ผมเพิ่งมีโอกาสไปพม่า ประเทศเพื่อนบ้านของเรา เป็นครั้งแรก เมื่อไม่นานมานี้เองครับ ก่อนหน้านี้รู้จักแต่คนพม่าแถบชายแดน ที่พวกผู้หญิงมาทำงานบ้าน หรือบางทีก็เห็นคนงานชาวพม่าอยู่ตามรีสอร์ทแถวกาญจนบุรีหรือตามกลุ่มคนงานก่อสร้างในกรุงเทพฯ
ตอนเด็กๆ เรียนวิชาสังคมศึกษา รู้จักพม่าก็แค่เพื่อนบ้านที่เคยทำสงครามกับไทย เป็นศัตรูคู่รักคู่แค้นกันมานาน เพิ่งมาเห็นพม่ารางๆ จากหนังเรื่องบางระจัน และหนังสมเด็จพระนเรศวรของท่านมุ้ย มีโอกาสไปพม่าได้เห็นพม่าจริงๆ แม้จะเพียงบางส่วนก็เมื่อสองสามเดือนนี้เองครับ แบกเป้แบกกล้องไปด้วยได้ภาพถ่ายที่กลับมานั่งดูแล้ว ก็อดเอามาเล่าสู่กันฟังในคอลัมน์นี้ไม่ได้
ภาพแรงงาน พม่าจำนวนมากที่เข้ามาอยู่ในบ้านเรา บอกผมว่าคนพม่าส่วนใหญ่อดอยากยากจน ไม่มีจะกิน แถมยังถูกปกครองด้วยอำนาจเผด็จการรัฐบาลทหาร จึงยิ่งแย่ไปกันใหญ่เลยทีเดียว แต่อย่างไรก็ตามพม่าก็ยังเป็นประเทศที่น่าสนใจ ทั้งในเรื่องของศาสนา การเมืองและสังคม ดังนั้นแล้วผมจะแบ่งบทความเป็นสามตอน โดยวันนี้ขอพูดเรื่องของศาสนาก่อนก็แล้วกันนะครับ
ด้วยความที่ว่าประเทศอยู่ติดกัน ทำให้วัฒนธรรมของพม่ากับของไทยมีหลายสิ่งหลายอย่างคล้ายคลึงกัน โดยเฉพาะในเรื่องของความเชื่อและความศรัทธาในพระพุทธศาสนา คนพม่านั้นมีศาสนาพุทธอยู่ในหัวจิตหัวใจ และประพฤติปฎิบัติอยู่ในชีวิตประจำวันเคร่งครัดกว่าคนไทยมากมายนัก
เวลาเห็นวัดในบ้านเรามีมาก บางจังหวัดเห็นวัดใกล้ๆกันถี่ยิบ การทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ด้วยการการสร้างวัด ทั้งไทยและพม่าไม่น้อยหน้ากันเลย เพราะถือเป็นการทำบุญที่ได้บุญมาก แถมยิ่งทำวัดได้ใหญ่โตเท่าไร ยิ่งได้บุญหนัก วัดที่ใหญ่มากๆ ส่วนใหญ่สร้างโดยบุคคลสำคัญ ตั้งแต่พระมหากษัตริย์ เชื้อพระวงศ์ ขุนนางคนมียศฐาบรรดาศักดิ์ หรือเศรษฐี ที่มักจะสร้างวัดขนาดใหญ่มาก อลังการมาก และงดงามมากตามไปด้วย เพราะสามารถเกณฑ์คนเข้ามาใช้แรงงาน และมีทุนทรัพย์มาก สามารถสร้างสิ่งก่อสร้างใหญ่ๆ หรือสร้างศิลปะที่งามประณีต
สุดยิ่งใหญ่อลังการ ก็คือ มหาเจดีย์ชเวดากอง เจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดของพม่า สูงถึง 326 ฟุต กว้างถึง 1355 ฟุต หุ้มด้วยทองคำหนักตั้ง1100 กิโลกรัม เป็นเจดีย์ทองเหลืองอร่ามเด่นเป็นสง่าอยู่กลางเมืองย่างกุ้ง พระมหากษัตริย์มอญและพม่าเกือบทุกพระองค์ถือเป็นพระราชภารกิจในการก่อเสริมพระเจดีย์ให้สูงใหญ่ขั้นเรื่อยๆ แถมยังต้องบูรณะสุวรรณฉัตรยอดเจดีย์ที่หักลงมาเพราะแผ่นดินไหวอีกหลายครั้ง แต่ละครั้งก็เพิ่มทองและเพชรพลอยประดับยอดฉัตรเข้าไปอีกมหาศาล ว่ากันว่าสมัยพระเจ้ามินดงทรงบูรณะยอดฉัตรด้วยอัญมณีมูลค่าถึง 62,000 ปอนด์ อย่างนี้เรียกว่าอภิมหารวยเลยหละครับ
พระพุทธรูปในพม่า ส่วนมากจะเป็นพระพุทธรูปที่มีความงดงามในเชิงศิลปะ ก่อนหน้าที่ผมจะไปไหว้พระนอนองค์ใหญ่ที่ย่างกุ้ง ได้รับคำบอกเล่าจากไกด์ท้องถิ่นว่าจะไปไหว้พระตาหวานผมนึกไม่ออกเลยว่าพระพุทธรูปจะตาหวานได้ยังไง แต่พอไปเห็นพระพุทธไสยาสน์เจ๊าทัตจี พระนอนองค์มหึมา ยาวตั้ง 35 ฟุต สูง 16 ฟุต ผมก็ต้องทึ่งกับฝีมืองานปั้นที่มีความสวยงามและโดดเด่นมาก พระพุทธรูปองค์นี้ตาหวานเหมือนผู้หญิงเลยทีเดียว แถมมีขนตายาวๆที่ทำให้ดวงตาที่มีความอ่อนหวานและอ่อนโยนอย่างไม่น่าเชื่อ ด้วยขนาดนี่หละครับ มุมในการถ่ายรูปยากจนอยากจะเรียกว่าหินทีเดียวครับ
พระพุทธรูปบางองค์ถ้าเรามองจากระยะไกลพระพักตร์จะบึ้ง แต่พอเดินมาชมใกล้ๆ กลับยิ้ม เป็นความมหัศจรรย์ของการปั้น และการคำนวณระยะมุมมอง พระพุทธรูปในเจดีย์อานันทวิหารที่ว่านี้ ถือว่าสุดยอด ของแบบนี้คนรุ่นใหม่หรือช่างปั้นรุ่นใหม่ๆ ทำไม่ได้นะครับเนี่ย
อีกสิ่งหนึ่งที่ผมได้เห็นในพม่าที่เกี่ยวข้องกับศาสนาพุทธ คือโรงเรียนสอนธรรมะให้สามเณรตั้งแต่เด็กเล็กๆไปจนเด็กโตหรือจนกระทั่งบวชเป็นพระเลยทีเดียว อารมณ์ประมาณว่าโรงเรียนประจำ ตอนที่เดินทางไปยังสถานที่ดังกล่าวเป็นช่วงเวลาก่อนเพลที่บรรดาเณรทั้งหลายกำลังต่อแถวอย่างเป็นระเบียบเพื่อเข้าไปบิณฑบาตรับอาหารที่ชาวบ้านทำบุญตักบาตรกันจำนวนมาก ดูแล้วรู้สึกว่าเป็นอะไรที่เป็นระเบียบเรียบร้อย และสำรวมสมกับที่เป็นพระ นักบวช แห่งศาสนาพุทธ
พระหรือเณรในพม่าเองก็มีชีวิตที่ลำบากพอๆกับประชาชน พระบางรูปเดินมาขอเงินนักท่องเที่ยว หรือเนียนหน่อยเวลานักท่องเที่ยวถ่ายรูปมีพระเป็นองค์ประกอบในการถ่ายมุมสวยๆ ก็ได้รับเงินถวายบ้าง ดูแล้วก็น่าสงสารไปอีกแบบ นี่แหละครับ ความยากจนของคนพม่า ชาวบ้านยากจน พระก็ลำบากด้วย จึงไม่แปลก เวลามีการเคลื่อนไหวทางการเมือง พระพม่าจำนวนมากจึงเดินนำหน้าชาวบ้านประท้วงรัฐบาล
ก่อนจากกันขอทิ้งเอาไว้ว่าคราวหน้าเราจะมาพูดคุยกันต่อในเรื่องของประเทศเพื่อนบ้านอย่างพม่า พบกันใหม่สัปดาห์หน้า เราจะมาพูดในแง่ของศิลปวัฒธรรมกันบ้าง สำหรับวันนี้ สวัสดีครับ