xs
xsm
sm
md
lg

แฟมิลี่ทริป : จังหวัดไร้เทียมทาน

เผยแพร่:   โดย: ดรงค์ ฤทธิปัญญา

คุณเคยประสบปัญหาเช่นนี้หรือไม่!!
• พยายามกล่อมพ่อแม่ให้ไปเที่ยวด้วยกันแต่ไม่สำเร็จ
• พ่อแม่ไม่ยอมไปเพราะอ้างว่า ไกลบ้าง ไม่อยากให้เราเปลืองตังค์บ้าง และอื่นๆ ที่แต่ละบ้านจะประสบปัญหากันไป


คุณดรงค์ จะมาเสนอทางแก้ไขหรือครับ .... เปล่าเลย ผมแค่จะบอกว่า ก็เคยโดนเหมือนกันนั่นล่ะ

ผมมีแนวคิดอยากจะพาพ่อแม่ไปเที่ยวทะเลไกลๆ ที่ไม่ใช่แค่ชะอำ ระยอง บางแสน หัวหิน มาตั้งแต่เริ่มทำงานไปได้สักพัก เพราะบ้านผมพอนึกอะไรไม่ออกก็จะวนเวียนอยู่แค่นี้ ผมเองรู้สึกอยากหาความแปลกใหม่ให้กับครอบครัวบ้าง ก็เลยวางแผนการจะพาพวกเขาไป แต่ชวนทีไรแกก็ปฏิเสธตลอด ตามข้ออ้างข้างบนนั่นล่ะครับ จนเมื่อปีที่แล้วที่ผมได้นั่งเครื่องบินครั้งแรก ไปเที่ยวต่างประเทศเอง พอกลับมาก็เลยมีความคิดว่า เฮ้ย! เราจะต้องพาเขาไปขึ้นเครื่องบินเหมือนเราให้ได้ในปีหน้า

ว่าแต่จะทำยังไงล่ะ....

ในช่วงปิดเทอมใหญ่ของทุกๆ ปีครอบครัวเราจะมานั่งคุยโปรเจ็กต์พาน้องสาวผม ซึ่งเรียนอยู่ในชั้นมัธยมศึกษาไปเที่ยวกัน ส่วนใหญ่ถ้าไม่ไปทะเลใกล้ๆ ก็กลับบ้านยายที่ จ.ตาก ปีที่แล้วก็เช่นกัน คุยไปคุยมาสรุปก็กลับบ้าน มาจนช่วงปิดเทอมตุลาฯ พ่อผมอยากจะพาน้องสาวผมไปทะเลให้ได้จึงผุดแผนกลับขึ้นมาอีกครั้ง และคราวนี้ผมก็นำเสนอแผนเที่ยวทะเลอันดามัน โดยการไปงานท่องเที่ยวฯ ที่เขาจัดขึ้นทุกปี เพื่อเอาข้อมูลมานำเสนอ ทั้งที่พัก แหล่งท่องเที่ยว

แต่สุดท้ายก็ล่ม .... ด้วยเหตุผลที่ว่า ไม่อยากไปไกล

ในปีนี้ ผมจึงใช้วิธีใหม่ครับ เริ่มจากค่อยๆ ลองสอบถามคนในบ้านว่า อยากไปที่แบบไหน เป็นโจทย์ในการหาพื้นที่ท่องเที่ยว เอาความชอบของแต่ละคนมาผนวกกัน แม่อยากได้ที่คึกคักนิดหน่อยไม่เงียบจนเกินไป พ่อขอที่พักติดชายหาด น้องสาวจะเอาทะเลสวยๆ ก็เป็นหน้าที่ผมที่จะต้องไปหาให้ตอบโจทย์ของทุกคน ซึ่งช่วงระหว่างที่รอข้อมูลของครอบครัว ผมก็มีแผนในใจแล้วว่า ต้องพาขึ้นเครื่องบินให้ได้ และโชคดีที่เมื่อต้นปีมันมีงานท่องเที่ยว ๒ งานติด ทำให้สามารถไปหาข้อมูลเพิ่มเติมได้อีก

และก็มาลงตัวที่ “อ่าวนาง จ.กระบี่” ครับ
หาดอ่าวนาง จ.กระบี่
ผมตัดสินใจจองตั๋วเครื่องบินล่วงหน้ากับค่ายนกแอร์ ซึ่งตอนนั้นมีโปรบินรวมแล้วพันนิดๆ เสร็จสรรพก็ไปมัดมือชกเขาว่า จองตั๋วเครื่องบินแล้วนะ ... นั่นเป็นการปิดประตูการโยกโย้ของพ่อแม่ได้อย่างดี ด้วยความเสียดายยังไงก็ต้องไปแน่ๆ จากนั้นผมก็เริ่มไปหาโรงแรม ซึ่งงานไทยเที่ยวไทยที่ผ่านมามีบู้ทจากกระบี่ ให้เลือกเยอะมาก ผมก็นำโบรชัวร์มานำเสนอให้ที่บ้านเลือกก่อนที่ผมจะไปตัดสินใจซื้ออีกครั้งที่หน้างาน ในครั้งนี้ผมเลือกที่จะเอาแบบ “แพคเกจทัวร์” ครับ ด้วยเหตุที่มีรถรับส่งสนามบินกับที่พัก มีคนพาเที่ยวเสร็จสรรพ พ่อแม่ไม่ต้องไปตะลอนเหนื่อยมาก นี่คือข้อดี

ส่วนสาเหตุที่ผมเลือกจังหวัดนี้เพราะ “ราคาทัวร์ไม่แพง” ได้ไปเที่ยวหลายเกาะ มีแหล่งอำนวยความสะดวกพอสมควร ซึ่งเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของแม่ ตรงคอนเซปส์ของน้องสาว และที่สำคัญที่พักของผมก็อยู่ใกล้ชายหาดด้วย ตอบโจทย์ทุกคน ยกเว้นผม ที่ไม่ค่อยชอบการเดินทางด้วยทริปทัวร์สักเท่าไหร่ เพราะมันเร่งรีบ อยู่ชื่นชมบรรยากาศได้ไม่นาน แต่ในเมื่อมองดูงบประมาณแล้วก็ต้องทำใจครับ

ก่อนวันเดินทางพ่อดูจะกังวลกับการไปพอสมควร ไปต่อรถยังไง ขึ้นเครื่องยังไง ไปต่อด้วยรถอะไร ส่วนแม่ผมแรกๆ ก็จะพูดในเชิงที่ว่าไปที่ไหนก็เหมือนกันหมด แม่เคยไปมาแล้ว (ทั้งที่จริงๆ แกไม่เคยไป) แต่พอถึงวันจริงแกก็ดูตื่นเต้นไม่น้อย ทั้งการไปสนามบิน ที่แกเคยมาแค่ส่งน้องชายเมื่อหลายสิบปีมาแล้ว แต่คราวนี้มาเพื่อบินเสียเอง
ส่วนน้องสาว ก็ดูตื่นตาตื่นใจนิดๆ แต่ทางผมนี่ต้องพยายามทำให้เขาไม่รู้สึกกังวลมากที่สุด ด้วยการตอบคำถามของเขา ทั้งเรื่องการเช็กอิน โหลดกระเป๋าแล้วไปไหน รอเครื่องยังไง แล้วมันจะขึ้นได้อย่างไร ตามประสาคนบินครั้งแรก ซึ่งครั้งแรกของผมเมื่อปีที่แล้วก็ไม่ต่างกันนะ

พอถึงสนามบินนานาชาติกระบี่ แกก็บอกว่า มันก็ไวดีนะ นิ่มกว่านั่งรถทัวร์อีก ฮ่าๆๆ

ผมซื้อทัวร์ของโรงแรมอ่าวนางพริ้นท์วิลล์ ๓ วัน ๒ คืน ในราคา ๓,๙๙๐ บาทต่อคน ซึ่งในนี้รวมห้องแฟมิลี่ ๑ ห้อง ค่าทัวร์ ๔ เกาะ และเกาะพีพี รวม ๒ วัน อาหารเช้าและเย็น ๒ มื้อ มีรถตู้รับและส่งสนามบิน แต่ผมขอต่อรองยกเลิกอาหารเย็น ๑ มื้อ เพราะอยากจะไปกินร้านอร่อยๆ เอง เลยได้ราคาลงมาอีก ถ้ามองผิวเผินก็ว่าน่าจะแพง แต่มันตอบโจทย์ของพวกผมหมดทุกอย่างก็คุ้มอยู่
อาหาร ร้านวังทรายซีฟู้ด โรตียามิลล๊ะ และข้าวต้มรถเครื่อง
เที่ยวบินเรามาถึงราวเที่ยงๆ กว่าจะเดินทางมาถึงโรงแรม ก็ร่วมบ่ายโมงได้ ในแผนตอนแรกที่ว่าจะพาไปกินอาหารในเมืองก็ต้องเปลี่ยนใหม่ กลายเป็นหาอะไรกินมื้อกลางวันควบเย็นเลยทีเดียว ผมจึงเลือกร้าน "วังทรายซีฟู้ด" อยู่ตรงต้นหาดนพรัตนธารา ที่ค่อนข้างดังในหลายเว็บไซต์ โดยรวมรสชาติจัดจ้าน ทั้งแกงส้ม (ใส่ขมิ้นแบบใต้) ผัดฉ่าทะเล ส่วนหอยชักตีน ปูดำนึ่ง ก็สดใช้ได้ กุ้งทอดซอสมะขามก็เปรี้ยวหวานอร่อยดี แต่ที่ไม่ค่อยประทับใจคือพนักงานเสิร์ฟเวลานั้น ที่ไม่สามารถแนะนำอาหารอร่อยของร้านได้ จนทำให้ผมซึ่งมารู้ภายหลังว่าพลาดอาหารถิ่นอย่างยำสาหร่ายทะเล เม็ดกลมๆ ที่มีขายเฉพาะถิ่น

ระหว่างทางเดินกลับก็ได้พบกับร้านโรตีชื่อดังในสื่อออนไลน์อย่าง "ยามิลล๊ะ" อยู่ตรงโค้งระหว่างหาดนพรัตนธารา และหาดอ่าวนาง ป้ามุสลิมเป็นเจ้าของ มีโรตีหลากหลายรูปแบบให้เลือกลิ้มรส ที่ขึ้นชื่อก็อย่าง รสชีส คือใส่เชสดาร์ชีสแผ่นลงไปนั่นล่ะ รสช็อกโกแลตยี่ห้อนูเทลล่า แล้วก็พวกใส่ไข่ กล้วย ผลไม้อื่นๆ โรตีทอด สลัดไก่ และอื่นๆ คือเมนูแกเยอะจริงๆ ที่ผมเห็นว่าประหลาดหน่อยคือ รสน้ำผึ้งมะนาว แอบงงว่า มันจะอร่อยเหรอวะ โรตีโรยด้วยน้ำผึ้งแล้วบีบมะนาวสดลงไป พอกินแล้ว เฮ้ย! อร่อย เปรี้ยว หวาน เค็มนิดๆ กรอบๆ ส่วนราคาก็มีตั้งแต่ ๒๐ บาทเป็นต้นไป

พูดถึงอาหารที่อ่าวนางนี้ค่อนข้างแพงมาก ข้าวผัดร้านอาหารตามสั่งจานละ ๕๐ บาทขึ้นไป ถ้าจะหาซื้อของถูกก็ต้องเดินไปตลาดซึ่งอยู่ห่างออกไปอีกหลายกิโลเมตรหรือไม่ก็รอรถเครื่องตอนค่ำๆ มอเตอร์ไซด์พ่วงขายข้าวต้มกุ๊ย ใส่เครื่องจิปาถะ ทั้งไข่เค็ม ไข่เยี่ยวม้า ไก่ต้ม ปลาตัวเล็กทรงเครื่อง ยำอะไรสักอย่าง และอื่นๆ อีกมากมาย พอเลือกเสร็จเขาจะใส่น้ำซุปไก่ลงไป เหยาะซีอิ๊วขาว หรือพริกป่น น้ำตาล ก็แล้วแต่เราชอบ ทั้งหมดนี้ในราคาเริ่มต้นที่ ๒๕ บาท
เกาะไม้ไผ่
รุ่งเช้าผมและครอบครัวไปเที่ยวทริปแรกคือทัวร์เกาะพีพีครับ เราจะต้องนั่งรถสองแถวที่มารอรับเรายังโรงแรมไปสู่แหล่งระดมพล “อุทยานแห่งชาตินพรัตน์ธารา” ก่อนที่จะไปขึ้นเรือสปีดโบ๊ทขนาดใหญ่แล่นไปยังเกาะต่างๆ ตามแต่ทัวร์จะพาไป ซึ่งแต่ละยี่ห้อก็จะมีกำหนดการเยี่ยมชมเกาะไม่เหมือนกัน อย่างของผมไปโผล่ที่ "เกาะไม้ไผ่" เป็นที่แรก นั่งเรือกันได้ราวๆ ๔๐ นาทีกระมังก็ถึง ดูจากภูมิศาสตร์เกาะนี้น่าจะเดินวนได้รอบ มีหาดทรายที่ขาวสุดๆ แต่เปลือกหอยเศษปะการังเพียบทิ่มเท้านัก ผมและครอบครัวค่อนข้างตื่นตาตื่นใจมาก เราก็แวะเล่นน้ำกันที่นี่ประมาณครึ่งชั่วโมงได้ ตอนแรกว่าก็จะเดินให้รอบเกาะเลย

แต่...เวลาแค่นี้ ก็ทำได้เพียงถ่ายรูปเล่นกันล่ะครับ
อ่าวโล๊ะดาลัม เกาะพีพีดอน
จุดที่ ๒ คือพาไปดำน้ำแถวๆ นั้นไม่ไกลมาก จะว่าดำน้ำก็ไม่เชิงนะ มันเป็นลักษณะเอาหัวจุ่มมองใต้น้ำมากกว่า คือเขาจะมีอุปกรณ์อย่างชูชีพ และสนอกเกิล ไอ้ท่อที่ไว้หายใจทางปากกับแว่นตากันน้ำ ให้ใส่ไว้พอลงน้ำมันก็ลอยตุ๊บป่องๆ น้องสาวผมก็เลยเปรี้ยวถอดชูชีพดำลึกเล่น มีหน้ามาชวนพี่มันให้ทำตามอีก... คิดหรือว่าพี่มันจะไม่ทำ ตรงนี้ไม่ค่อยมีปะการังสวยงาม จริงๆ ต้องบอกว่า ทั้งทริปแม่งไม่มีจุดไหนที่มีปะการังสวยงามเลยครับ แต่น้ำใสจริง ปลาทะเลตัวน้อยเยอะมาก น้องสาวผมชอบใจนัก

ว่ายไปสักพักก็อัญเชิญนักท่องเที่ยวขึ้นเรือเพื่อพาไปรับประทานอาหารกลางวันบน “เกาะพีพีดอน” เกาะนี้ก็สวยดีนะ ดูจากแผนที่ตรงจุดจอดเรือจะเหมือนวงแหวน ๒ วงที่หันชนกัน รอบๆ ล้อมด้วยภูเขา ตรงจุดนี้เรียกว่า หาดต้นไทร แต่เขาจะพาเราไปกินบุฟเฟ่ต์อาหารไทยที่ อ่าวโล๊ะดาลัม ซึ่งอยู่ด้านหลัง มื้อนี้มีผัด ๒ อย่าง ต้มยำ ของทอด และผลไม้ให้ได้ทาน รสชาติก็โอเค พอกินได้ จากนั้นก็ปล่อยให้พักรวมแล้วราว ๑ ชั่วโมง ก่อนจะเดินทางต่อ ผมเดินลงไปถ่ายรูปที่หาดด้วยแดดอันแผดเผา สายตามองเห็นแต่ผืนทรายขาวทอดยาวไกล น้ำแห้งเหือดหายดูแล้งจนไม่น่าเล่น น้ำลงไปเยอะจนดูเป็นทิวทัศน์ที่แปลกตา
หาดต้นไทร เกาะพีพี
แล้วเขาก็พาเราไปดูหาดลิง คือมีลิงลงมาที่หาดเพื่อกินผลไม้จากนักท่องเที่ยวบ้าง และให้ได้ถ่ายรูปบ้าง ก่อนจะพาไปดำน้ำอีกจุดนึง ผมจำไม่ได้ว่าเป็นอ่าวอะไรเพราะเสียงเครื่องมันดังจนผมไม่ได้ยินอะไรมากนัก ตรงนี้ปลาจะเยอะกว่าที่เดิมมากครับ พี่ท่านก็ปล่อยให้อยู่กันนานหน่อย

แล้วก็พาไปที่ “อ่าวมาหยา” อีกหนึ่งสถานที่ดังระดับโลก ขนาดฮอลลิวูดต้องมาถ่ายหนังเรื่องเดอะบีช ที่ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ เคยนำแสดงเมื่อหลายสิบปีมาแล้ว โดยรวมก็สวยสมราคาจริงๆ เหมือนทะเลส่วนตัวที่โอบล้อมด้วยหุบเขา สีน้ำน้ำเงินหาดทรายขาวแต่ไม่เนียน ฝรั่งเล่นน้ำพลางอาบแดดรอเวลาสุดท้ายก็พาเราไปดู “ถ้ำไวกิ้ง” ซึ่งเป็นแหล่งทำสัมปทานรังนกนางแอ่น มีชาวบ้านไปพักเพื่อแกะรังด้วย เสียดายที่เรือไม่ได้พาเราเข้าไป ได้แต่มองดูรอบๆ ก่อนจบทริปวันนี้
อ่าวมาหยา
ถ้ำไวกิ้ง
รุ่งเช้าของวันสุดท้ายในการทัวร์เราไปทริป ๔ เกาะกับไกด์ที่ชื่อคิงคอง ครับ ต้องเอ่ยนามเพราะแกค่อนข้างเอนเตอร์เทนคณะของเราได้ดีมากตั้งแต่นัดระดมพลที่อุทยานฯ จนกลับ ตามโปรแกรมนี้เราใช้เรือหางยาว ที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของถิ่นเป็นพาหนะ ตอนแรกก็คิดว่าลำเล็กๆ จะคล้ายกับที่วิ่งในแม่น้ำเจ้าพระยา แต่เอาเข้าจริงก็ดูได้มาตรฐาน ไม่ทำให้ผู้สูงอายุกลัวนัก ซึ่งคณะของเราออกเดินทางไปที่ "เกาะปอดะ" เป็นแห่งแรก

เกาะนี้ก็คล้ายๆ กับเกาะอื่นๆ ที่ไปมาเมื่อวาน แต่ลักษณะสีน้ำจะออกเขียวมรกต ต่างจากเมื่อวานที่เป็นสีน้ำเงิน ที่ถือเป็นไฮไลต์คือหน้าหาดจะมีเขาลักษณะคล้ายตะปูตั้งอยู่โด่เด่ เป็นจุดถ่ายรูปยอดฮิตเลยล่ะ หาดตรงนี้มีปลาลายเสือ ว่ายมาให้นักท่องเที่ยวได้ชม ซึ่งบางคนก็ใช้ขนมปังมาล่อให้มันมากิน อันนี้ผมไม่เห็นด้วยนัก เพราะจะทำให้ระบบนิเวศเสีย ปลาเคยตัวจนไม่ไปทำความสะอาดปะการัง
เกาะปอดะ
จากนั้นเขาก็พาเราไปว่ายน้ำชมปะการัง และปลาน้อย น้าคิงคองแกบอกว่าปะการังส่วนใหญ่มันตายเพราะสึนามินั่นล่ะ แต่ถ้าจะไปดูที่สวยๆ ก็ต้องไปเกาะห้อง จะมีปะการังสีแดงอยู่ สักพักสาวๆ ที่อยู่ในกรุ๊ปก็แย้งมาว่า หนูเพิ่งไปมาเมื่อวานไม่เห็นเขาพาไปดูเลย เขาอ้างว่าทิศทางน้ำไม่ดี น้าคิงคองแกก็โวยขึ้นมาบอกว่า เฮ้ย เมื่อวานทิศทางน้ำไม่เห็นมีปัญหา แบบนี้ทัวร์ใช้ไม่ได้ แล้วแกก็บ่นๆ อีกหลายอย่าง แต่ผมจับใจความได้แค่ว่า “เกาะห้อง ต้องดูปะการังสีแดง”

เราพักกินข้าวกันที่ “ทะเลแหวก” ที่เห็นคือทางหาดทรายที่เชื่อมทั้ง ๓ เกาะ ได้แก่ เกาะไก่ เกาะหม้อ เกาะทับ เข้าด้วยกัน แลดูสวยดีมาก ให้เดินไปหากันได้ แต่ตอนที่ไปมันยังเห็นสันทรายไม่ชัดเท่าไหร่ น้าคิงคองบอกว่าต้องบ่าย ๒ โมงถึงจะชัด (แล้วพี่ให้มาทำไมตอนเที่ยงเนี่ยยยย) อ่ะไม่ว่ากัน พักกินข้าวมีผัดผักราด รสชาติอย่าได้ถาม แล้วก็เดินสำรวจทางไปเรื่อยๆ คนก็เดินสวนกันเต็มหาดราวกับเป็นพวกอพยพเลย ไกด์บอกแต่ก่อนมันเนียนกว่านี้ สันทรายก็เห็นชัด พอโดนสึนามิเท่านั้นล่ะ เรียบร้อย
ทะเลแหวก
จุดสิ้นสุดทริปของเราอยู่ที่ “หาดถ้ำพระนาง” ครับ ด้านหน้าที่ผมเห็นเป็นลานหาดทรายมีภูเขาเป็นฉากด้านข้าง ตรงนี้ก็สวยดีมีสันทรายเชื่อมจากหาดถ้ำไปหาเกาะเล็กๆ ด้านข้าง ส่วนใต้ภูเขาด้านขวามือจะมีถ้ำ เป็นศาลของเทพธิดา ล้อมรอบไปด้วยปลัดขิก ที่ชาวบ้านนำมาแก้บน ตำนานก็ว่า มีเรือพระที่นั่งจมนอกชายฝั่ง และทำให้เจ้าหญิงอินเดียชื่อ ศรีกุลเทวี จมน้ำไป เชื่อกันว่า วิญญาณได้สิงสถิตอยู่ที่ศาลแห่งนี้ พอชาวประมงก่อนจะออกไปทะเลก็จะต้องมาขอพรให้โชคดี ส่วนที่นำปลัดขิก มาแก้เพราะเชื่อว่าเป็นสิ่งที่เทพธิดาต้องได้รับ ... ก็งงเหมือนกัน

น้าคิงคอง พาเราเดินต่อ บอกว่าจะพาไป “อ่าวไร่เลย์” ที่เขาว่าสวยมากๆ เป็นของแถม การเดินทางก็เลาะหลังหาดถ้ำพระนางไปเรื่อยๆ ซึ่งเป็นช่องแคบระหว่างเขา มีทางปีนเขาด้วย แต่พี่ไกด์ไม่แนะนำ บอกถ้ารองเท้าไม่ดีไม่ควรขึ้น ตามแกไปสักพักก็ถึงจุดแรก หาดไร่เลย์ตะวันออก ตรงนี้ดูแห้งแล้งมาก ชายหาดน่าจะเล่นไม่ได้ เขาว่าถ้าช่วงเช้าน้ำจะขึ้นจนเรือเข้ามาได้ แต่ถ้าช่วงบ่ายก็ขอดแบบนี้ล่ะ พอเดินไปอีกสักพักก็ถึงหาดไร่เลย์ตะวันตก ....
หาดถ้ำพระนาง
พอเห็นแล้วถึงกับอึ้ง อึ้งว่า ทำไมมันร้อนแบบนี้ฟ่ะ?? มันเหมือนจะสวย มีเขาขนาบ ๒ ข้าง แต่ชายหาดกลับแห้งแล้งขนาดจากฝั่งถึงน้ำนี่ไกลกันเป็น ๑๐๐ เมตรเลย ผมอาจจะคาดหวังไปเองด้วยมั้ง แต่ทุกคนที่มาก็คิดคล้ายๆ กันว่า มันน่าจะสวยกว่านี้นะ ถ้ารู้ว่าเป็นแบบนี้เล่นน้ำอยู่ที่ถ้ำพระนางดีกว่า

ทริปจบด้วยการร่ำลากระบี่ ก่อนบินสู่สนามบินดอนเมือง จริงๆ มีอีกหลายที่ที่ผมอยากจะไป อยากว่ายน้ำชมปะการังที่เกาะห้อง ไปนอนค้างพีพีสักคืน หรือเที่ยวเกาะลันตา ไปน้ำตกมรกต วัดถ้ำเสือ ที่อยู่ในเมือง ชมสัญลักษณ์ปูดำ เที่ยวเขาขนาบน้ำ แต่เสียดายเวลาที่มีไม่มาก จึงทำได้แค่โบกมือลาแล้วคิดแผนเดินทางมากันใหม่
ส่วนตัวค่อนข้างมีความสุขมาก ที่ได้นำเงินเก็บส่วนนึงมาใช้ปฏิบัติการพาพ่อแม่เที่ยว ในโอกาสฉลองครบรอบ ๓๐ ปีชีวิตผมที่แกให้มา ยิ่งเห็นหน้าทั้งคู่ดูมีความสุขแบบที่ไม่ได้เห็นมานานแล้ว ผมก็พอล่ะ ....

ปีหน้า ไม่สิ อีก ๒ ปีข้างหน้าค่อยว่ากันใหม่นะ ฮ่าๆๆ
กำลังโหลดความคิดเห็น