ผ่านไปแล้วนะครับเมื่อวันเสาร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ 2555 กับงานที่หลายคนรอคอย เพื่อจะได้พบกันในงานที่ตั้งชื่อว่าคอนเสิร์ตคนโขนรอบปาฏิหาริย์ งานเลี้ยงโต๊ะจีนรวมมิตรรวมเพื่อน จัดโดยสองหัวเรือใหญ่ “อาตั้ว” ศรัณยู และ เฮียบุ๊ง
บรรยากาศรวมๆ เป็นกันเองเป็นอย่างมาก มากถึงขนาดที่คนร้องเพลงและเจ้าของคอนเสิร์ตสามารถลงจากเวทีไปร้องกับผู้ชม ร่วมกันร้องร่วมกันเต้น คนร้องกับคนดูรวมเป็นเนื้อเดียวกันแยกกันไม่ออกเลยหละครับ
ความสนุกของคอนเสิร์ตนี้ที่ผมคาดไม่ถึง คือการที่เอาเพลงเพราะๆ ดังๆ หลายๆ เพลงมาร้อง สื่อความหมายถึงกัน
เนื่องจากคอนเสิร์ตครั้งนี้เป็นการรวมจากแปดรอบเหลือรอบเดียว คิดดูซิครับว่าจะทำให้เป็นคอนเสิร์ตที่ยาวและมีแขกรับเชิญเยอะมากขนาดไหน เยอะจนเรียกได้ว่าดูกันยาวรายการแน่นเอี๊ยด สุดคุ้มสุดมันสำหรับคนดู
เท่านั้นยังไม่พอ แขกรับเชิญแต่ละท่านก็สุดยอดทั้งนั้น เริ่มตั้งแต่ “พี่แอน” จินดารัตน์ ที่ขึ้นมาเรียกเสียงกรี๊ดเป็นคนแรก สร้างความตะลึงให้พวกเราได้ตื่นตกใจกันก่อนเลยทีเดียว
แขกรับเชิญอีกท่านที่ขึ้นมาบนเวทีแล้วเรียกเสียงกรี๊ดได้มากที่สุด คงหนีไม่พ้นอาจารย์ปานเทพ ที่ทำเอาสาวสาวน้อยสาวมาก และสาวทุกประเภทได้กรี๊ดกัน ยิ่งอาจารย์ร้องเพลง รักในซีเมเจอร์ด้วยแล้ว ยิ่งตรึงคนดูได้สุดๆเลยครับ
ชายหนุ่มอีกท่านหนึ่งที่ขึ้นร้องเพลงบนเวทีนี้ คือพี่เติมศักดิ์ พิธีกรข่าวของเราซึ่งผมเชื่อว่าหลายๆคนรวมถึงผมด้วยนั้นไม่เคยฟังพี่เติมร้องเพลง เคยฟังแต่พี่เติมเล่าข่าว ใครจะไปคิดละครับว่าพี่เติมจะร้องเพลงได้เพราะขนาดนี้
นอกจากสองหนุ่มที่มาเป็นแขกรับเชิญบนเวทีนี้ ยังมีพี่สาวของผมอีกสองท่านที่รวมแจมบนเวที หนึ่งในนั้นคือ “พี่เก๋” กมลพร ที่ขึ้นไปร้องเพลงวัยรุ่น รักแท้…ยังไง ของน้องน้ำชา
พี่เก๋เธอทั้งรองทั้งเต้น แถมยังร้องเพลงคู่กับเจ้าของคอนเสิร์ตอย่างอาตั้วซะสุดๆไปเลย ทั้งที่ก่อนขึ้นเวทีพี่เก๋เกร็งมากๆ ตอนขึ้นไปเป็นน้องน้ำชาอยู่ดีๆ ตอนลงมานี่กลายเป็นน้องน้ำชา(ชัก)ไปซะนี่
ส่วนพี่สาวอีกท่านหนึ่งที่ไม่พลาดขึ้นเวทีด้วยคือ “พี่นุ๊ก” กรองทอง ซึ่งขึ้นไปร้องเพลงทะเลสีดำ ได้ไพเราะเพราะพริ้งเลยละครับ พอลงจากเวทีมีคนแซวว่าแหมวันนี้เป็นนางฟ้าเลยนะ เพราะเพลงนี้ประกอบละครที่น้องญาญ่าเล่นเป็นนางฟ้าของสายชล
อีกหนึ่งสีสันของคอนเสิร์ตนี้แม้ไม่ใช่เพลงเพราะๆ ไม่ใช่แขกรับเชิญ แต่เรียกเสียงกรี๊ดก็คือการฉายวีดีโอหนังและคะครเก่าๆ ของอาตั้ว สมัยยังหนุ่มๆ ให้ได้ชมกัน เรียกได้ว่าเรียกเสียงกรี๊ดสนั่น ยิ่งเป็นฉากเข้าพระเข้านางด้วยแล้ว เสียงกรี๊ดยิ่งดังขึ้นไปอีก
ทีแรกนึกว่าในคอนเสิร์ตจะไม่มีเพลงแปลงหรือเพลงกวนๆซะแล้ว ในที่สุดก็มีหนึ่งเพลงที่เกี่ยวกับนายกปูและคำว่าเอาอยู่ ซึ่งเป็นคำยอดฮิตส่งท้ายปลายปีที่แล้ว นั่นคือเพลงแปลงจาก Loving You So Much ของ “พี่เบิร์ด” ธงไชย ที่แปลงมาได้หยิกกัด และฮาอย่างเดียว เล่นเอาน้องสาวคนนึงของผมที่ยืนฟังอยู่ด้วยกันขำจนแทบจะลงไปกลิ้งเลยทีเดียว
แขกรับเชิญอีกท่านหนึ่งที่ผมเชื่อว่าหลายท่านคงไม่เคยฟังชายคนนี้ร้องเพลงก็คือคุณอาหมี ที่ขึ้นไปร้องเพลงจีนได้งงด้วยใจเกินร้อย จนน้องคอรัสและอาตั้วต้องช่วยกันร้องอย่างเต็มที่
เวทีนี้ร้องถูก ร้องผิด ร้องเพราะ ไม่เพราะ ตรงคีย์หรือผิดคีย์ ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ สิ่งสำคัญคือเราทุกคนมีหัวใจดวงเดียวกัน
เพลงหนึ่งที่ดังขึ้นบนเวทีสะกดคนฟัง นั่นคือเพลงพ่อ ที่แต่งโดย “พี่จิก” ประภาส ชลศรานนท์ ที่ประกอบละครเทิดพระเกียรติเรื่องพ่ออีกด้วย เป็นเพลงที่เพราะมาก เพลงนี้เคยเป็นเสียงของพี่ปั่น ไพบูลย์เกียรติ เขียวแก้ว ในเวอร์ชั่นต้นฉบับ
ก่อนจบคอนเสิร์ตก็มีเซอร์ไพรส์แบบที่ผมเชื่อว่าหลายๆคนคงไม่คาดคิด เมื่อคุณสนธินำทีมเอเอสทีวีทั้งหมดขึ้นเวที ไม่ได้ขึ้นไปร้องเพลง ไม่ได้ขึ้นไปปราศรัย แต่ขึ้นไปแดนซ์กระจาย ใครจะเชื่อว่าคุณสนธิจะส่ายเอวส่ายสะโพกบนเวที เรียกเสียงกรี๊ดและเสียงฮาล้นห้องประชุมเลยทีเดียว
หลังจากความสนุกจบลงด้วยภาพประทับใจมากมาย เราก็ได้อิ่มหนำกับโต๊ะจีนกันต่อ และได้ชมการแสดงอีกหลายชุดจากพิธีกร และพี่น้องพันธมิตร
ในการสังสรรค์ครั้งนี้พ่อแม่พี่น้องยังได้ฟังคุณสนธิเปิดใจอีกด้วย ได้พบได้พูดได้ฟังกันให้หายคิดถึง แถมทำให้หลายๆคนที่มีคำถามในใจ คุณลุงสนธิก็ได้ตอบไว้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเรื่องของการย้ายช่องของบางคน เรื่องทำไมถึงไม่ออกมาชุมนุมอีก และอีกหลายๆประเด็น
เขียนมาถึงตรงนี้แล้ว ผมรู้สึกว่าหัวจิตหัวใจของพ่อแม่พี่น้องนั้นยิ่งใหญ่ราวปาฏิหาริย์ ความอบอุ่นในวันนั้นทำให้ผมซาบซึ้งใจมากครับ …