่เผลอเดินชนของตกอยู่ก่อนหน้าแล้วผมไม่ทันสังเกตุ แต่ดันจับเอาสองเหตุการณ์มาชนกันจนเกิดความเข้าใจผิดว่ามันเป็นเหตุและผลกัน

สิ่งที่เกิดขึ้นนั้น มานึกๆ ดูแล้วหยิบเอามาแล้วก็สะท้อนอะไรได้หลายมุมด้วยกัน

เรื่องแรก คือ บางครั้งข้อมูลแว่บแรกที่เข้ามาสู่สมองคนเรานั้น อาจจะไม่ใช่ข้อมูลที่ถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์เสมอไป หรืออาจจะเป็นข้อมูลที่มาแบบไม่ครบถ้วน ซึ่งโลกทุกวันนี้ โดยเฉพาะเรื่องราวข่าวสารในอินเทอร์เน็ต หรือที่รายงานกันมาผ่านทางโซเชียลเน็ตเวิร์คส่วนใหญ่ก็มักจะพบเจอกรณีเหมือนกับเรื่องที่ผมเข้าใจผิดกับลมจนคิดว่าเป็นผี เรื่องราวทำนองเดียวกันมีให้พบเจอกันบ่อยๆ

เรื่องที่สอง ก็คือ การประมวลผลในเรื่องใดๆ นั้น บางครั้งจึงจำเป็นต้องรอข้อมูลที่อาจจะเดินทางมาถึงช้ากว่าแต่มาแบบครบมิติมากกว่า รอบด้านมากกว่า บางครั้งเราจึงจำเป็นต้องมีจังหวะในการรอข้อมูลให้ครบ หรือหลากหลายด้าน หลายมิติมุมมอง ก่อนที่จะประมวลผล หรือแม้แต่พอจังหวะเวลาต่างออกไป การประมวลผลซ้ำก็อาจจะเป็นสิ่งจำเป็นหากมีข้อมูลใหม่

เรื่องที่สาม คือ บ่อยครั้งที่เรามักจะสะกดจิตตัวเองแล้วก็เชื่อไปในแว่บแรก อันนี้เป็นสิ่งที่ผมมีความเชื่อว่าพื้นฐานของมนุษย์เรานั้นมีบางจังหวะก็เผลอสะกดจิตหลอกตัวเองอยู่แล้วโดยที่เราไม่รู้ตัว และหลังจากนั้นหากไม่มีการประมวลผลใหม่ เราก็จะสะกดจิตบอกตัวเองในเรื่องนั้นซ้ำๆ จนในที่สุดความเชื่อดังกล่าวก็จะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดเราก็จะอาจจะทึกทักมันว่าเป็นเรื่องจริง

เรื่องที่สี่ ก็คือ ตอนที่ผมคิดจับแพะชนแกะในสถานการณ์การรู้สึกว่า “มีลมวูบเข้ามา-หนาวยะเยือก-เจอของตกที่พื้น-หน้าต่างไม่ได้เปิด” ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่ผมรู้สึกว่าเป็นการสร้างบรรยากาศโดยผมเองได้เอาจากหนังผีต่างๆ ที่ได้ดูตั้งแต่เด็กจนโต เอาแต่ละฉากแต่ละบรรยากาศมาปะติดปะต่อกันจนสร้างเป็นบรรยากาศหนังผีของตนเอง พูดง่ายๆ ว่าเป็นอิทธิพลของสื่อที่หล่อหลอมเรื่องผีให้กับผมโดยไม่รู้ตัว

สุดท้ายนี้ ผีอาจจะมี แต่วันนั้นคงจะยังไม่ได้มา...
กำลังโหลดความคิดเห็น