การปล้นบ้านปลัดกระทรวงคมนาคมนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม เมื่อวันที่ ๑๒ พฤศจิกายนที่ผ่านมา พร้อมกับข่าวลือที่ว่าพวกโจรได้ทรัพย์สินเป็นเงินสดไปถึง ๒๐๐ ล้าน ทำให้เกิดข้อกังขาในหมู่ประชาชนถึงความร่ำรวยของข้าราชการประจำว่ารายได้ขนาดนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร
และทางตำรวจเองก็ยังไม่สามารถคลี่คลายปมเงินทั้งหมดได้ เพราะเงินจำนวนมากยังอยู่กับผู้ต้องหารายหนึ่งที่หนีไปกบดานอยู่ในประเทศลาว ซึ่งกล่าวกันว่าผู้ต้องหารายนี้ขนเงินใส่กระสอบไปถึง ๑๐๐ ล้านบาททีเดียว ข้อเท็จจริงนี้ทางตำรวจก็กำลังพยายามหาทางนำสืบและจับกุมผู้ต้องหารายนี้อยู่
ปลัดสุพจน์นั้นปฏิเสธเรื่องจำนวนเงินที่ถูกปล้นไป อ้างว่าเงินที่ถูกปล้นเป็นแค่เงินสินสอดของลูกสาวที่แต่งงานในคืนที่ถูกปล้น และมีมูลค่า ๕ ล้านบาทจากที่ตำรวจนับได้
อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดกรณีอื้อฉาวขึ้น รมว.และรองนายกฯ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ได้สั่งย้ายนายสุพจน์ให้ไปช่วยราชการที่สำนักนายกฯ มีผลวันที่ ๑๘ พฤศจิกายนในทันที โดยอ้างว่าเป็นการเปิดทางให้ปปช.เข้าไปสอบสวนหาข้อเท็จจริงได้สะดวก
กระทรวงคมนาคมเป็นกระทรวงเศรษฐกิจเกรดเอ ได้รับงบประมาณแต่ละปีนับแสนล้านบาท มีเงินเป็นงบลงทุนจากโครงการขนาดใหญ่มากมาย ทำให้นักการเมืองให้ความสนใจที่จะเข้ามาอยู่ในกระทรวงนี้ทุกยุคทุกสมัย
กล่าวกันว่างบประมาณหลักของหน่วยงานที่น่าสนใจของกระทรวงคมนาคมได้แก่ กรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบทที่มีเงินงบประมาณสูงสุด โดยเฉพาะมีงานประมูลหลายสัญญามาก กรมทางหลวงได้รับการจัดสรรเงินงบประมาณปีละไม่ต่ำกว่า ๕ หมื่นล้านบาท และกรมทางหลวงชนบทได้รับการจัดสรรอยู่ที่ปีละ ๒.๕ ถึง ๒.๖ ล้านบาท ทำให้สองหน่วยงานมีเม็ดเงินกว่าเกือบแปดหมื่นล้านบาทเข้าไปแล้ว และกล่าวกันว่าปลัดสุพจน์ซึ่งผ่านงานด้วยการเป็นอธิบดีของแต่ละกรมดังกล่าวมาแล้วในช่วงปี ๒๕๕๑ ถึง ๒๕๕๒ ก็ได้มีโครงการและงานประมูลผ่านมือของเขาอยู่มากมาย
เขาขึ้นเป็นปลัดกระทรวงเมื่อวันที่ ๑ ตุลาคมปี ๒๕๕๒ ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำรัฐบาลและในช่วงหลังจากนั้นปลัดสุพจน์ก็คุมกระทรวงคมนาคมที่ได้รับงบประมาณมากมายมหาศาล ในปี ๒๕๕๓ กระทรวงมีงานที่ได้รับงบประมาณเพิ่มจากงบประมาณปกติประมาณ ๙ พันล้านบาท และได้รับงบเสริมจากโครงการไทยเข้มแข็งอีก ๔.๗ หมื่นล้านบาท
อนึ่งในช่วงปี ๒๕๕๑ ถึง ๒๕๕๒ ขณะที่นายสุพจน์เป็นอธิบดีคุมกรมสำคัญอยู่สองกรมนั้น ถือว่าเป็นยุคทองและเขากุมเม็ดเงินมากมายจากงานประมูลจำนวนมากไว้ในมือ
ขณะที่คดีนี้เป็นเรื่องขึ้นมาก็เป็นคดีที่นักการเมืองนำมาตั้งเป็นกระทู้ มีการอภิปรายซักถามในสภาโดยลูกพรรคเพื่อไทยนายพิเชษฐ เชื่อเมื่อ ส.ส.เชียงรายถามถึงคดีปล้นบ้านปลัดกระทรวงคมนาคมว่า เป็นคดีที่กระเทือนคนวงการราชการไทยโดยถามรองนายก ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง
ร.ต.อ.เฉลิมได้ตอบกระทู้สดโดยได้นำแผนภูมิบอกที่มาที่ไปของคดี แสดงการแยกประเภทมาประกอบ พร้อมกับกล่าวว่าคดีนี้แปลกไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เพราะเจ้าทรัพย์ระบุว่าถูกปล้นไป ๕ ล้านบาท แต่ตำรวจตามจับคนร้ายและยึดทรัพย์มาได้แล้ว ๑๗.๘ ล้านบาท ขณะนี้ตำรวจจับกุมคนร้ายได้ ๘ คนจาก ๑๑คน มีนายโก้ขนเงิน ๑๐๐ ล้านบาท หนีไปลาว งานนี้เขาสั่งให้ปล้นแล้วเอาเงินให้ มีสาเหตุมาจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง สีน้ำเงิน สายสีแดง มีการคอรัปชั่น ๗ ถึง ๘ เปอร์เซ็นต์ ตนยืนยันว่าจะจับคนร้ายให้ได้ พาดพิงถึงใครเอาหมด ตอนนี้ได้ข่าวว่านักการเมืองที่ทุจริตกลัวตำรวจจะไปค้นบ้าน รัฐบาลจะรับผิดชอบในการจับกุม นักการเมืองคนใดมีส่วนร่วมจะไม่ละเว้น
ในแง่ตำรวจนั้น ตำรวจมีพยานหลักฐาน ยอดเงินที่คนร้ายกวาดไปว่ามีไม่ต่ำกว่า ๑๕๐ ล้านบาท ขณะที่การไล่ล่าคนร้ายสามารถจับกุมผู้ต้องหาและผู้เกี่ยวข้องได้ทั้งหมด ๙ ราย ยึดเงินสดได้ประมาณ ๑๘ล้านบาท ส่วนผู้ต้องหาหลบหนีและอยู่ระหว่างการตามล่าของตำรวจมี ๓ คน โดยเฉพาะไอ้โก้หรือนายวีระศักดิ์ เชื่อลี หัวหน้าแก๊งค์ ที่กอบเงินใส่กระสอบ ๑๐๐ ล้านหลบหนีไปอยู่ประเทศลาว ขณะเดียวกันพนักงานได้สอบสวนและได้กันนางชุติมา จันทร์ผ่อง อดีตเลขานุการหน้าห้องนายสุพจน์ ไว้เป็นพยาน
สำหรับกรณี ปปช.และ ปปง.มาร่วมกันประสานในคดีนี้ หากคิดว่าเงินได้มาไม่ถูกต้องจะขอตรวจยึดหรืออายัดก็เป็นเรื่องของสองหน่วยงาน สำหรับแนวทางการสืบสวนที่ไปที่มาของเงินทาง ปปง.และ ปปช.จะตรวจสอบ ส่วนตำรวจทำเฉพาะคดีปล้นทรัพย์ ส่วนที่ไปมาที่ไปของเส้นทางการเงินมีการตั้งสมมติฐาน แต่การสอบสวนก็ไม่ได้เชื่อคำให้การของผู้ต้องหาเสียทั้งหมด
ครับ เรื่องของเรื่องก็คือ ข้าราชการประจำที่ร่ำรวยล้นฟ้าคงไม่มีแค่รายนี้รายเดียวหรอกครับ รายอื่นๆยังรอให้มีการตรวจสอบอีกมาก
และทางตำรวจเองก็ยังไม่สามารถคลี่คลายปมเงินทั้งหมดได้ เพราะเงินจำนวนมากยังอยู่กับผู้ต้องหารายหนึ่งที่หนีไปกบดานอยู่ในประเทศลาว ซึ่งกล่าวกันว่าผู้ต้องหารายนี้ขนเงินใส่กระสอบไปถึง ๑๐๐ ล้านบาททีเดียว ข้อเท็จจริงนี้ทางตำรวจก็กำลังพยายามหาทางนำสืบและจับกุมผู้ต้องหารายนี้อยู่
ปลัดสุพจน์นั้นปฏิเสธเรื่องจำนวนเงินที่ถูกปล้นไป อ้างว่าเงินที่ถูกปล้นเป็นแค่เงินสินสอดของลูกสาวที่แต่งงานในคืนที่ถูกปล้น และมีมูลค่า ๕ ล้านบาทจากที่ตำรวจนับได้
อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดกรณีอื้อฉาวขึ้น รมว.และรองนายกฯ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ได้สั่งย้ายนายสุพจน์ให้ไปช่วยราชการที่สำนักนายกฯ มีผลวันที่ ๑๘ พฤศจิกายนในทันที โดยอ้างว่าเป็นการเปิดทางให้ปปช.เข้าไปสอบสวนหาข้อเท็จจริงได้สะดวก
กระทรวงคมนาคมเป็นกระทรวงเศรษฐกิจเกรดเอ ได้รับงบประมาณแต่ละปีนับแสนล้านบาท มีเงินเป็นงบลงทุนจากโครงการขนาดใหญ่มากมาย ทำให้นักการเมืองให้ความสนใจที่จะเข้ามาอยู่ในกระทรวงนี้ทุกยุคทุกสมัย
กล่าวกันว่างบประมาณหลักของหน่วยงานที่น่าสนใจของกระทรวงคมนาคมได้แก่ กรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบทที่มีเงินงบประมาณสูงสุด โดยเฉพาะมีงานประมูลหลายสัญญามาก กรมทางหลวงได้รับการจัดสรรเงินงบประมาณปีละไม่ต่ำกว่า ๕ หมื่นล้านบาท และกรมทางหลวงชนบทได้รับการจัดสรรอยู่ที่ปีละ ๒.๕ ถึง ๒.๖ ล้านบาท ทำให้สองหน่วยงานมีเม็ดเงินกว่าเกือบแปดหมื่นล้านบาทเข้าไปแล้ว และกล่าวกันว่าปลัดสุพจน์ซึ่งผ่านงานด้วยการเป็นอธิบดีของแต่ละกรมดังกล่าวมาแล้วในช่วงปี ๒๕๕๑ ถึง ๒๕๕๒ ก็ได้มีโครงการและงานประมูลผ่านมือของเขาอยู่มากมาย
เขาขึ้นเป็นปลัดกระทรวงเมื่อวันที่ ๑ ตุลาคมปี ๒๕๕๒ ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำรัฐบาลและในช่วงหลังจากนั้นปลัดสุพจน์ก็คุมกระทรวงคมนาคมที่ได้รับงบประมาณมากมายมหาศาล ในปี ๒๕๕๓ กระทรวงมีงานที่ได้รับงบประมาณเพิ่มจากงบประมาณปกติประมาณ ๙ พันล้านบาท และได้รับงบเสริมจากโครงการไทยเข้มแข็งอีก ๔.๗ หมื่นล้านบาท
อนึ่งในช่วงปี ๒๕๕๑ ถึง ๒๕๕๒ ขณะที่นายสุพจน์เป็นอธิบดีคุมกรมสำคัญอยู่สองกรมนั้น ถือว่าเป็นยุคทองและเขากุมเม็ดเงินมากมายจากงานประมูลจำนวนมากไว้ในมือ
ขณะที่คดีนี้เป็นเรื่องขึ้นมาก็เป็นคดีที่นักการเมืองนำมาตั้งเป็นกระทู้ มีการอภิปรายซักถามในสภาโดยลูกพรรคเพื่อไทยนายพิเชษฐ เชื่อเมื่อ ส.ส.เชียงรายถามถึงคดีปล้นบ้านปลัดกระทรวงคมนาคมว่า เป็นคดีที่กระเทือนคนวงการราชการไทยโดยถามรองนายก ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง
ร.ต.อ.เฉลิมได้ตอบกระทู้สดโดยได้นำแผนภูมิบอกที่มาที่ไปของคดี แสดงการแยกประเภทมาประกอบ พร้อมกับกล่าวว่าคดีนี้แปลกไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เพราะเจ้าทรัพย์ระบุว่าถูกปล้นไป ๕ ล้านบาท แต่ตำรวจตามจับคนร้ายและยึดทรัพย์มาได้แล้ว ๑๗.๘ ล้านบาท ขณะนี้ตำรวจจับกุมคนร้ายได้ ๘ คนจาก ๑๑คน มีนายโก้ขนเงิน ๑๐๐ ล้านบาท หนีไปลาว งานนี้เขาสั่งให้ปล้นแล้วเอาเงินให้ มีสาเหตุมาจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง สีน้ำเงิน สายสีแดง มีการคอรัปชั่น ๗ ถึง ๘ เปอร์เซ็นต์ ตนยืนยันว่าจะจับคนร้ายให้ได้ พาดพิงถึงใครเอาหมด ตอนนี้ได้ข่าวว่านักการเมืองที่ทุจริตกลัวตำรวจจะไปค้นบ้าน รัฐบาลจะรับผิดชอบในการจับกุม นักการเมืองคนใดมีส่วนร่วมจะไม่ละเว้น
ในแง่ตำรวจนั้น ตำรวจมีพยานหลักฐาน ยอดเงินที่คนร้ายกวาดไปว่ามีไม่ต่ำกว่า ๑๕๐ ล้านบาท ขณะที่การไล่ล่าคนร้ายสามารถจับกุมผู้ต้องหาและผู้เกี่ยวข้องได้ทั้งหมด ๙ ราย ยึดเงินสดได้ประมาณ ๑๘ล้านบาท ส่วนผู้ต้องหาหลบหนีและอยู่ระหว่างการตามล่าของตำรวจมี ๓ คน โดยเฉพาะไอ้โก้หรือนายวีระศักดิ์ เชื่อลี หัวหน้าแก๊งค์ ที่กอบเงินใส่กระสอบ ๑๐๐ ล้านหลบหนีไปอยู่ประเทศลาว ขณะเดียวกันพนักงานได้สอบสวนและได้กันนางชุติมา จันทร์ผ่อง อดีตเลขานุการหน้าห้องนายสุพจน์ ไว้เป็นพยาน
สำหรับกรณี ปปช.และ ปปง.มาร่วมกันประสานในคดีนี้ หากคิดว่าเงินได้มาไม่ถูกต้องจะขอตรวจยึดหรืออายัดก็เป็นเรื่องของสองหน่วยงาน สำหรับแนวทางการสืบสวนที่ไปที่มาของเงินทาง ปปง.และ ปปช.จะตรวจสอบ ส่วนตำรวจทำเฉพาะคดีปล้นทรัพย์ ส่วนที่ไปมาที่ไปของเส้นทางการเงินมีการตั้งสมมติฐาน แต่การสอบสวนก็ไม่ได้เชื่อคำให้การของผู้ต้องหาเสียทั้งหมด
ครับ เรื่องของเรื่องก็คือ ข้าราชการประจำที่ร่ำรวยล้นฟ้าคงไม่มีแค่รายนี้รายเดียวหรอกครับ รายอื่นๆยังรอให้มีการตรวจสอบอีกมาก