xs
xsm
sm
md
lg

Tomorrow Go การบินไทย

เผยแพร่:   โดย: พระบาท นามเมือง

พระบาททำงานกับการบินไทยอยู่จวนเจียนจะได้ตั๋วฟรีทั้งครอบครัวตลอดชีวิต โดยอยู่ๆ ก็เห็นว่า หางานอย่างอื่นทำดีกว่า อาชีพอิสระคือทำหนังสือพิมพ์ ก็ออกมาทั้งๆ ที่มีเพื่อนฝูงเยอะแยะ

ลูกน้องเก่าก็มาก ส่งเสริมจนเป็น VP หรือ ผ.อ.ใหญ่ก็มีหลายคน

ทิ้งความหลังด้วยผลงานไว้ก็มาก ถ้าจะคุยก็ได้ แต่อย่าดีกว่า

เอาเป็นว่า เริ่มงานตั้งแต่การบินไทยยังไม่มีตึกใหญ่โต คนก็ยังไม่ถึงหมื่น

แอร์ สจ๊วตที่พระบาททำหน้าที่สัมภาษณ์เข้าไปก็สวยๆ หล่อๆ สัมภาษณ์อยู่ 3 เดือน มีคนมาสมัคร 2-3 หมื่นคน คัดได้ 2-300 คน พวกเส้นสายไม่เอา อันนี้เป็นกติกาที่แน่นอน พอถูกบีบให้ต้องเอาเส้นก็ไขก๊อก บอกเลิกไม่สัมภาษณ์ ออกไปทำงานประจำตามปกติ

สมัยนั้นทำงานสร้างภาพลักษณ์และก็ทำให้การบินไทยอยู่ในตำแหน่งที่ดีพอสมควร ติด 1 ใน 5 สายการบินที่ดีที่สุดในสายตาชาวโลกมาร่วม 10 ปี

หลังจากนั้นก็เริ่มตกต่ำลง

หลังออกจากการบินไทยมา พนักงานการบินไทยเพิ่มเป็น 3 เท่าตัว ปัญหาก็เยอะแยะ จนปวดหัว

เงินเดือน ผ.อ.ปาเข้าไปเป็นแสน ไม่รวมค่ารถอีก 2 หมื่นกว่าบาท ผ่อนเบนซ์ได้สบายๆ

กำไรหด ขวัญพนักงานหายหมด ระบบสั่นคลอน ผ.อ.โดนแขวน รับเงินเดือน แต่ไม่มีงานทำ พนักงานระดับกลางก็นั่งตบยุง ที่เหลือกัดกันเอง

อย่างนี้แล้วกำไรจะมีหรือ คิดดูก็แล้วกัน

ข่าวคราวการบินไทยซึ่งเคยมีเดือนละ 300-400 หน้าต่อ 1 เดือน เวลานี้ 100 กว่าหน้าเท่านั้น อัตราการออกข่าวก็ถดถอยลงเรื่อย

เมื่อเช้านี้อ่านข่าวชิ้นหนึ่ง ก็สลดใจ

คือคุณวัลลลภ พุกกะณะสุต ประธานกรรมการบริษัทการบินไทย ลาออกหลังจากมีข้อครหาว่าได้ขนกระเป๋าและสัมภาระน้ำหนักเกินผิดปกติเข้ามาซึ่งจะว่าไปแล้ว คนระดับนี้ถ้าจ่ายเงินเสียหน่อย ไม่มากนักหรอก ก็ไม่มีใครว่าอะไร

แต่ขนฟรีคนแขานอกจากจะว่า แล้วมันก็ผิดแบบน่าเกลียดด้วย

มีคนแก้ต่างว่า ตัวคุณวัลลภ แกไม่ได้ขนของเอง แต่มีคนอื่นขนให้นัยว่าฝากมาให้ แต่ไม่ว่าขนเองหรือฝาก มันก็เกินน้ำหนักที่เขายินยอม

คุณวัลลภแกก็เลยแสดงน้ำใจลาออกไป เพราะไม่อยากให้องค์กรเสียหายไปมากกว่านี้

เรื่องนี้เข้าใจว่าจะต้องมีการตั้งกรรมการตรวจสอบกันต่อไป แม้ว่าคุณวัลลภจะลาออกไปแล้วก็ตาม

ก็ดีเหมือนกัน จะได้ตั้งไว้เป็นบรรทัดฐาน ต่อไปจะไม่ให้มีการทำหรือโดนใครมาเบ่งอีก

สมัยก่อนก็เคยมี “ภรรยา” ของคนใหญ่คนโตเคยเบ่งยิ่งกว่านี้มาแล้ว บางครั้งเที่ยวบินต้องเลื่อนเวลาออก เพราะต้องรอภรรยาประธานทำผมอยู่ก็มี แบบนี้ก็เหลือรับประทานจริงๆ

เรื่องของคุณวัลลภนั้นก็มีผู้รู้ แอบบอกว่ากระเป๋าที่บรรทุกน้ำหนักเกินนั้น แท้แล้วก็ขนเอาสินค้ามาขายในร้านค้าของภรรยาที่ชอยละลายทรัพย์ ถือว่าใช้ตั๋วราคาพิเศษ เอื้อประโยชน์ให้คนในครอบครัว ผิดระเบียบบริษัทฯ ครับ กระเป๋า 30 ใบที่ขนมานั้น มันเห็นได้ชัดอยู่แล้ว

เรื่องนี้มันเป็นเรื่องใหญ่ ไม่ใช่เรื่องเล็กนะ

เอาเป็นว่าการบินไทยต้องฉาวโฉ่ แม้ว่าถ้าว่ากันตามความเป็นจริงแล้ว การบินไทยเคยมีเรื่องกินกัน ระดับบิ๊ก เช่น การงาบเงินซื้อเครื่องบินมาหลายยุคหลายสมัย, การเบิกโอทีแบบล้างผลาญ การกินในโรงครัว โดยทิ้งเนื้อสั่งจากนอกว่าเป็นเศษเนื้อเพื่อเอาไปขายต่อ บางชิ้นขึ้นราคาเป็นหลายร้อยหลายพัน หรือซื้ออะไหล่เครื่องบินราคาแพงก็มี ไม่นับการสั่งเก้าอี้ ราคาแพงมาใช้ที่สำนักงานใหญ่ในราคาตัวละ 1-2 แสน ซึ่งพระบาทนั่งมาแล้ว ก็ไม่เห็นว่านั่งแล้วมันจะนุ่มนิ่มไปกว่าตัวละพันกว่าบาท

ความจริงพระบาทรู้สึกเสียดายที่การบินไทยต้องเผชิญกับปัญหาแบบนี้

มีทางออกที่อยากเสนอ คืออยากให้ “ยกเครื่อง” การบินไทยเสียใหม่ คือให้จัดทำ job description เสียใหม่ และให้ลดขนาดหรือปรับตัวเสียใหม่ ยุบหรือรวมแผนกต่างๆ ลงบ้าง จะทำให้พนักงานลดลงได้ 30-40 เปอร์เซ็นต์

ส่วนเงินเดือนพวก ผ.อ.ใหญ่ทั้งหลาย ก็ไม่ควรมีช่องว่างห่างไปจากพนักงานระดับรองๆ ลงมามาก ค่ารถก็ไม่น่าจะมาก ให้เดือนละ 8,000-10,000 บาทก็ถือว่ามากแล้ว

นอกจากนั้นก็ควรยุบ Puff&Pie ลงบ้าง เปิดเป็นแบบ Coffee Shops ดีกว่าให้เป็นสาขาเล็กๆ ขายขนม มีเค้ก ฯลฯ และอาหารว่างก็จะได้กำไรมากกว่า

ของแบบนี้ต้องให้ผู้บริหารมีวิสัยทัศน์ จึงจะทำได้ พระบาทคิดว่าอีก 2-3 ปี ก็อาจมีคนรุ่นใหม่ขึ้นมาแทนพวกรุ่นเก่า เราอาจเห็นการบินไทยดีขึ้นก็ได้
กำลังโหลดความคิดเห็น