เดธโน้ต กำจัดคนชั่ว สร้างโลกใหม่

ย้อนกลับไปเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว ผมเขียนบทความเกี่ยวกับการ์ตูนซูเปอร์ฮีโร่ของฝั่งสหรัฐอเมริกา การ์ตูนดีๆหลายเรื่องก็ไม่ต่างอะไรกับวรรณกรรมดีๆ มันมีมุมมอง สะท้อนสังคม ปัญหาทางเศรษฐกิจ การเมือง ชีวิตและความรู้สึกนึกคิดของผู้คนในช่วง เวลานั้นๆ

วันนี้ผมขอหยิบการ์ตูนเรื่องหนึ่งของฝั่งญี่ปุ่นบ้าง เป็นการ์ตูนที่ทำออกมาแล้วหลายเวอร์ชั่นตั้งแต่หนังสือการ์ตูน การ์ตูนแอนนิเมชั่น และภาพยนตร์ รวมไปถึงฉบับที่เป็นหนังสือนวนิยาย

การ์ตูนเรื่องที่ว่านั้นก็คือ เดธโน้ต ซึ่ง เล่าเรื่องราวของสมุดโน้ต ที่หากใครถูกเขียนชื่อลงไปในสมุดจะต้องตาย ก่อนอื่นขอเล่าข้อมูลเบื้องต้นกันก่อน ต้องขอขอบคุณข้อมูลจากเว็บไซต์ต่างๆ เช่น วิกิพีเดียมายูทิวบ์ การ์ตูนออนไลน์ ณ ที่นี่ด้วยครับ

เดธโน้ต (Desu Nōto ทับศัพท์จาก Death Note ) เป็นชื่อการ์ตูนญี่ปุ่นแนวลึกลับ แต่งเนื้อเรื่องโดยสึงุมิ โอบะ และวาดภาพโดยทาเคชิ โอบาตะ ในประเทศญี่ปุ่น เดธโน้ตลงตีพิมพ์ในนิตยสารโชเน็นจัมป์รายสัปดาห์ของสำนักพิมพ์ชูเอชะ และตีพิมพ์รวมเล่มออกจำหน่ายทั้งหมด 12 เล่ม ในประเทศไทยผู้ได้รับลิขสิทธิ์ในการตีพิมพ์คือ เนชั่น เอ็ดดูเทนเมนท์ ลงตีพิมพ์เป็นรายสัปดาห์ ในนิตยสารบูม

เดธโน้ตได้มีการนำมาทำเป็นภาพยนตร์ โดยวอร์เนอร์ บราเธอร์ส แบ่งออกเป็น 2 ภาค ภาคแรก ในชื่อ สมุดโน้ตกระชากวิญญาณ ภาคที่สองในชื่อ อวสานสมุดมรณะ นอกจากนี้เดธโน้ตยังได้ถูกทำเป็นวิดีโอเกมของเครื่องนินเทนโด ดีเอส ในชื่อ Death Note: Kira Game

ในวันที่ 30 เมษายน ค.ศ. 2009 นิตยสารวาไรตี้ ประกาศว่าวอร์เนอร์บราเธอร์ส ได้รับสิทธิในการนำการ์ตูนมาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ใช้คนแสดงในสหรัฐอเมริกา วอร์เนอร์บราเธอร์ส ว่าจ้างชาร์เลย์ กับวลาส พาร์ลาพานิเดส ให้เป็นผู้ดัดแปลงมังงะลงสู่บทภาพยนตร์ ซึ่งแตกต่างจากเดธโน้ตของภาพยนตร์ญี่ปุ่นใช้คนแสดงไตรภาค

ในเวอร์ชันสหรัฐจะดัดแปลงจากสิ่งที่มีอยู่ในมังงะโดยตรง ไม่มีการดัดแปลงเค้าเรื่องแบบภาพยนตร์ของญี่ปุ่น ต่อมา ในวันที่ 13 มกราคม ค.ศ. 2011 ได้มีการประกาศว่าเชน แบล็ค ได้รับการว่าจ้างให้กำกับภาพยนตร์ เขียนสคริปต์โดยแอนโธนี่ บาการอสซี่ กับชาร์ลส์ มอนดรี่

ยางามิ ไลท์ ตัวเอกของเรื่อง เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย ผู้เบื่อหน่ายและเสื่อมศรัทธาต่อความยุติธรรมในโลก เมื่อเขาเก็บสมุดโน้ตเล่มหนึ่ง ซึ่ง ลุค ยมทูตตนหนึ่งได้ทำตกเอาไว้ จากการที่ลุคปรากฏตัวต่อหน้าไลท์ ทำให้ไลท์รู้ว่า สมุดโน้ตที่ตนเก็บได้นั้นเป็น “เดธโน้ต” เขาตั้งใจจะใช้กำจัดคนชั่ว เพื่อสร้างโลกที่น่าอยู่

สมุดโน้ตสามารถฆ่าคนได้ เพียงเขียนชื่อจริงและเคยเห็นหน้าบุคคลนั้นลงในสมุดเล่มนั้นแล้ว บุคคลผู้นั้นก็จะมีอันเป็นไป คือ จะหัวใจวายตายภายใน 40 วินาที หลังจากที่ไลท์ทดลองเขียนชื่อเหยื่อ 2 ราย ลงในโน้ตเล่มนั้น จนเห็นผลลัพธ์จริงแล้ว ไลท์จึงตัดสินใจให้สมุดเล่มนี้เปลี่ยนแปลงโลกนี้ซะใหม่ และสถาปนาตนเองเป็นพระเจ้า แล้วปราบปรามอาชญากรซะอยู่หมัด ผู้คนทั่วโลกจึงขนานนามว่า คิระ

ต่อมาแอลก็ถูกส่งตัวมาสืบคดีที่ญี่ปุ่น พร้อมกับ วาตาริ ผู้ช่วยคู่ใจ และก็ร่วมมือกับกองสืบสวนญี่ปุ่นในการจับกุมคิระ พร้อมขอให้ทางสหรัฐส่ง FBI เข้ามาติดตามผู้ต้องสงสัยว่าเป็นคิระ ส่วนไลท์ได้ทดสอบใช้งานโน้ต จนรู้ว่า สมุดเล่มนี้สามารถกำหนดให้บุคคลเสียชีวิตด้วยเหตุอื่นๆ และกำหนดเวลาที่จะให้เสียชีวิตด้วย ด้วยการใช้เดธโน้ตอย่างพลิกแพลง จนสามารถสังหาร FBI ที่ส่งมาจนหมด ทำให้แอล เริ่มมั่นใจว่า ไลท์ น่าจะเป็นคิระ

คำว่า คิระ (มาจากคำว่า Killer ในภาษาอังกฤษ) หมายถึงผู้พิพากษาอาชญากรต่างๆ หรือจะเป็นคนธรรมดาที่ไม่ได้มีความผิดก็ได้ แต่จะต้องเป็นผู้ที่ตามหาเขา ในเรื่องคิระหรือไลท์มักใส่ชุดสีดำที่สะท้อนถึงด้านมืดของจิตใจตัวละครตัวนี้

ตอนจบสุดท้ายของเรื่องจะเป็นอย่างไรก็สุดแล้วแต่ว่าคุณอ่านจากหนังสือ หรือชมภาพยนตร์ หรือดูการ์ตูนแอนนิเมชั่น เพราะตอนจบจะแตกต่างกันออกไปครับ ส่วนใครได้ชม ได้อ่านครบหมดแล้วก็กรุณาอย่าคอมเม้นท์ท้ายข่าวเลยนะครับ คนที่ยังไม่ได้อ่านหรือยังไม่ได้ชมจะได้ไปหาอ่านหาชมได้อย่างสนุก

ที่ผมหยิบการ์ตูนเรื่องนี้มาเขียน เพราะผมกำลังรู้สึกว่าโลกเราวันนี้ ถูกทำลายด้วยน้ำมือคนชั่ว คนบางส่วนไม่ทำตามหน้าที่ของตัวเอง จนคนอีกส่วนหนึ่งเริ่มทนไม่ไหวแล้ว นี่ถ้าเรามีเดธโน้ตสักเล่ม เราคงเขียนชื่อนักการเมืองไทยโคตรเลวลงไปให้หมด จะได้กำจัดคนชั่ว ไม่ให้อยู่ลอยหน้าลอยตาโกงกินทำร้ายบ้านเมือง เป็นพวกหนักแผ่นดินอย่างทุกวันนี้

แต่ถ้าหยิบยื่นความตายให้กันแบบง่ายๆเช่นนั้น ก็คงไม่ต่างอะไรกับฆาตกร ที่จ้องสังหารคนอื่นอย่างไร้เหตุผล และจะแน่ใจในตัวเองได้อย่างไรว่า เราจะไม่ตกเป็นเหยื่อของความชั่วร้ายเสียเอง

ดีนะที่เรื่องนี้เป็นเพียงการ์ตูน เพราะถ้าเป็นเรื่องจริง มีหวังว่าคงมีคนชั่วตายทุกวัน ตำรวจเองคงไร้ปัญญาที่จะจับตัวคีระ

ในความหวังดีบางทีมันก็ดูเกินเลยหรือล้ำเส้นเอาได้ง่ายๆเหมือนกัน เป้าหมายของไลท์ในช่วงแรกเป็นเช่นนั้น ตอนหลังตัวเองหลงลำพองมาก จนสุดท้ายก็อยากทำอะไรที่เกินตัว เกินเลย และล้ำเส้นไปเรื่อยจนหยุดไม่ได้

การ์ตูนเรื่องนี้ สำหรับผมมุมมองที่ชอบที่สุดคือ พระเจ้าที่มักมีอารมณ์ขันเสมอ ความเป็นมนุษย์ในบุคลิกของตัวละครแต่ละตัว โดยเฉพาะยานางิ ไลท์ ชื่อเขาแปลว่าแสงสว่าง แต่ในหัวใจกลับมืดมิด เป็นความขัดแย้งในตัวเอง มนุษย์ทุกคนมีทั้งด้านสว่างและด้านมืด มีทั้งเปลือกนอกและเนื้อใน คนที่เหมือนจะเป็นคนดีเป็นความหวังใหม่ แต่สุดท้ายกลับเป็นคนที่ร้ายสุดๆ หรือตัวละครอย่างแอล ที่บุคลิกซกมกกินแต่ขนมทั้งวัน ดูสารรูปแล้วไม่น่าไว้ใจ แต่กลับเป็นคนเก่งอัจฉริยะเลยทีเดียว มันดูขัดกันจริงๆ

สุดท้ายเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า มนุษย์ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ มีรัก โลภ โกรธหลงได้ทั้งนั้น มนุษย์จึงเป็นสัตว์ที่น่าพิศวงมากที่สุดต่อไป ไม่ว่ายมทูตจะมีจริงหรือไม่ ไม่ว่าจะมีซุปเปอร์ฮีโร่กำจัดคนชั่วเพื่อเปลี่ยนแปลงโลก และสร้างโลกใหม่ที่ดีกว่าเดิมหรือไม่ มนุษย์ทุกคนสุดท้ายก็หนีความตาย หนีบาปที่ตัวเองก่อไปไม่ได้ นี่เป็นสัจธรรมของชีวิต