วันนี้ผมมี 2 เรื่องที่จะออกความเห็นบ้าง เรื่องแรกอาจจะเกี่ยวกับสปิริตหรือมารยาททางการเมืองอยู่บ้าง ส่วนเรื่องที่สองเป็นเรื่องการไล่รัฐมนตรีให้พ้นจากตำแหน่งครับ
เอาเรื่องแรกก่อนนะครับ
คือเรื่องนี้เกิดในยุคที่อดีตนายกทักษิณเป็นรัฐบาล ซึ่งก็เหมือนกับรัฐบาลอีกหลายรัฐบาลที่พยายามแก้ปัญหาลอตเตอร์รี่ขายเกินราคา หรือขายแพง แต่แก้อย่างไรก็แก้ไม่ได้ ก็เลยเห็นว่าเหตุผลเพราะหวยที่ถูกกฎหมายมันแพงก็ทำให้คนไปเล่นหวยใต้ดินกันหมด
แต่ก็หาทำให้ลอตเตอรี่ถูกลงไม่
เมื่อ 2-3 วันมานี้ ทาง คตส. ก็นำคำฟ้องโดยสรุป 57 หน้า พร้อมเอกสารอีก 45 ลัง ยื่นฟ้องอดีตนายกฯ ทักษิณและครม.ในยุคนั้น โดยยุคที่ว่านี้ได้มีมติครม.วันที่ 8 ก.ค. 2546 ให้จัดโครงการสลากพิเศษ แล้วก็ออกมาหลายงวดตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2546 จนถึงวันที่ 26 พฤศจิกายน 2549 จำเลยที่โดนหางเลขเข้าไปด้วยยังมีผู้บริหารสำนักงานสลากกินแบ่งอีก 47 คน
ประเด็นที่ผมสนใจคือ เรื่องนี้เกี่ยวโยงกับ รมต.ปัจจุบัน 3 ท่าน คือ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี, นายอนุรักษ์ จุรีมาศ และนางอุไรวรรณ เทียนทอง ซึ่งผมเห็นว่าเป็นคนดีมีคุณภาพทั้ง 3 คน นั่นแหละ
เมื่อโดนฟ้องตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามทุจริต (ปปช.) พ.ศ.2542 ซึ่งระบุว่าให้ รมต.ต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่ในทันที จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาแล้ว
หลังจากเกิดเหตุ ก็มีความเห็นค้านออกมามากครับ
ประการแรก บอกว่าเขาฟ้องนายกฯ และคณะรมต.หาใช่ฟ้องเป็นรายบุคคล ดังนั้นจะให้ รมต.ทั้ง 3 รับสภาพเป็นรายบุคคลได้อย่างไร จริงอยู่ว่าโดย
ประการที่สอง เขาบอกว่า เขาฟ้องว่าให้ยุติบทบาทที่ดำรงในตำแหน่งขณะนั้น หมายถึงยุคทักษิณก่อนนั้น หาได้หมายถึงปัจจุบันไม่ ดังนั้นมันข้ามยุคมิได้ ซึ่งก็เป็นเหตุผลได้
ประการที่สาม บอกว่า คตส.ไม่มีสิทธิฟ้อง ประการที่สามนี้ ผมไม่ได้รายละเอียด
แต่โดยความเห็นผมนั้น เรื่องนี้อย่าไปคิดให้ใครตีความเลยครับ เราใช้มาตรฐานอะไรไม่ได้หรอก ขอให้ใช้มาตรฐานจริยธรรมทางการเมือง และมารยาททางการเมืองน่าจะดูดีกว่า
ภาพลักษณ์ของ 3 รัฐมนตรีน่าจะรักษาไว้มากกว่า
อีกประการหนึ่ง ผมมองว่าศาลใช้เวลาไม่มาก
ยิ่งฟ้อง ครม.ด้วย ศาลคงเห็นว่าเจตนาเป็นแบบรวมหมู่ หมายความว่ามันเป็นนโยบายของรัฐบาล
ไม่ใช่ของ รมต.3 คนไปร่างแผนปฏิบัติการ
เป็นแค่ผู้ต้อง “รับผิดชอบร่วม” หรือ “Collective responsibility” เท่านั้นแหละ
บางทีศาลคงปรานี
อีกอย่างหนึ่ง ผมว่ารัฐบาลควรฟังฝ่ายค้านซึ่งหัวหน้าฝ่ายค้านว่าจะให้ทางกฤษฎีกาพิจารณาโดยรอบคอบว่า 3 คนควรทำงานต่อไปในตำแหน่งหรือควรพักงานไว้พลางก่อนดี
แม้ว่าผลของกฤษฎีกาจะว่าอย่างไร
ผมว่าสปิริตทางการเมืองใหญ่กว่า
อยากให้พักงานชั่วคราวครับ
มันไม่น่าเกลียด และน่าจะคอยติดตามงานหรือศึกษางานได้ แม้จะไม่ได้สั่งงานก็เถอะ
ของบางอย่างให้ปลัดกระทรวงเขาทำได้นี่ครับ
เพราะปลัดกระทรวงต้องมาปรึกษาอยู่ดี
เมื่อมาปรึกษา เห็นอย่างไร บอกเขาไป
มันก็เป็นการ “สั่งงาน” อยู่แล้ว
เชื่อผมเถอะ วิธีนี้จะสวย และได้คะแนนจากประชาชนเยอะเลย
การเป็น รมต.มีคุณภาพ ต้องตัดสินฉับไวทันต่อสถานการณ์ รอบคอบ และใช้มารยาททางการเมืองให้ถูกกาลเทศะ และเป็นไปตามจังหวะที่เหมาะสมด้วยนะครับ
เอาเรื่องแรกก่อนนะครับ
คือเรื่องนี้เกิดในยุคที่อดีตนายกทักษิณเป็นรัฐบาล ซึ่งก็เหมือนกับรัฐบาลอีกหลายรัฐบาลที่พยายามแก้ปัญหาลอตเตอร์รี่ขายเกินราคา หรือขายแพง แต่แก้อย่างไรก็แก้ไม่ได้ ก็เลยเห็นว่าเหตุผลเพราะหวยที่ถูกกฎหมายมันแพงก็ทำให้คนไปเล่นหวยใต้ดินกันหมด
แต่ก็หาทำให้ลอตเตอรี่ถูกลงไม่
เมื่อ 2-3 วันมานี้ ทาง คตส. ก็นำคำฟ้องโดยสรุป 57 หน้า พร้อมเอกสารอีก 45 ลัง ยื่นฟ้องอดีตนายกฯ ทักษิณและครม.ในยุคนั้น โดยยุคที่ว่านี้ได้มีมติครม.วันที่ 8 ก.ค. 2546 ให้จัดโครงการสลากพิเศษ แล้วก็ออกมาหลายงวดตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2546 จนถึงวันที่ 26 พฤศจิกายน 2549 จำเลยที่โดนหางเลขเข้าไปด้วยยังมีผู้บริหารสำนักงานสลากกินแบ่งอีก 47 คน
ประเด็นที่ผมสนใจคือ เรื่องนี้เกี่ยวโยงกับ รมต.ปัจจุบัน 3 ท่าน คือ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี, นายอนุรักษ์ จุรีมาศ และนางอุไรวรรณ เทียนทอง ซึ่งผมเห็นว่าเป็นคนดีมีคุณภาพทั้ง 3 คน นั่นแหละ
เมื่อโดนฟ้องตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามทุจริต (ปปช.) พ.ศ.2542 ซึ่งระบุว่าให้ รมต.ต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่ในทันที จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาแล้ว
หลังจากเกิดเหตุ ก็มีความเห็นค้านออกมามากครับ
ประการแรก บอกว่าเขาฟ้องนายกฯ และคณะรมต.หาใช่ฟ้องเป็นรายบุคคล ดังนั้นจะให้ รมต.ทั้ง 3 รับสภาพเป็นรายบุคคลได้อย่างไร จริงอยู่ว่าโดย
ประการที่สอง เขาบอกว่า เขาฟ้องว่าให้ยุติบทบาทที่ดำรงในตำแหน่งขณะนั้น หมายถึงยุคทักษิณก่อนนั้น หาได้หมายถึงปัจจุบันไม่ ดังนั้นมันข้ามยุคมิได้ ซึ่งก็เป็นเหตุผลได้
ประการที่สาม บอกว่า คตส.ไม่มีสิทธิฟ้อง ประการที่สามนี้ ผมไม่ได้รายละเอียด
แต่โดยความเห็นผมนั้น เรื่องนี้อย่าไปคิดให้ใครตีความเลยครับ เราใช้มาตรฐานอะไรไม่ได้หรอก ขอให้ใช้มาตรฐานจริยธรรมทางการเมือง และมารยาททางการเมืองน่าจะดูดีกว่า
ภาพลักษณ์ของ 3 รัฐมนตรีน่าจะรักษาไว้มากกว่า
อีกประการหนึ่ง ผมมองว่าศาลใช้เวลาไม่มาก
ยิ่งฟ้อง ครม.ด้วย ศาลคงเห็นว่าเจตนาเป็นแบบรวมหมู่ หมายความว่ามันเป็นนโยบายของรัฐบาล
ไม่ใช่ของ รมต.3 คนไปร่างแผนปฏิบัติการ
เป็นแค่ผู้ต้อง “รับผิดชอบร่วม” หรือ “Collective responsibility” เท่านั้นแหละ
บางทีศาลคงปรานี
อีกอย่างหนึ่ง ผมว่ารัฐบาลควรฟังฝ่ายค้านซึ่งหัวหน้าฝ่ายค้านว่าจะให้ทางกฤษฎีกาพิจารณาโดยรอบคอบว่า 3 คนควรทำงานต่อไปในตำแหน่งหรือควรพักงานไว้พลางก่อนดี
แม้ว่าผลของกฤษฎีกาจะว่าอย่างไร
ผมว่าสปิริตทางการเมืองใหญ่กว่า
อยากให้พักงานชั่วคราวครับ
มันไม่น่าเกลียด และน่าจะคอยติดตามงานหรือศึกษางานได้ แม้จะไม่ได้สั่งงานก็เถอะ
ของบางอย่างให้ปลัดกระทรวงเขาทำได้นี่ครับ
เพราะปลัดกระทรวงต้องมาปรึกษาอยู่ดี
เมื่อมาปรึกษา เห็นอย่างไร บอกเขาไป
มันก็เป็นการ “สั่งงาน” อยู่แล้ว
เชื่อผมเถอะ วิธีนี้จะสวย และได้คะแนนจากประชาชนเยอะเลย
การเป็น รมต.มีคุณภาพ ต้องตัดสินฉับไวทันต่อสถานการณ์ รอบคอบ และใช้มารยาททางการเมืองให้ถูกกาลเทศะ และเป็นไปตามจังหวะที่เหมาะสมด้วยนะครับ