ชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร ในคลับฟรายเดย์ เดอะซีรี่ส์

ช่วงนี้วงการศาสนาเป็นเรื่องที่น่าจะถูกพูดถึงมากที่สุดแล้ว ยิ่งกรณีวัดพระธรรมกาย เรื่องราวกำลังร้อนระอุชนิดต้องตามติดตลอดเวลา เพราะข่าวเรื่องนี้ก็มีการอัพเดทมาอยู่เรื่อย ผมไม่ได้มีข่าวเรื่องนี้มาอัพเดท แต่ที่หยิบยกเรื่องศีลธรรมในสังคมไทย ก็เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับศาสนาอยู่ไม่น้อย

วันนี้ผมขอพูดถึงซีรี่ส์สัญชาติไทยอย่าง "คลับ ฟรายเดย์ เดอะซีรี่ส์" นะครับ ซีรีส์ชุดนี้มีมาแล้ว 5 ซีซั่น ซึ่งในซีซันที่ 5 นี้มาในธีมของ "ความรักกับความลับ" มีเรื่องราวมากหลายตอนที่น่าสนใจ ทุกเรื่องสร้างจากเค้าโครงเรื่องจริง ซึ่งถือเป็นจุดขายสำคัญของซีรี่ย์ที่คลับฟรายเดย์ทำตั้งแต่ต้น

คลับฟรายเดย์ออกอากาศสดทุกคืนวันศุกร์มาเป็นระยะเวลากว่า 10 ปี ดำเนินรายการโดยพี่ฉอด (สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา) กับ พี่อ้อย (นภาพร ไตรวิทย์วารีกุล) และดีเจรับเชิญอีกหลายคนสลับสับเปลี่ยนกันมา มีการพัฒนานำเรื่องราวความรักในรายการมาตีพิมพ์รวมเล่มเป็นหนังสือ หลังจากนั้นก็เกิดเป็นโปรเจกต์ ฟรายเดย์ เดอะซีรี่ส์

ที่มาของโปรเจกต์ ฟรายเดย์ เดอะซีรี่ส์นี้ จึงมีที่มาจากรายการ Club Friday ในรายการก็จะมีการเปิดโอกาสให้ผู้ฟังทางบ้านโทรเข้ามาพูด คุยเรื่องราวความรักของตัวเอง มีการนำไปพูดถึงในภาพยนตร์เรื่องดังอย่างกวน มึน โฮ และนำเรื่องจริงที่ผู้ฟังโทรมาเล่าทางอีเมล์มาสร้างเป็นซีรีส์

การนำเค้าโครงเรื่องจริงจากผู้ที่มาเล่าหรือถ่ายทอดในละครวิทยุ มาทำเป็นละคร เป็นชีวิตจริงยิ่งกว่านิยาย น่าสนใจชวนติดตาม ทำให้เรื่องราวของคลับฟรายเดย์กลายเป็นเรื่องราวที่ลุ้นระทึกดูสนุกตลอดเวลา และยังสอดแทรกเรื่อราวเตือนสติผู้คนได้อีกด้วย

จริงๆ แล้วผมติดตามคลับฟรายเดย์มาตั้งแต่ปีแรก เพราะชอบแนวคิด การรับฟังปัญหาชีวิต ให้ความคิดเห็นปลุกปลอบใจ เมื่อนำมาสะท้อนในรูปแบบละคร ก็สะท้อนได้ชวนติดตาม มีให้ลุ้นเอาใจช่วยในการแก้ปัญหา สะท้อนปัญหาครอบครัว ปัญหาสังคม เรื่องราวความรักหลากหลายแบบ ทั้งรักที่สวยงาม รักที่ล้มเลว รักที่เจ็บปวด และอีกหลายๆ แง่มุม

สำหรับแกรมมี่ซึ่งเป็นต้นสังกัดใหญ่ก็สามารถขายผลงานสืบเนื่องได้อีกมาก ทั้งเพลงประกอบ รายการวิทยุ ละครซีรี่ส์ ดารา นักร้อง เรียกว่าขายผลงาน สร้างรายได้ หาเงินได้อีกหลายช่องทาง

เนื้อหาในคลับฟรายเดย์ เดอะซีรี่ส์ แต่ละตอนสะท้อนสังคม ชีวิตผู้คนที่ไม่อยู่ในศีลในธรรม มัวเมาลุ่มหลง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การประพฤติผิดในกาม ใช้ชีวิตหน้าฉาก หลอกลวงตบตาสังคม หลังฉากเป็นชีวิตมัวเมาขาดศีลธรรม

ล่าสุดตอน "ความลับของเราสามคน" ที่พูดถึงเรื่องราวคู่แต่งงานคู่หนึ่งในวงสังคม สามีเป็นเกย์ ภรรยามีชู้ จนสุดท้ายเพื่อทำให้ครอบครัวสมบูรณ์ ในสายตาของสังคม ฝ่ายหญิงต้องมีอะไรกับชู้รักจนมีลูก ส่วนผู้ชายที่เป็นชู้สุดท้ายก็เพียงถูกหลอกใช้

เนื้อหาจากซีซั่นก่อนๆ ก็สะท้อนปัญหาครอบครัว ปัญหาสังคมไม่แพ้กัน เช่น การที่แม่กับลูกใช้สามีหรือผู้ชายคนเดียวกัน จนทั้งแม่และลูกท้องในเวลาใกล้ๆ กัน ทำให้ลูกสาวตัดสินใจออกจากบ้านเพราะรับไม่ได้กับเรื่องที่เกิดขึ้น

เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นในสังคมไทยปัจจุบัน ส่วนใหญ่เป็นความทุกข์จากความรักที่ผิดหวังผิดพลาด ผลกระทบที่เกิดขึ้นในครอบครัว ความทุกข์ของสามี ภรรยา หรือลูก และเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว ก็ขึ้นกับว่าแต่ละคนจะรับมือกับมันยังไง จะมีสติในการแก้ปัญหา มีปัญญาหาทางออก เอาคำสอนทางศีลธรรมหรือศาสนามานำทางได้แค่ไหน ยอมพ่ายแพ้ฆ่าตัวตาย ชีวิตล่มสลาย หรือจะลุกขึ้นมาสู้ มีกำลังใจสร้างชีวิตใหม่เดินหน้าต่อไป

ปัญหาทางสังคมในทุกวันนี้ เป็นปัญหาจากชีวิตจริงที่ซับซ้อนสับสน เดินเข้าไปในโลกที่เต็มไปด้วยสิ่งมอมเมาทางวัตถุ ความมัวเมาทางเพศ ความอยากความต้องการ ต้องดิ้นรนหาเงินเพื่อการบริโภคในโลกทุนนิยม ทุกอย่างเป็นสินค้า ซื้อหาด้วยเงินทอง

พฤติกรรมของพระนักบวชหรือชาวบ้าน มัวเมาลุ่มหลงไม่แพ้กัน วงการพระและศาสนาแสดงความเสื่อมเหลวแหลก ศาสนาไม่ใช่ที่พึ่งพาชี้แนะช่วยเหลือชาวบ้าน ทั้งพระทั้งชาวบ้านไม่ได้มีศีลธรรมชี้นำ ถ้าไม่รีบสะสาง ไม่ปฏิรูปสังคม ไม่ปฏิรูปศาสนา สังคมไทยมีแต่จะดิ่งลงเหว

การสะท้อนปัญหาที่เป็นจริงแม้มันจะสุดแหลกเหลว แทบไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นจริง แต่ชีวิตจริงยิ่งกว่านิยาย ต้องยอมรับความจริงกันละครับ ผมว่าสื่อโดยเฉพาะอย่างยิ่งทีวีดิจิตัลที่มีอยู่หลายช่องเหลือเฟือ ถ้านำมาผลิตรายการที่มีประโยชน์ในการแก้ปัญหาครอบครัว ปัญหาสังคม ปัญหาศาสนาจะเป็นเครื่องมือสำคัญที่ใช้อย่างสร้างสรรค์ได้อีกมาก

บทเรียนชีวิตของใครคนหนึ่ง อาจจะเป็นตัวอย่างที่ดีเพื่อคอยเตือนสติคนที่อาจจะจะกำลังเจอปัญหาเหมือนๆ หรือคล้ายๆ กัน ผมว่าละครหรือสื่อทางทีวี สะท้อนปัญหาเสนอทางแก้การช่วยเหลือเยียวยาทางจิตใจ เป็นการสื่อสาระไปถึงผู้รับได้ง่ายรวดเร็ว สื่อสาระคำสอนทางศีลธรรมได้ดีมีพลัง ให้กำลังใจคนดูได้ดี ชีวิตคนเราอะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอๆ เรียนรู้ความทุกข์ยากผิดพลาดจากชีวิตคนอื่น เพื่อเป็นอุทาหรณ์ในการใช้ชีวิตและช่วยเหลือคนอื่น

ถือคติ ดูหนังดูละครแล้วย้อนดูตัวและคนรอบข้างกันนะครับ