นี่เป็นครั้งแรก ๆ ของโลกก็ได้กระมัง ที่มีการประกาศล่วงหน้าสลายการชุมนุมของประชาชน โดยทอดเวลาให้ทั้งฝ่ายปฏิบัติการ และ เป้าหมาย เตรียมตัว
นับถอยหลังรอเวลาปฏิบัติจริง !!
ปกติธรรมดาที่รับรู้กันทั่วไปนั้น การสลายการชุมนุมของมวลชนขนาดใหญ่ ของตำรวจหรือทหารไม่ใคร่มีประกาศเชิญชวนล่วงหน้าแบบนี้ เพราะจะทำให้เป้าหมายรู้ตัว และเตรียมรับมือ เพิ่งจะปรากฏที่เมืองไทยครั้งนี้แหละ ที่ประกาศตอนเช้า เพื่อให้ฝ่ายชุมนุมหารือเพื่อเตรียมรับมือ อีกทั้งทำให้สื่อมวลชนทุกแขนงเฝ้ารอเวลาปฏิบัติการ
ถ่ายทอดการสลายการชุมนุมสู่สายตาประชาชนแบบ Reality Show
หรือให้ถูกน่าจะเรียกว่า Reality Charge !!!
การออกอากาศสดแบบกะทันหันของ สมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีเมื่อเช้าวันเสาร์ ก็เพื่อต้องการ สร้างความชอบธรรมให้กับการสลายการชุมนุม .. อย่างน้อยที่สุด หากเกิดเหตุที่ไม่ควรเกิดก็จะอ้างได้ว่า ตนเองได้ประกาศและให้เวลาแล้ว โยนความผิดให้แกนนำชุมนุมที่ไม่ยอมสลาย
ขณะที่แกนนำชุมนุม ก็ยืนยันว่า การชุมนุมเป็นสิทธิ์พื้นฐาน อย่างน้อยก็เคยมีคำพิพากษาฎีการับรองว่าแล้วว่าการชุมนุมโดยสงบบนท้องถนนลักษณะนี้ไม่ผิด
เมื่อไม่ผิด ก็เป็นสิทธิ์ที่ทำได้ ... หากมีการขัดขวางเท่ากับการละเมิดสิทธิ์
สลายแล้ว - -ใครผิดถูกอย่างไร คงต้องว่ากันด้วยข้อกฎหมายอีกหลายยกและต้องถกเถียงประเด็นเรื่องฝ่ายใดอิงความชอบธรรมได้มากกว่าอีกหลายยกเช่นกัน
อันที่จริง การประกาศสลายการชุมนุมล่วงหน้าของ สมัคร สุนทรเวช ก็มีข้อดีอีกอย่าง
เพราะทันทีที่รายการโทรทัศน์จบ เสียงโทรศัพท์ของประชาชนค่อนประเทศก็กระหึ่มขึ้น มีการโทรฯหาญาติพี่น้องลูกหลานที่เกี่ยวข้อง ด้วยความเป็นห่วงกังวล
โดยเฉพาะเกรงอันตรายจะเกิดต่อคนใกล้ชิดผู้เป็นที่รัก !!!
ไม่มีใครอยากให้ตนเอง หรือคนที่รู้จักเป็นอันตราย
ไม่มีคนไทยคนไหนอยากเห็นเพื่อนไทยด้วยกันเองบาดเจ็บ เป็นอันตราย หรือ กระทั่งล้มตายหรอก
ทันทีที่นายกรัฐมนตรีประกาศจบลง ประเด็นดังกล่าวจึงกลายเป็นประเด็นสาธารณะที่ใหญ่ที่สุด-ได้รับความสนใจสูงสุดขึ้นมาทันที
ไม่ใช่เฉพาะ เอเอสทีวี. เพราะสำนักข่าวทุกสำนักก็สั่งเตรียมพร้อม ทั้งมีบางสถานีโทรทัศน์เรียกทีมงานเข้าประจำการด่วน เคลียร์รายการช่วงบ่าย เพื่อเตรียมถ่ายทอดสดหากมีเหตุการณ์เกิดขึ้น
ถ่ายทอดสดการสลายการชุมนุมผ่านโทรทัศน์ จะกลายเป็นรายการสดแบบ Reality ที่จะได้รับความนิยมสูงสุดในช่วงเวลานั้น
แต่นั่นเอง หากประชาชนผู้ชุมนุม อยู่ภายใต้การจับจ้อง ถ่ายทอดสดของสื่อมวลชน โทรทัศน์-วิทยุ การทำงานของฝ่ายตำรวจ ก็อาจจะมีปัญหาอยู่บ้าง อย่างน้อยก็มีความกังวลกับปฏิบัติการที่เสี่ยงกับภาพลักษณ์การใช้ความรุนแรง
แต่ในมุมของประชาชน การอยู่ภายใต้การจับจ้องของสื่อ การถ่ายทอด ถ่ายภาพนิ่ง-ภาพเคลื่อนไหว หรือ ถ่ายทอดสด เป็นหลักประกันได้ระดับหนึ่ง
หากมีการถ่ายทอดสด-ประชาชนจะไม่เป็นอันตราย !!!
จะสลาย รื้อเต๊นท์ รื้อรั้ว ทำได้ทำไป แต่ประชาชนจะไม่เป็นอันตราย !!
นี่เป็นข้อดีของสังคมเปิด แบบประชาธิปไตย ที่สังคมเผด็จการอำนาจนิยมไม่มี
อีกทางหนึ่ง การประกาศสลายชุมนุมล่วงหน้าของนายกรัฐมนตรี ก็ทำให้การทำงานของเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบยากลำบากขึ้นไปอีกหลายเท่า
-หนึ่ง ฝ่ายเป้าหมายรู้ตัวและเตรียมพร้อม
-สอง สังคมทั้งสังคมรับรู้และจับจ้อง
-สาม สื่อมวลชนทั้งโลกแล้วกระมัง รับรู้ล่วงหน้าและทำหน้าที่ของตนนำเสนอเหตุการณ์ออกสู่สาธารณะ
นี่เป็นข้อดีของสังคมเปิด สังคมแบบประชาธิปไตย
แต่นั่นเอง หากทันทีที่เกิดการประกาศภาวะฉุกเฉิน สั่งไล่นักข่าว รถถ่ายทอดสด ออกจากพื้นที่ เพื่อดำเนินการปิดประตูตีแมวเอาฝ่ายเดียว
จากจุดเริ่มต้นของสมัคร สุนทรเวช ที่อ้างอิงหลักประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์ จะเปลี่ยนมาเป็นวิธีการแบบเผด็จการทรราชโดยสมบูรณ์
ไม่แน่ว่า สมัคร สุนทรเวช จะเข้าใจเรื่องนี้หรือไม่
ไม่แน่ว่า พล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ จะเข้าใจเรื่องนี้หรือไม่
เหตุการณ์ที่เทียนอันเหมินเมื่อหลายปีก่อน หรือแม้แต่การจลาจลเนปาล หรือที่พม่า .. ที่ว่าเป็นเผด็จการท็อปบูทเต็มร้อย ก็ไม่สามารถหยุดยั้งภาพข่าวเหตุการณ์มิให้หลุดรอดออกมาได้เลย
อย่าคิดว่า จะห้ามภาพข่าว เหตุการณ์ หรือ คิดแค่ว่า ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแล้วสามารถจะดำเนินการใด ๆ ของตนได้ตามที่คิด
ภายใต้สังคมแบบเปิด ภายใต้เทคโนโลยี และการเฝ้าจับจ้องของสาธารณะไปยังสะพานมัฆวานรังสรรค์
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปักหลักชุมนุมต่อโดยไม่หวั่นกลัวของมวลชน
เป็นเงื่อนไขสำคัญที่จะทำให้เหตุการณ์ที่นั่น ไม่น่าเลวร้ายอย่างที่หลายฝ่ายจินตนาการเอาไว้ !!
นับถอยหลังรอเวลาปฏิบัติจริง !!
ปกติธรรมดาที่รับรู้กันทั่วไปนั้น การสลายการชุมนุมของมวลชนขนาดใหญ่ ของตำรวจหรือทหารไม่ใคร่มีประกาศเชิญชวนล่วงหน้าแบบนี้ เพราะจะทำให้เป้าหมายรู้ตัว และเตรียมรับมือ เพิ่งจะปรากฏที่เมืองไทยครั้งนี้แหละ ที่ประกาศตอนเช้า เพื่อให้ฝ่ายชุมนุมหารือเพื่อเตรียมรับมือ อีกทั้งทำให้สื่อมวลชนทุกแขนงเฝ้ารอเวลาปฏิบัติการ
ถ่ายทอดการสลายการชุมนุมสู่สายตาประชาชนแบบ Reality Show
หรือให้ถูกน่าจะเรียกว่า Reality Charge !!!
การออกอากาศสดแบบกะทันหันของ สมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีเมื่อเช้าวันเสาร์ ก็เพื่อต้องการ สร้างความชอบธรรมให้กับการสลายการชุมนุม .. อย่างน้อยที่สุด หากเกิดเหตุที่ไม่ควรเกิดก็จะอ้างได้ว่า ตนเองได้ประกาศและให้เวลาแล้ว โยนความผิดให้แกนนำชุมนุมที่ไม่ยอมสลาย
ขณะที่แกนนำชุมนุม ก็ยืนยันว่า การชุมนุมเป็นสิทธิ์พื้นฐาน อย่างน้อยก็เคยมีคำพิพากษาฎีการับรองว่าแล้วว่าการชุมนุมโดยสงบบนท้องถนนลักษณะนี้ไม่ผิด
เมื่อไม่ผิด ก็เป็นสิทธิ์ที่ทำได้ ... หากมีการขัดขวางเท่ากับการละเมิดสิทธิ์
สลายแล้ว - -ใครผิดถูกอย่างไร คงต้องว่ากันด้วยข้อกฎหมายอีกหลายยกและต้องถกเถียงประเด็นเรื่องฝ่ายใดอิงความชอบธรรมได้มากกว่าอีกหลายยกเช่นกัน
อันที่จริง การประกาศสลายการชุมนุมล่วงหน้าของ สมัคร สุนทรเวช ก็มีข้อดีอีกอย่าง
เพราะทันทีที่รายการโทรทัศน์จบ เสียงโทรศัพท์ของประชาชนค่อนประเทศก็กระหึ่มขึ้น มีการโทรฯหาญาติพี่น้องลูกหลานที่เกี่ยวข้อง ด้วยความเป็นห่วงกังวล
โดยเฉพาะเกรงอันตรายจะเกิดต่อคนใกล้ชิดผู้เป็นที่รัก !!!
ไม่มีใครอยากให้ตนเอง หรือคนที่รู้จักเป็นอันตราย
ไม่มีคนไทยคนไหนอยากเห็นเพื่อนไทยด้วยกันเองบาดเจ็บ เป็นอันตราย หรือ กระทั่งล้มตายหรอก
ทันทีที่นายกรัฐมนตรีประกาศจบลง ประเด็นดังกล่าวจึงกลายเป็นประเด็นสาธารณะที่ใหญ่ที่สุด-ได้รับความสนใจสูงสุดขึ้นมาทันที
ไม่ใช่เฉพาะ เอเอสทีวี. เพราะสำนักข่าวทุกสำนักก็สั่งเตรียมพร้อม ทั้งมีบางสถานีโทรทัศน์เรียกทีมงานเข้าประจำการด่วน เคลียร์รายการช่วงบ่าย เพื่อเตรียมถ่ายทอดสดหากมีเหตุการณ์เกิดขึ้น
ถ่ายทอดสดการสลายการชุมนุมผ่านโทรทัศน์ จะกลายเป็นรายการสดแบบ Reality ที่จะได้รับความนิยมสูงสุดในช่วงเวลานั้น
แต่นั่นเอง หากประชาชนผู้ชุมนุม อยู่ภายใต้การจับจ้อง ถ่ายทอดสดของสื่อมวลชน โทรทัศน์-วิทยุ การทำงานของฝ่ายตำรวจ ก็อาจจะมีปัญหาอยู่บ้าง อย่างน้อยก็มีความกังวลกับปฏิบัติการที่เสี่ยงกับภาพลักษณ์การใช้ความรุนแรง
แต่ในมุมของประชาชน การอยู่ภายใต้การจับจ้องของสื่อ การถ่ายทอด ถ่ายภาพนิ่ง-ภาพเคลื่อนไหว หรือ ถ่ายทอดสด เป็นหลักประกันได้ระดับหนึ่ง
หากมีการถ่ายทอดสด-ประชาชนจะไม่เป็นอันตราย !!!
จะสลาย รื้อเต๊นท์ รื้อรั้ว ทำได้ทำไป แต่ประชาชนจะไม่เป็นอันตราย !!
นี่เป็นข้อดีของสังคมเปิด แบบประชาธิปไตย ที่สังคมเผด็จการอำนาจนิยมไม่มี
อีกทางหนึ่ง การประกาศสลายชุมนุมล่วงหน้าของนายกรัฐมนตรี ก็ทำให้การทำงานของเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบยากลำบากขึ้นไปอีกหลายเท่า
-หนึ่ง ฝ่ายเป้าหมายรู้ตัวและเตรียมพร้อม
-สอง สังคมทั้งสังคมรับรู้และจับจ้อง
-สาม สื่อมวลชนทั้งโลกแล้วกระมัง รับรู้ล่วงหน้าและทำหน้าที่ของตนนำเสนอเหตุการณ์ออกสู่สาธารณะ
นี่เป็นข้อดีของสังคมเปิด สังคมแบบประชาธิปไตย
แต่นั่นเอง หากทันทีที่เกิดการประกาศภาวะฉุกเฉิน สั่งไล่นักข่าว รถถ่ายทอดสด ออกจากพื้นที่ เพื่อดำเนินการปิดประตูตีแมวเอาฝ่ายเดียว
จากจุดเริ่มต้นของสมัคร สุนทรเวช ที่อ้างอิงหลักประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์ จะเปลี่ยนมาเป็นวิธีการแบบเผด็จการทรราชโดยสมบูรณ์
ไม่แน่ว่า สมัคร สุนทรเวช จะเข้าใจเรื่องนี้หรือไม่
ไม่แน่ว่า พล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ จะเข้าใจเรื่องนี้หรือไม่
เหตุการณ์ที่เทียนอันเหมินเมื่อหลายปีก่อน หรือแม้แต่การจลาจลเนปาล หรือที่พม่า .. ที่ว่าเป็นเผด็จการท็อปบูทเต็มร้อย ก็ไม่สามารถหยุดยั้งภาพข่าวเหตุการณ์มิให้หลุดรอดออกมาได้เลย
อย่าคิดว่า จะห้ามภาพข่าว เหตุการณ์ หรือ คิดแค่ว่า ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแล้วสามารถจะดำเนินการใด ๆ ของตนได้ตามที่คิด
ภายใต้สังคมแบบเปิด ภายใต้เทคโนโลยี และการเฝ้าจับจ้องของสาธารณะไปยังสะพานมัฆวานรังสรรค์
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปักหลักชุมนุมต่อโดยไม่หวั่นกลัวของมวลชน
เป็นเงื่อนไขสำคัญที่จะทำให้เหตุการณ์ที่นั่น ไม่น่าเลวร้ายอย่างที่หลายฝ่ายจินตนาการเอาไว้ !!