xs
xsm
sm
md
lg

ตอนที่ 310 “อีตอแหล ตอหลด...อีตดใต้น้ำ!!!”

เผยแพร่:   โดย: วาทตะวัน สุพรรณเภษัช

เช้าวันนี้...จิบกาแฟขมแล้ว คุยกับเพื่อนที่มารับประทานอาหารเช้าด้วยกัน พร้อมกับดูรายการ ‘จมูกมด’ ไปด้วย ได้ยินคุณพิษณุ นิลกลัด พิธีกรร่วมเล่าให้ฟังว่า

การมีเพศสัมพันธ์สัปดาห์ละ ๓ ครั้ง นอกจากจะทำให้ชายสูงอายุ จะดำรงความเป็นหนุ่มแน่นและสุขภาพที่ดีเลิศเอาไว้ได้แล้ว ยังทำให้คู่ครองดูสดใส และสดสาวยิ่งขึ้นด้วย

จึงบอกให้เพื่อนฟังคำแนะนำ จากเกจิก๊อล์ฟอย่างคุณพิษณุฯ ที่อุตส่าห์แหวกแนวมาแนะนำเพศศึกษาเอาไว้บ้าง แต่เพื่อนซี้ของผมซึ่งรุ่นราวคราวเดียวกัน กลับบอกอย่างกังวลว่า

ตัวเขาคงจะไม่ดูทรุดโทรมอย่างนี้ ถ้าหากทำการบ้านเพียง ๓ ครั้ง (สามครั้ง) ต่อสัปดาห์ ไม่ใช่ ๓๐ ครั้ง (สามสิบครั้ง) ต่อเดือนเหมือนทุกวันนี้

พอพูดขาดคำเท่านั้น ภริยาของคนพูด ที่ตามสามีมารับประทานอาหารเช้าด้วย ก็ส่งค้อนวงใหญ่ให้ พร้อมกับคอมเมนท์สั้นๆ แต่ได้ใจความดีจัง ว่า

“ตอแหล ค่ะ!”

สามีหัวเราะแหะๆ แล้วทำซึ้ง ด้วยการหอมภริยาเป็นการขออภัย ที่พูดเรื่องไม่จริงต่อหน้าเพื่อนสนิทอย่างผม

คำว่า “ตอแหล” นั้น ดูเหมือนว่าปัจจุบัน เราจะได้ยินกันหนาหูมากขึ้น เพราะคำนี้โดยตัวของมันเองนั้น เป็นคำด่าคนที่พูดเท็จ ซึ่งไม่นิยมใช้กับผู้ชาย แต่มักใช้กับผู้หญิงมากกว่า นอกจากนั้น ยังมีความหมายว่า ช่างพูดและแสดงกิริยาน่ารัก แต่ใช้เฉพาะเด็กที่สอนพูดเท่านั้น

ส่วนอีกความหมายหนึ่ง เป็นคำวิเศษณ์ ใช้เรียกต้นไม้ที่ให้ผลเร็วผิดปรกติ เช่น มะเขือตอแหล เป็นต้น

“ตอแหล” [-แหฺล] นั้น เป็นคำที่มีความหมาย คล้ายคลึงกับ คำว่า “โกหก” ซึ่งเป็นคำนามแปลว่า

จงใจกล่าวคำที่ไม่จริง, พูดปด, พูดเท็จ!

“โกหก-ตอแหล” ดูเหมือนเป็นคำแฝดที่มักใช้ควบกันไป จนดูคล้ายกับคำว่า “ตอแหล” กลายเป็นคำอุทานเสริมคำว่า “โกหก” ไป

ส่วนคำว่า “ตอแหล” นั้น ก็มีคำอุทานเสริมบทด้วยเหมือนกัน คือคำว่า “ตอหลด” มักพูดคล้องจองกันไป ว่า “ตอแหล-ตอหลด” บ้างทีก็สลับตำแหน่งกันเพื่อเพิ่มสีสัน เป็น “ตอหลด-ตอแหล” ไป

เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีคำพูดที่เพิ่มองศาความสนุกสนานอีก ว่า “ตอแหล ตอหลด...ตดใต้น้ำ” ซึ่งมาจากเรื่องที่เล่าต่อกันมาดังต่อไปนี้

สตรีที่มีทักษะ ทางโกหกตอแหลนางหนึ่ง คุยโม้ว่า เธอเป็นคนที่ผายลมออกมาได้ โดยไม่มีกลิ่นรบกวนใครเลย

เพื่อนๆที่ฟังอยู่ส่ายหัวไม่เชื่อ บอกว่า
“อีตอแหล...ตดยังไงของเอ็งวะ ไม่มีกลิ่น!”
ผู้ที่ถูกกล่าวหาชักยัวะ ตอบกลับ...
“ก็กู...ดำลงไปตดใต้น้ำนี่หว่า...มึงจะได้กลิ่นอย่างไรกันล่ะ อีบ้า!”
แน่ะ...เออ เอากะแม่สิ
นี่เอง จึงมีคำกล่าวคล้องจองว่า

“อีตอแหล อีตอหลด...อีตดใต้น้ำ” หากคนพูดเป็นชาย ก็ตัดคำว่า “อี” ออก กลายเป็น “ตอแหล ตอหลด...ตดใต้น้ำ” หรือจะใส่ “ไอ้” นำหน้า ก็ไม่ได้ผิดกติกาอันใด

ถ้อยคำสำนวน ที่กลายคำพูดติดปากคนไทยเรานั้น ก็มักมีที่มาที่ไป เป็นเรื่องเล่าให้เฮฮากันอย่างนี้เสมอ ผมเองก็เป็นคน ‘ช่างจำ’ ในเรื่องจุกจิกชวนหัวแบบนี้

เลยมีเรื่องนำมาเล่า ให้ท่านผู้อ่านฟังเสมอ มิได้ขาด..๕๕๕

มีเรื่องที่จะเข้าข่ายตอแหลตอหลด ที่อยากให้ท่านผู้อ่าน ช่วยกันพิจารณาดู คือ ผู้จัดการรายวัน ของเราฉบับ ๕ ตุลาคม ที่ผ่านมานี่เอง รายงานเรื่องการโยกย้ายนายทหาร ที่ดูจะไม่อยู่ในวาระปกติ ไปดำรงตำแหน่งอื่นที่ไม่มีความสลักสำคัญ ซึ่งเป็นตำแหน่งลอยๆ ไม่มีบทบาทอะไรเลย สื่อสารมวลชนรายงานเหตุโยกย้ายแตกต่างกันไป บ้างก็บอกว่า

เป็นเพราะนายทหารผู้ถูกย้าย ไปวิพากษ์วิจารณ์ผู้บังคับบัญชา ซึ่งไม่ใช่วิสัยทหาร เป็นการกระทำผิดวินัย แต่บางสื่อกลับรายงานต่างกัน คือ

สาเหตุจริงๆนั้น น่าจะเป็นเพราะนายทหารคนถูกย้าย ไปขวางจัดซื้อยานเกราะล้อยางกองทัพบกมูลค่า ๔ พันล้านบาทเข้า โดยเจ้าตัวคนถูกย้าย ได้ให้เหตุผลว่า ส.ต.ง. กำลังตรวจสอบความโปร่งใสอยู่

ไม่น่าอนุมัติ ให้มีการจัดซื้อ!

แถมยังมีข่าวลือซ้ำเติมในทำนองว่า ไม่ควรจัดซื้ออย่างยิ่ง เพราะสิ่งที่จะซื้อ ไม่ใช่ ‘รถหุ้มเกราะล้อยาง’ หรือรถ APC (Armoured Personnel Carrier) อย่างที่ทหารไทยรู้จักกัน แต่ข่าวที่แพร่ออกมา กลายเป็นของสับปะรังเค เพราะเป็นแค่...

รถกระป๋อง-กระแป๋งที่ตกรุ่นแล้ว เอามาฟิตเครื่องแล้วทาสีใหม่จากยูเครน ประเทศใหม่ที่แยกตัวไปจากสหภาพโซเวียต!

ข่าวลือกว้างขวางถึงขนาดว่า มีเงินค่าคอมมิชชั่น ปลิวว่อน สะพัดพรึ่บพรั่บกัน
เป็นพันๆล้าน จนโดนโจมตีกันถึงขนาดว่า จะมรการนำเอาเงินบางส่วนจากการคอรัปชั่น ไปสนับสนุนพรรคการเมืองที่ทหารหนุน

ลือกันกระหึ่ม ขนาดนั้นเลย ทีเดียวเชียว!!

ยิ่งกว่านั้น มีการประชุมสภานิติบัญญัติฯ ซึ่งเป็นสภาที่จัดตั้งโดยฝ่ายทหาร หลังจากการยึดอำนาจ มีรายการยื่นญัตติให้สมาชิกสภา ได้ถกแถลงกันถึงเรื่องจริยธรรม อันไม่โปร่งใสของหัวหน้ารัฐบาล ที่พี่น้องประชาชนได้ยินได้ฟังกันไปแล้ว นั้น

ยังมีรายการกระโดดเข้าใส่ ห้ำหั่นกันเอง ระหว่างหมู่สมาชิกสภา ที่เป็นทหารอย่างดุเดือด ยิ่งทำให้ภาพคอรัปชั่นโสโครก และการคดโกงแผ่นดิน ที่อุบัติขึ้นในหมู่กองทัพ ได้โผล่หางออกมาให้ประชาชนได้เห็น สีแดงโร่ชัดเจน จนดูเอิกเกริกเป็นอย่างยิ่ง

แต่ในวันรุ่งขึ้น ทางกองทัพบกได้รีบออกมาแถลง ยืนยันหนักแน่นว่า

การจัดซื้อรถหุ้มเกราะล้อยางของกองทัพ เป็นการซื้อรถใหม่ และทำด้วยความโปร่งใส! ถึงตรงนี้ ผมอยากทวนความจำกันสักหน่อย ดังนี้...

เมื่อทหารทำปฏิวัติเข้ามา ก็อ้างว่านักการเมืองทุจริตกันมากมาย พล.อ.สนธิฯถึงกับบอกว่า

“เห็นหลักฐานทุจริต ของนักการเมืองแล้ว...อยากร้องไห้!!”

ชาวบ้านที่ได้ยินได้ฟัง คนระดับหัวหน้าคณะรัฐประหาร ออกมาพูดอย่างนั้น ก็พากันตกใจ จนเข้าใจไปว่า

นักการเมืองในบ้านเรานี่หนอ คงจะมีเรื่องทุจริตกันมากมายกันจริงๆ ก็ขนาดชายชาติทหารอย่างตาบัง แกยังอยากร้องไห้เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เป็นอย่างนั้นไป

อ้าว!...แต่ยังไม่ทันไรเลย วันถัดมา (คือวันที่ ๑๖ ธ.ค.๒๕๔๙) เท่านั้นเอง นายวิชา มหาคุณ หนึ่งในคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดที่ พล.อ.สนธิฯนั่นแหละ เป็นคนแต่งตั้งเองกับมือ
ดันออกมาสวนหมัด ทิ้งตูมเข้าให้

“...ผมคิดว่าหาก พล.อ.สนธิ บุญยะรัตกลิน ได้มาเห็นข้อมูลของ ป.ป.ช. คงไม่ใช่แค่อยากร้องไห้เท่านั้น แต่จะต้องร้องไห้ไป ๑๐ ชาติ น้ำตาก็ยังไม่หมด คดีทุจริตหลายโครงการปล่อยคาราคาซังเป็นหนังมหาภารตะ แม้แต่การจัดซื้อในกองทัพ ก็มีการล้มประมูล เพราะไม่เป็นตามความต้องการของผู้ใหญ่บางคน และเรียกบริษัทที่ตกสเปกมาทำสัญญา...”

นี่ลอกมาแบบไม่ตัดทอน อะไรเลยนะจ๊ะ

อ่านคำให้สัมภาษณ์แล้ว ให้นับถือคุณวิชาฯ ที่พูดได้เจ็บแสบ เหมือนกับเอาหวายหางกระเบนแช่เยี่ยว หวดกระหน่ำฟาดลงบนหลัง ใครก็ตามที่ชอบอ้างตนเองว่า ไม่เคยสวาปามทั้งนอกใน กับการจัดซื้อจัดจ้าง

เพราะพวกตัวเองนั้น สุจริตเหนือชาวบ้าน!

ท่านผู้อ่านครับ บุญบาปนี่คงจะมีจริง คุณวิชาพูดเมื่อ ๑๑ เดือนที่แล้ว แต่เมื่อวันที่ ๑๙ ต.ค.๒๕๕๐ หยกๆ นี้เอง ‘ไทยรัฐ’ ได้พาดหัวหน้า ๑ ว่า

“คุ้ยแผลสุรยุทธ์ แก้สเปกซื้อรถ”

หากท่านผู้อ่านสังเกตให้ดีๆ มันช่างลงมาเจือสมกัน กับคำแถลงของคุณวิชาฯ ที่ตอบโต้มิสเตอร์บังได้ลงตัว พอดิบพอดีทีเดียว

ช่างเหมาะเจาะ...เจ๋งเป้งเหลือเกิน!

ดังนั้น การขุดคุ้นเรื่องราวและแผลเก่า ของเจ้าของคฤหาสน์เขายายเที่ยง และเรื่องราวการทุจริตของทหาร ที่โผล่งอกออกมาจนเห็นกันได้ชัดเจน ทั้งจากสภาและสื่อสารมวลชน ผนวกกับการที่ ป.ป.ช.ออกรายงานว่า

อดีตเจ้ากรมสื่อสารทหารบกหลายนาย จะต้องถูกดำเนินคดีฐานทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ข้อหางาบเงิน ‘ค่าต๋ง’ สถานีวิทยุในเครือกองทัพ

เรื่องอัปรีย์เหล่านี้ ประเดประดังกันเข้ามาเป็นระลอกๆ จนหาจุดจบได้ยาก เพราะวงการทหารนั้น อาจมีเรื่องทุจริตอย่างที่เขาลือกัน ซุกซ่อนไว้เพียบ ที่โผล่ให้เห็นก็แค่ยอดภูเขาน้ำแข็ง

แต่ฐานที่อยู่ใต้น้ำทะเล กว้างขวางใหญ่โต...เบ้อเร่อเท่อ !

ท่านผู้อ่านที่เคารพ...นี่แสดงให้เห็นเป็นที่ประจักษ์แล้ว โดยปราศจากข้อสงสัย ว่า
ในแวดวง-ดงทหารนั้น ก็มี เรื่องทุจริต-โสมมมากมาย เหมือนนักการเมืองและข้าราชการอื่นๆ ไม่ได้แตกต่าง หรือวิเศษวิเสโส กว่ากันแต่อย่างใดเลย!

ขอเตือนความจำ กันสักนิดเถอะ...

ยังจำกันได้หรือเปล่าว่า อดีตรัฐมนตรีเกษตร ซึ่งเป็นนายทหารยศพลเอก ผู้มีประวัติเป็นนายทหารฝ่ายเสนาธิการที่ปราดเปรื่อง ได้ถูกจำคุกเป็นรายแรกในประวัติศาสตร์และ...

ตายในคุก!

หรือแม้แต่เรื่อง การยึดทรัพย์ในกรณีร่ำรวยผิดปกติ ผู้ที่โดนกฎหมายนี้ แผลงฤทธิ์เข้าให้ เป็นรายแรกของประเทศก็ คือ...

นายทหารยศ พล.อ. เป็นถึงอดีต ‘ปลัดกระทรวงกลาโหม’ ด้วย!

ดังนั้น ฝ่ายทหารควรต้องรู้ว่า โลกเรานี้ย่างมาถึงยุค The World Is Flat คือ “ยุคโลกเรียบ” หรือ “ยุคโลกระนาบ” บางคนก็เรียกว่ายุด “ยุคโลกแบน” กันแล้วนั้น ก็เพราะคนในโลกนี้เข้าถึงข้อมูลข่าวสาร ได้อย่างรวดเร็วเสมอหน้ากัน ไม่ได้โง่ดักดาน หรือมีความรู้น้อยกว่าฝ่ายทหาร เพราะความสามารถ ในการบริหารกิจการบ้านเมือง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจสังคม การเมืองการทูต และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในโลกยุคปัจจุบัน นั้น

ฝ่ายพลเรือนมีความช่ำชอง และเชี่ยวชาญกว่าทหารมาก จะเป็นรองก็ในทางทหารเท่านั้น แต่พลเรือนอย่าง พล.ต. ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช อดีตนายกรัฐมนตรี มิใช่หรือ...

ที่ทำให้การรุกราน ของพรรคคอมมิวนิสต์ไทย ต้องยุติลง!?

หากฝ่ายทหาร ยังดันดักดานคิดว่า พวกตัวมีความสามารถทางการเมือง มากกว่าฝ่ายพลเรือน ขืนคิดอย่างนั้นจะแพ้ภัยตัวเองแน่ เพราะถึงวันนี้ การรัฐประหารที่ผ่านมา แสดงให้ ผู้คนเห็นกันชัดเจนแล้วว่า

ไม่มีอัศวินคนใด ขี่หมาขาวหรือหมาดำตัวไหน เข้ามาแก้ไขวิกฤติชาติได้

นอกจากประชาชนคนไทยเท่านั้น...ที่จะแก้ไขกันเอง!!

เรื่องการทุจริตของทหาร สื่อต่างๆพากันคาดเดาไปต่างๆนาน บ้างก็ว่าเรื่องจะไม่มีทางโผล่ออกมา ให้เห็นกันอย่างชัดเจน จนประชาชนคนในชาติได้รับรู้กันทั่ว ถ้าพวกทหารไม่เกิดขัดกันถึงขั้น ‘ขายกันเอง’ ด้วยการออกมาให้ข่าวหนังสือพิมพ์

เพื่อฟาดฟันฝ่ายตรงข้าม!

บ้างก็ว่า เป็นเพราะไม่ยอมให้มีเอี่ยว ในผลประโยชน์ด้วยกัน ทำนองใจคับแคบ แอบงาบซะเหล่าเดียวเท่านั้นฯลฯ ก็สุดแต่จะวิพากษ์วิจารณ์กันไป แต่ความจริงก็คือ ปรากฏการณ์ครั้งนี้ ชื่อเสียงของผู้สวมเครื่องแบบทหาร ในด้านความซื่อสัตย์นั้น

เสียหายไปแล้ว อย่างเหลือประมาณ!!

แค่นั้นยังไม่พอ ฝ่ายที่ขัดขวางกระบวนการ “งาบเงียบ” ยังสบช่อง ตอกย้ำด้วยการนำเรื่องโร่เข้าไปถกประจานกัน ถึงในรัฐสภาเลยทีเดียว ประชาชนถึงกับอึ้ง ส่ายหัวด้วยความคาดไม่ถึง ผู้คนเขาบอกว่า

น่าอับอายขายหน้า และน่าอนาถใจเป็นอย่างยิ่ง!!!

ชาวบ้านที่เขาทั้งฟังข่าว และอ่านข่าวอัปรีย์อย่างนี้ ก็พากันบอกว่า นี่ไงเป็นหลักฐานยืนยันอย่างชัดเจนว่า

เมื่อพวกที่อ้างว่าซื่อสัตย์ต่อแผ่นดิน เมื่อเข้ายึดอำนาจในบ้านเมืองนี้กันแล้ว ได้เปิดศักราชเหมือนหนังตลกเรื่อง ‘วิ่ง-สู้-ฟัด’ แต่ซีนาริโอที่เราเห็นกัน กลายเป็นภาพยนตร์เรื่อง ‘กิน-แดก-ยัด’ กันขนาดหนัก ไม่แพ้หรือยิ่งกว่านักการเมืองเสียอีก...

จนชาวบ้านพวกที่มีคารมคมคาย ก็วิจารณ์แบบเอามันกัน โดยบอกว่า

“ปฏิวัติเที่ยวนี้ มันเหมือน ‘แร้งลงชาติ’ ของเรา เลยทีเดียว เผลอไม่ได้...มันแดกกันเรียบ!”

นี่ไม่ได้พูดเองนะ เพียงแต่นำถ้อยคำที่คนเขาพูดกรอกหู มาเล่าสู่กันฟังเท่านั้น ใครจะรับฟังหรือไม่อย่างไรนั้น...เชิญตามสบาย ผมไม่สนใจ!!

สำหรับการจัดซื้อรถหุ้มเกราะล้อยาง หรือรถเอพีซี ราคาหลายพันล้านบาทในครั้งนี้ จะมีการทุจริต ไม่โปร่งใส ตามที่สื่อมวลชนรายงานหรือไม่อย่างไร นั้น

สถานการณ์เริ่มบานปลาย ขยายวง ออกไป เมื่อหนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ฉบับประจำวันเสาร์ ที่เพิ่งผ่านมาเมื่อกลางเดือนนี้เอง พาดหัวข่าวตัวโตคาดแดง ว่า

ระงับเซ็นซื้อ!
รวม.กหว: “ให้เคลียร์รถหุ้มเกราะ”


ท่านว่าการกลาโหม คือ ‘กำนัน บุญรอด’ ไม่ยอมลงนามอนุมัติการจัดซื้อ ที่มีกลิ่นของความไม่ชอบมาพากล จนชาวบ้านร้านตลาด พากันเคลือบแคลงในความโปร่งใส

ยิ่งกว่านั้น ยังมีรายงานข่าวต่อไปอีกว่า

ส.ต.ง.ได้ลงมาสอบการจัดซื้อจัดหาในครั้งนี้ พบเหตุความโปร่งใส ได้ทักท้วงไปในส่วนที่ยังเป็นปัญหา โดยตั้งข้อสังเกตไปแล้ว เท่านั้นยังไม่พอ ได้แนบร่างพระราชกฤษฎีกาแก้ไขเพิ่มเติม การจัดซื้อจัดจ้างใหม่ไปยังรัฐบาลอย่างเร่งด่วน และขอให้ประกาศใช้โดยเร็ว

ทั้งนี้ เพื่อป้องกันภาพยนตร์เรื่อง ‘กิน-แดก-ยัด’ ของพวกแร้งลงชาติ ไม่ให้มีโรงฉายอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น!

ผมเพิ่งพบกับผู้เชี่ยวชาญ ด้านการสอบสวนคดีทุจริต ซึ่งได้รับการยกย่องมากคนหนึ่งของประเทศนี้ ได้บอกกับผม ว่า

“ชิ้นมันใหญ่ ก็ ‘ขยอก’ ออกมาก่อน...”

เว้นวรรคนิดหนึ่ง ก่อนอรรถาธิบายต่อ

“...รอให้เงียบๆหน่อย ตั้งสมาธิให้ดี ค่อยๆเคี้ยว ค่อยๆกลืน เดี๋ยวก็ผ่านลูกกระเดือกลงคอและถึงท้อง ไปได้เองแหละน่า..”

อืมม์...ใช้ภาษาสัตว์แพทย์ อธิบายเสียเห็นภาพชัดแจ๋วเลย

แต่ชาวบ้านอย่างเราๆท่านๆ จะปล่อยให้มันเงียบไปง่ายๆ...อย่างนั้นหรือ!?

ท่านผู้อ่าน ที่เคารพครับ

...ดูๆ ไปแล้วก็ใจหาย ให้สงสารประเทศไทยของเรายิ่งนัก เพราะบรรดาผู้นำทหาร ที่โผล่ขึ้นมาจากหลุม เข้ายึดกุมอำนาจบ้านเมืองครั้งล่าสุด นั้น

ยังคงไม่สามารถล้าง หรือสลัดคราบคอรัปชั่น ให้หลุดไปจากวงจรของกองทัพได้ ช่างไม่แตกต่างอะไรกันเลย กับขุนทหาร เหล่าเผด็จการในอดีต...


ที่ล้วนแต่ทิ้ง ร่องรอยระยำ-ตำใจประชาชน!

ให้เป็นตำนานเล่าขาน มาจนกระทั่งทุกวันนี้ และผู้เขียนเองก็ได้นำเสนอต่อท่านผู้อ่าน ไปหลายครั้งแล้ว!!

ผมเชื่อโดยตลอดมาว่า บ้านเมืองของเรานั้น ยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองอยู่ อีกไม่นานเกินรอหรอกครับ


เรื่องร้อนๆ อย่างนี้ จะต้องมีการตีแผ่ออกมา ให้เห็นกันชัดๆ ว่า...

ใครกันแน่ ที่มันตอหลด-ตอแหล-โกหกประชาชน!!!?

...............
กำลังโหลดความคิดเห็น